ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ คุณครูเดือนฉาย หนูแสนดี ง31101 วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ม. 4 ภาคเรียนที่ 1/2554

รูปภาพของ pnckruuciap

ตอบคำถามใน สมุด
1. สร้างบล็อกส่วนตัวไว้ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต บล็อกจัดเป็นเครื่องมือข้อใด
1. hardware
2. software
3. peopleware
4. firmware
2. เปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้า ข้อความนี้เป็นการ ทำงานของอุปกรณ์ใด
1. แผงแป้นอักขระแบบ PS2
2. เมาส์แบบลูกบอล
3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์
4. เครื่องอ่านรหัสแท่ง
3. อุปกรณ์ที่ใช้เปลี่ยนพลังงานเสียงเป็นพลังงานไฟฟ้าคือ อุปกรณ์ใด
1. ลำโพงเสียง
2. โปรแกรมบันทึกเสียง
3. ไมโครโฟน
4. แฟ้มเสียง
4. แผงหลักของเครื่องคอมพิวเตอร์มีชื่อเรียกตามข้อใด
1. mother board
2. main board
3. Winchester board
4. switch board
5. เก็บพักข้อมูลก่อนส่งให้ซีพียูเป็นการทำงานของอุปกรณ์ใด
1. หน่วยความจำ RAM
2. หน่วยความจำ ROM
3. ฮาร์ดดิสก์
4. หน่วยความจำ Cache

1.ฮาร์ดแวร์  คือ
ตอบ
ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบข้าง (Peripheral) ที่สามารถสัมผัสได้ โดยจะประกอบด้วยอุปกรณ์ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการประมวลผลข้อมูล การรับข้อมูล การแสดงผลข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์
2. ซอฟต์แวร์  คือ      มีกี่ประเภท............อธิบาย
ตอบ  หมายถึงชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ซอฟต์แวร์จึงหมายถึงลำดับขั้นตอนการทำงานที่เขียนขึ้นด้วยคำสั่งของคอมพิวเตอร์  มี 2 ประเภท ดังนี้
1. Software ระบบ (System Software) คือ ชุดของคำสั่งที่เขียนไว้เป็นคำสั่งสำเร็จรูป ซึ่งจะทำงานใกล้ชิดกับคอมพิวเตอร์มากที่สุด
2. Software ประยุกต์ (Application Software)
คือ Software หรือโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะด้านเอกสาร บัญชี การจัดเก็บข้อมูล เป็นต้น
3. บุคลากร คือ    มีกี่ประเภท  ...... อธิบาย
ตอบ บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ แบ่งออกได้ 4 ระดับ ดังนี้
1. ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน
2. นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) คือ ผู้ที่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และทำการวิเคราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน เพื่อให้โปรแกรมเมอร์เป็นผู่เขียนโปรแกรมให้กับระบบงาน
3. โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ ผู้เขียนโปรแกรมสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ทำงานตามความต้องการของผู้ใช้ โดยเขียนตามแผนผังที่นักวิเคราะห์ระบบได้เขียนไว้
4. ผู้ใช้ (User) คือ ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป ซึ่งต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง และวิธีการใช้งานโปรแกรม
4. spss  คือ 
ตอบ เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ
5. รหัสแอสกี คือ 
ตอบ เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันมากในระบบคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ เป็นคำย่อมาจาก American Standard Code Information Interchange เป็นรหัส 8 บิต แทนสัญลักษณ์ต่าง ๆ

งานที่31. คอมพิวเตอร์ คือ คอมพิวเตอร์  หมายถึง  เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานคำนวณผลและเปรียบเทียบค่าตามชุดคำสั่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้คำจำกัดความว่า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่ เสมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์
2. หน่วยรับเข้า คือ เป็นอุปกรณ์ที่นำข้อมูลหรือโปรแกรมเข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจำหลัก และใช้ในการประมวลผล อุปกรณ์รับข้อมูลมีหลายประเภท เช่น 1. แผงแป้นอักขระ (keyboard) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลโดยรับข้อมูลจากการกดแป้นบนแผงแป้นอักขระแล้วส่งรหัสให้กับคอมพิวเตอร์ แผงแป้นอักขระมาตรฐานที่นิยมใช้กันมากในขณะนี้มีจำนวนแป้น 103 แป้น ถึงแม้จะมีจำนวนแป้นมากแล้ว แต่การป้อนข้อมูลก็ยังมีตัวยกแคร่ (shift) สำหรับใช้ควบคู่กับตัวอักษรอื่น เช่น กดแป้น shift เพื่อเลือกตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็กหรือตัวใหญ่ แผงแป้นอักขระที่ใช้ในประเทศไทยสามารถใช้พิมพ์ตัวอักษรภาษาไทยได้ การที่รับข้อมูลภาษาไทยได้เนื่องจากมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ทำงานภาษาไทยได้
2. เมาส์ (mouse) แทร็กบอล (trackball) และก้านควบคุม (joystick)  การพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันจะเน้นให้ผู้ใช้ใช้งานได้ง่าย จึงมีการพัฒนาอุปกรณ์รับเข้าที่เหมาะสมกับโปรแกรม เช่น เมาส์  แทร็กบอล  และก้านควบคุม ซึ่งสามารถเลื่อนตัวชี้ไปบนจอแล้วเลือกสิ่งที่ต้องการได้ก้านควบคุม มีลักษณะเป็นก้านโยกซึ่งโยกได้หลายทิศทาง ขณะที่โยกก้านไปมาตำแหน่งของตัวชี้จะเปลี่ยนไปด้วย  3. เครื่องกราดตรวจ (scanner)  เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีของการผ่านแสง เพื่อทำการอ่านรหัสสัญลักษณ์ หรือรูปภาพ แล้วให้คอมพิวเตอร์นำไปประมวลผลต่อไป เครื่องอ่านรหัสแท่ง (barcode reader ) เป็นอุปกรณ์รับเข้าที่ใช้สำหรับอ่านรหัสแท่ง (bar code) ซึ่งเป็นแถบเส้นที่ประกอบด้วยเส้นขนาดแตกต่างกันใช้แทนรหัสข้อมูลต่างๆ การอ่านจะใช้แสงส่องแถบเส้นทำให้เกิดการสะท้อนเพื่อรับรหัสเข้ามาตีความหาย ปัจจุบันนิยมใช้ในห้างสรรพสินค้า สินค้าทุกชนิดจะติดรหัสแท่งไว้ ผู้ขายใช้เครื่องอ่านรหัสแท่งเพื่อจะได้ทราบว่าเป็นรหัสของสินค้าใด ราคาเท่าใดและสามารถออกใบเสร็จรับเงินให้ได้อย่างอัตโนมัติ  เครื่องอ่านอักขระหมึกแม่เหล็ก (Magnetic-Ink Character Recognition: MICR) ที่พบเห็นได้บ่อยครั้งคือ เครื่องอ่านตัวเลขที่พิมพ์อยู่บนตั๋วสัญญาใช้เงิน ตัวเลขเหล่านี้มีลักษณะพิเศษที่ทำให้เครื่องอ่านได้ เนื่องจากแต่ละวันธนาคารต้องรับและออกตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นจำนวนมาก จึงมีการใช้เครื่องอ่านตัวเลขช่วยในการอ่าน หรือเครื่องอ่านตัวเลขที่สำนักงาน ไปรษณีย์ใช้เพื่อช่วยแยกจดหมายตามรหัสไปรษณีย์

3. หน่วยประมวลผลกลาง คือ มีหน้าที่นำคำสั่งและข้อมูลที่เก็บไว้ใน หน่วยความจำมาแปลความหมาย และกระทำตามคำสั่งพื้นฐานของไมโครโพรเซสเซอร์ ซึ่งแทนด้วยรหัสเลขฐานสอง เช่น 1.หน่วยควบคุม (Arithmetic and logic unit) 
             ทำหน้าที่ควบคุมการทำงาน ควบคุมการเขียนอ่านข้อมูลระหว่างหน่วยความจำของซีพียู ควบคุมกลไกการทำงาน ทั้งหมดของระบบ ควบคุมจังหวะเวลา โดยมีสัญญาณนาฬิกา เป็นตัวกำหนดจังหวะการทำงาน 
2. หน่วยคำนวน (Control Unit)
             เป็นหน่วยที่มีหน้าที่นำเอาข้อมูลที่เป็นตัวเลขฐานสองมาประมวลผลทางคณิตศาสตร์ และตรรกะ เช่น 
การบวก การลบ การเปรียบเทียบ และ การสลับตัวเลข เป็นต้นการคำนวณทำได้เร็วตามจังหวะการควบคุม
ของหน่วยควบคุม
4. หน่วยส่งออก คือ  หน่วยส่งออก ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผลในรูปที่มนุษย์สามารถเข้าใจ อุปกรณ์ส่งออก ที่ใช้ใน ระบบคอมพิวเตอร์    ที่นิยมทั่วไปคือจอภาพ (monitor) และเครื่องพิมพ์ (printer) อุปกรณ์ส่งออก
ของคอมพิวเตอร์ ยังมีอีกมาก เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์
5. หน่วยความจำหลัก คือ หน่วยความจำที่ต่อกับหน่วยประมวลผลกลาง และหน่วยประมวลผลกลางสามารถใช้งานได้โดยตรง หน่วยความจำ ชนิดนี้จะเก็บข้อมูล และชุดคำสั่งในระหว่างประมวลผล และมีกระแสไฟฟ้า เมื่อปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ข้อมูลในหน่วย ความจำนี้จะหายไปด้วย หน่วยความจำหลักที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ปัจจุบัน เป็นชนิดที่ทำมาจากสารกึ่งตัวนำ หน่วยความจำชนิดนี้มีขนาดเล็ก ราคาถูก แต่เก็บข้อมูลได้มาก และสามารถให้หน่วยประมวลผลกลาง นำข้อมูลมาเก็บ และเรียกค้นได้อย่างรวดเร็ว
         เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องต้องอาศัยหน่วยความจำหลัก เพื่อใช้เก็บข้อมูลและคำสั่ง ซีพียูจะทำหน้าที่นำคำสั่ง จากหน่วยความจำหลัก มาแปลงความหมายแล้วกระทำตาม เมื่อทำเสร็จก็จะนำผลลัพธ์มาเก็บไว้ในหน่วยความจำหลัก ซีพียูจะกระทำตามขั้นตอนเช่นนี้เป็นวงรอบเรื่อยๆ ไปอย่างรวดเร็ว เรียกการทำงานลักษณะนี้ว่า วงรอบคำสั่ง (Execution cycle)
         จากการทำงานเป็นวงรอบของซีพียูนี้เอง การอ่านเขียนข้อมูลลงในหน่วยความจำหลัก จะต้องทำได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันการทำงานของซีพียู โดยปกติุุถ้าให้ซีพียูทำงานที่มีความถี่ของสัญญาณนาฬิกา 2,000 เมกะเฮิรตซ์ หน่วยความจำหลักที่ใช้ทั่วไปมักจะมีความเร็วไม่ทันช่วงติดต่ออาจมีเพียง 100 เมกะเฮิรตซ์ แบ่งได้  1.หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ (volatile memory)
          คือถ้าเป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลไว้แล้ว หากไฟฟ้าดับ คือไม่มีไฟฟ้าจ่ายให้ กับวงจรหน่วยความจำ ข้อมูลที่เก็บไว้จะหายไปหมด
2. หน่วยความจำไม่ลบเลือน (nonvolatile memory)
         คือ หน่วยความจำเก็บข้อมูลได้ โดยไม่ขึ้นกับไฟฟ้าที่เลี้ยงวงจร6. หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้หรือแรม  เป็นหน่วยความจำหลัก ที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน หน่วยความจำชนิดนี้ อนุญาตให้เขียนและอ่านข้อมูลได้ในตำแหน่งต่างๆ อย่างอิสระ และรวดเร็วพอสมควร ซึ่งต่างจากสื่อเก็บข้อมูลชนิดอื่นๆ อย่างเทป หรือดิสก์ ที่มีข้อจำกัดในการอ่านและเขียนข้อมูล ที่ต้องทำตามลำดับก่อนหลังตามที่จัดเก็บไว้ในสื่อ หรือมีข้อกำจัดแบบรอม ที่อนุญาตให้อ่านเพียงอย่างเดียว                ข้อมูลในแรม อาจเป็นโปรแกรมที่กำลังทำงาน หรือข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผล ของโปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่ ข้อมูลในแรมจะหายไปทันที เมื่อระบบคอมพิวเตอร์ถูกปิดลง เนื่องจากหน่วยความจำชนิดนี้ จะเก็บข้อมูลได้เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเท่านั้น มี  จานแม่เหล็ก ( magnetic disk storage) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกประเภท จานแม่เหล็กประกอบด้วยแผ่นพลาสติกหรือโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก ข้อมูลสามารถบันทึกและอ่านจากผิวหน้าที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็กนี้ จานแม่เหล็กเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีความจุสูง มีความเชื่อถือได้ และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ประเภทของจานแม่เหล็ก เช่น ฮาร์ดดิสก์ ( hard disk )ฟลอปปี้ดิสก์ นิยมเรียกโดยทั่วไปว่า ดิสก์เกตต์ ( diskettes) หรือดิสก์ ( disks) เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองที่สามารถพกพาและเคลื่อนย้ายได้สะดวก ฟลอปปีดิสก์ ในรุ่นแรก ๆ จะมีขนาด 8 นิ้ว และ 5.25 นิ้ว แต่ปัจจุบันนิยมใช้ขนาด 3.5 นิ้วแต่เดิมฟลอปปีดิสก์เรียกว่า ฟลอปปี ( floppies) เพราะดิสก์มีลักษณะที่บางและยืดหยุ่น แต่ปัจจุบันลักษณะของดิสก์ได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เป็นดิสก์ที่หุ้มด้วยแผ่นพลาสติกแข็ง แต่เนื้อดิสก์ภายในยังคงอ่อนเหมือนเดิม จึงเรียกฟลอปปี้เช่นเดิม
7. หน่วยความจำแคช คือ หน่วยความจำขนาดเล็กที่มีความเร็วสูงซึ่งเก็บข้อมูล หรือคำสั่งที่ถูกเรียกใช้หรือเรียกใช้บ่อยๆ ข้อมูลและคำสั่งที่เก็บอยู่ใน CACHEซึ่งทำงานโดยใช้ SRAM (STATIC RAM) จะถูกดึงไปใช้งานได้เร็วกว่าการดึงข้อมูลจากหน่วยความจำหลัก (MAIN MEMORY)ซึ่งใช้DRAM (DYNAMIC RAM )หลายเท่าตัว 8. หน่วยความจำสำรอง คือ มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลหรือโปรแกรม  เหมือนกับ หน่วยความจำหลัก แต่ต่างจากหน่วยความจำหลัก คือ    หน่วยความจำรอง สามารถจัดเก็บข้อมูล และโปรแกรมไว้ใช้ในภายหลังได้  แม้จะปิดเครื่องคอมพิวเตอร์  ข้อมูลและโปรแกรมที่เก็บไว้  ไม่สูญหายหรือถูกลบทิ้ง
9. ฮาร์ดดิสก์ คือ  อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่บรรจุข้อมูลแบบไม่ลบเลือน มีลักษณะเป็นจานโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็กซึ่งหมุนอย่างรวดเร็วเมื่อทำงาน การติดตั้งเข้ากับตัวคอมพิวเตอร์สามารถทำได้ผ่านการต่อเข้ากับมาเธอร์บอร์ด (motherboard) ที่มีอินเตอร์เฟซแบบขนาน (PATA) , แบบอนุกรม (SATA) และแบบเล็ก (SCSI) ทั้งยังสามารถต่อเข้าเครื่องจากภายนอกได้ผ่านทางสายยูเอสบี, สายไฟร์ไวร์ของ บริษัท Apple ที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่า รวมไปถึงอินเตอร์เฟซอนุกรมแบบต่อนอก (eSATA) ซึ่งทำให้การใช้ฮาร์ดดิสก์ทำได้สะดวกยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีคอมพิวเตอร์ถาวรเป็น ของตนเอง
10. แผงวงจรหลักหรือเมนบอร์ด คือ เมนบอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญรองมาจากซีพียู เมนบอร์ดทำหน้าที่ควบคุม ดูแลและจัดการๆ ทำงานของ อุปกรณ์ชนิดต่างๆ แทบทั้งหมดในเครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ซีพียู ไปจนถึงหน่วยความจำแคช หน่วยความจำหลัก ฮาร์ดดิกส์ ระบบบัส บนเมนบอร์ดประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆ มากมายที่มา : http://www.sglcomp.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=376106

รูปภาพของ pncpornpim

ส่งแล้วค่ะ

พรพิมพ์ พิทักษ์กรสกุล

ม.4/1

รูปภาพของ pncpornpim

ใบงานที่ 5

1.ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ หมายถึงเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เหมาะกับงานคำนวณที่ต้องมีการคำนวณตัวเลขจำนวนหลายล้านตัวภายในเวลาอันรวดเร็ว
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ หมายถึง
คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีการพัฒนามาตั้งแต่เริ่มแรก
ตัวเครื่องประกอบด้วยตู้ขนาดใหญ่ที่ภายในตู้มีชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่าง ๆ
อยู่เป็นจำนวนมาก
แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเมนเฟรมคอมพิวเตอร์มีขนาดลดลงมาก
3. มินิคอมพิวเตอร์ หมายถึง  เป็นเครื่องที่สามารถใช้งานพร้อม ๆ
กันได้หลายคน จึงมีเครื่องปลายทางต่อได้
มินิคอมพิวเตอร์เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูงกว่าสถานีงานวิศวกรรม
นำมาใช้สำหรับประมวลผลในงานสารสนเทศขององค์การขนาดกลาง
จนถึงองค์การขนาดใหญ่
4. ไมโครคอมพิวเตอร์ หมายถึง  เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก
บางคนเห็นว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานส่วนบุคคล หรือเรียกว่า พีซี
(Personal Computer : PC)
5. คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ หมายถึง 
เป็นไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กถูกออกแบบมาให้ตั้งบนโต๊ะ
มีการแยกชิ้นส่วนประกอบเป็น ซีพียู จอภาพ และแผงแป้งอักขระ
6. คอมพิวเตอร์โน้คบุ๊ก หมายถึง 
เป็นไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดและความหนามากกว่าแล็ปท็อป น้ำหนักประมาณ
1.5-3 กิโลกรัม จอภาพแสดงผลเป็นแบบราบชนิดมีทั้งแบบแสดงผลสีเดียว
7. คอมพิวเตอร์แบบมือถือ หมายถึง
เป็นไมโครคอมพิวเตอร์สำหรับทำงานเฉพาะอย่าง เช่นเป็นพจนานุกรม
เป็นสมุดจนบันทึกประจำวัน บันทึกการนัดหมายและการเก็บข้อมูล
ที่มา :  http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/hardware/index2.htm

รูปภาพของ pncpornpim

 ใบงานที่41.แผ่น CD : CD แผ่นหนึ่ง ความจุในการเขียนข้อมูลจะอยู่ที่ประมาณ 700 MB (1,024 MB = 1 GB)ที่มา :  http://www.manacomputers.com/how-long-time-for-download-dvd-vcd/2. ดีวีดี :ความจุของ DVD แผ่นหนึ่ง เท่ากับ 4.7 GB (1,024 MB = 1 GB) ที่มา :  http://www.manacomputers.com/how-long-time-for-download-dvd-vcd/
3. คลื่นบลูทูธ เป็นคลื่นวิทยุ  ความถี่ประมาณ 2.4 กิกะเฮิร์ตช์ มีระยะรับส่งประมาณ 5-10 เมตรที่มา :  http://cpe.kmutt.ac.th/wiki/index.php/BlueTooth_Group_13 4. Lan  คือ ย่อมาจาก Local Aria Network ซึ่งแปลได้ว่า “ระบบเครือข่ายขนาดเล็ก” ที่ต้องประกอบด้วย Server และ Client โดยจะต้องมีคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการและผู้ใช้โดยที่ผู้ให้บริการซึ่งเป็น Server นั้น จะเป็นผู้ควบคุมระบบว่าจะให้การทำให้การทำงานเป็นเช่นไร และในส่วนของ Server
เองจะต้องเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสถานะภาพสูง เช่นทำงานเร็ว
สามารถอ้างหน่วยความจำได้มาก มีระดับการประมวลผลที่ดี
และจะต้องเป็นเครื่องที่จะต้องมีระยะการทำงานที่ยาวนาน เพราะว่า
Server จะถูกเปิดให้ทำงานอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง
ที่มา :  http://www.yupparaj.ac.th/CAI/Network/introlan.htm
5. ฮับ (Hub)
ทำหน้าที่
ฮับเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงสัญญาณของอุปกรณ์เครือข่ายเข้าด้วยกัน
การจะทำให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์รู้จักกัน
หรือส่งข้อมูลถึงกันได้จะต้องผ่านอุปกรณ์ตัวนี้
ที่มา :   http://blog.cstc.ac.th/node/74 

รูปภาพของ pncpornpim

ใบงานที่3

คอมพิวเตอร์ คือ เป็นเครื่องจักรแบบ
สั่งการได้ที่ออกแบบมาเพื่อดำเนินการกับลำดับตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์หรือ
คณิตศาสตร์ โดยอนุกรมนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อพร้อม
ส่งผลให้คอมพิวเตอร์สามารถแก้ปัญหาได้มากมาย
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C 


หน่วยรับเข้า เป็นอุปกรณ์ที่นำข้อมูลหรือโปรแกรมเข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจำหลัก และใช้ในการประมวลผล เช่น เมาส์ (Mouse)แผงแป้นอักขระ (keyboard)ที่มา http://www.paktho.ac.th/trirong//classroom/plan5001/page8.htm
  หน่วย
ประมวลผลกลาง หรือไมโครโพรเซสเซอร์ของไมโครคอมพิวเตอร์
มีหน้าที่นำคำสั่งและข้อมูลที่เก็บไว้ใน หน่วยความจำมาแปลความหมาย
และกระทำตามคำสั่งพื้นฐานของไมโครโพรเซสเซอร์ ซึ่งแทนด้วยรหัสเลขฐานสอง
เช่น
CPU
ที่มาhttp://www.chakkham.ac.th/technology/computer1/cpu.htm
 หน่วย
ส่งออก
ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผลในรูปที่มนุษย์สามารถ
เข้าใจ อุปกรณ์ส่งออก ที่ใช้ใน ระบบคอมพิวเตอร์
   เช่น จอภาพ (monitor) เครื่องพิมพ์ (printer)
ที่มาhttp://www.rayongwit.ac.th/computer/m2fri49/g22m2fri/output.htm
 

หน่วยความจำหลัก มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลและโปรแกรมที่จะให้ซีพียูเรียกไปใช้งานได้ แบ่งได้ 1. แรม (Random Access Memory: RAM) เป็นหน่วยความจำที่ใช้เก็บข้อมูลทั่วไป  

2. รอม (Read Only Memory: ROM) เป็นหน่วยความจำอีกประเภทหนึ่งที่มีการอ้างอิงตำแหน่งที่อยู่ข้อมูลแบบเข้าถึงโดยสุ่ม ที่มาhttp://school.obec.go.th/uts_s/webpages/computer/p_memo.htm


 แรม (RAM: Random Access Memory หน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่ม หรือหน่วยความจำชั่วคราว)มี     1.SDRAM 2.DDR – RAM   
  แคชสำหรับหน่วยความจำ (memory cache) จะ
เป็นการใช้หน่วยความจำแรมชนิดความเร็วสูงพิเศษมากเก็บคำสั่งและข้อมูลที่ใช้
บ่อย ๆ จากหน่วยความจำแรกปกติของระบบ
เพื่อลดเวลาที่ซีพียูใช้ในการอ่านหน่วยความจำแรมของระบบ
ซึ่งมีความเร็วในการทำงานช้ากว่าการทำงานของซีพียูมาก

ที่มาhttp://cptd.chandra.ac.th/selfstud/it4life/sub%20vol4.htm


 หน่วยความจำรอง มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลหรือโปรแกรม  เหมือนกับ หน่วยความจำหลัก แต่ต่างจากหน่วยความจำหลัก คือ    หน่วยความจำรอง สามารถจัดเก็บข้อมูล และโปรแกรมไว้ใช้ในภายหลังได้  
ที่มา
http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/kanidta_v/computer/sec04p01.html

ฮาร์ดดิสก์ คือหน่วยความจำรองที่มีขนาดความจุมากที่สุด ไม่สะดวกพกพา
ที่มาhttp://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/kanidta_v/computer/sec04p02.html


Mainboard (แผงวงจรหลัก) เมนบอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญรองมาจากซีพียู เมนบอร์ดทำหน้าที่ควบคุม ดูแลและจัดการๆ ทำงานของ อุปกรณ์ชนิดต่างๆ

ที่มาhttp://www.sglcomp.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=376106

รูปภาพของ pncpornpim

 ใบงานที่2

1.ฮาร์ดแวร์ หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นต้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ตามลักษณะการทำงาน ได้ 4 หน่วย

2
ซอฟต์แวร์ หมายถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน ซอฟต์แวร์จึงเป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์เราก็ไม่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำอะไรได้เลย ซอฟต์แวร์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 1. ซอฟต์แวร์สำหรับระบบ (System Software)2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)

3
บุคลากร
หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ แบ่งออกได้ 4 ระดับ ดังนี้
1. ผู้จัดการระบบ (System Manager) 2. นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst)         3. โปรแกรมเมอร์ (Programmer)        

4.
ผู้ใช้ (User) 4. spss สถิตินับเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่องานวิจัย
การคำนวณตัวเลขมากๆที่ต้องการความเที่ยงตรงและรวดเร็วด้วยมือหรือ
เครื่องคิดเลขธรรมดาแทบเป็นไปไม่ได้ การนำคอมพิวเตอร์และโปรแกรมเข้ามาใช้
จึงมีความจำเป็นเทียบได้กับความจำเป็นที่ต้องใช้สถิติในการวิจัย
ในปัจจุบันมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ที่นิยมใช้มีอยูุ่่เพียง สอง สามโปรแกรม

5.แอสกี หรือ รหัสมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาเพื่อการแลกเปลี่ยนสารสนเทศ [1] (อังกฤษ: ASCII: American Standard Code for Information Interchange) เป็นรหัสอักขระที่ประกอบด้วยอักษรละติน เลขอารบิก เครื่องหมายวรรคตอน และสัญลักษณ์ต่างๆ โดยแต่ละรหัสจะแทนด้วยตัวอักขระหนึ่งตัว เช่น รหัส 65 (เลขฐานสิบ) ใช้แทนอักษรเอ (A) พิมพ์ใหญ่

6.
เอบซีดิก
หรือ รหัสสับเปลี่ยนเลขฐานสิบเข้ารหัสฐานสองแบบขยาย [1] (อังกฤษ: EBCDIC: Extended Binary Coded Decimal Interchange Code) เป็นรหัสอักขระ 8 บิตที่พัฒนาโดยบริษัท IBM ซึ่งพัฒนาสำหรับระบบปฏิบัติการขนาดใหญ่ โดยเป็นรหัสสำหรับไฟล์ข้อความที่ใช้กับระบบปฏิบัติการ IBM OS-390 สำหรับเครื่องแม่ข่าย S/390 และบริษัทจำนวนมากใช้กับโปรแกรมประยุกต์ legacy application และ
ฐานข้อมูล ในไฟล์เอบซีดิก
ตัวอักษรพยัญชนะและตัวเลขได้รับการนำเสนอเป็นเลขฐานสอง 8 บิต (8
ตัวอักษรของ 0 และ 1) ทำให้สามารถสร้างรหัสได้ 256 รหัส (2 ยกกำลัง 8)
ได้แก่ ตัวพยัญชนะ ตัวเลข และเครื่องหมายพิเศษ แต่ในปัจจุบันนิยมใช้รหัสแอสกี (
ASCII) มากกว่า

7.
นิโคด
(อังกฤษ: Unicode) คือมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์แสดงผลและจัดการข้อความตัวอักษรที่ใช้ในระบบการเขียนของภาษาส่วนใหญ่ในโลกได้อย่างสอดคล้องกัน ยูนิโคดประกอบด้วยรายการอักขระที่แสดงผลได้มากกว่า 100,000 ตัว

8.
คือ มีอุปกรณ์ส่งออก (output device) ทำหน้าที่แสดงผลจากการประมวลผล โดยนำผลที่ได้ออกจาก หน่วยความจำหลักแสดงให้ผู้ใช้ได้เห็นทางอุปกรณ์ส่งออก อุปกรณ์ส่งออกที่นิยมใช้ส่วนใหญ่คือ จอภาพ และเครื่องพิมพ์

9.
เลขฐานสอง
(อังกฤษ: binary numeral system) หมายถึง ระบบเลขที่มีสัญลักษณ์เพียงสองตัวคือ 0 (ศูนย์) กับ 1 (หนึ่ง) บางครั้งอาจหมายถึงการที่มีโอกาสเลือกได้เพียง 2 ทาง เช่น ปิดกับเปิด, ไม่ใช่กับใช่, เท็จกับจริง, ซ้ายกับขวา เป็นต้น

10.
ระบบเลขฐาน 2 (Binary Number System) เป็นเลขฐานที่ประกอบด้วยเลข 2 ตัว ได้แก่เลข 0 กับ เลข 1 ซึ่งเป็นเลขฐานที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ง่าย เพราะว่าอุปกรณ์ทางไฟฟ้า

11
ระบบเลขฐาน 16 (Hexadecimal Number System) เป็นเลขฐานที่ประกอบด้วยตัวเลข 10 ตัวและตัวอักษรแทนตัวเลขอีก 6 ตัว ซึ่งประกอบด้วยเลข 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 และตัวอักษรภาษาอังกฤษแทน 10 ถึง 15 ได้แก่ A, B, C, D, E, F ซึ่งก็จะเก็บข้อมูลได้มากกว่าระบบเลขฐาน 2 ฐาน 8
 

http://th.wikipedia.org/wiki/

รูปภาพของ pncpornpim

ใบงานที่ 1

1.ระบบสารสนเทศ (Information System ) หมายถึง ระบบที่มuการนำคอมพิวเตอร์
มาช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ หรือจัดการกับข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ข้อมุลนั้นกลายเป็น
สารสนเทศที่ดี สามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว
และถูกต้อง
2.ข้อมูล   คือ
ข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจ ข้อเท็จจริงที่เป็นตัวเลข ข้อความ
หรือรายละเอียดซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง
วีดิโอไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง
  ข้อมูลเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  และต้องถูกต้องแม่นยำ  ครบ
ถ้วน
ขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินการที่ให้ความสำคัญของความรวดเร็วของการเก็บข้อมูล
ดังนั้นการเก็บข้อมูลจึงเป็นการเก็บรวบรวมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสิ่งที่
เราสนใจนั่นเอง
3.สารสนเทศ (information) [1] เป็นผลลัพธ์ของการประมวลผล การจัดดำเนินการ และการเข้าประเภทข้อมูลโดยการรวมความรู้เข้า
ไปต่อผู้รับสารสนเทศนั้น สารสนเทศมีความหมายหรือแนวคิดที่กว้าง และหลากหลาย
ตั้งแต่การใช้คำว่าสารสนเทศในชีวิตประจำวัน จนถึงความหมายเชิงเทคนิค
ตามปกติในภาษาพูด แนวคิดของสารสนเทศใกล้เคียงกับความหมายของการสื่อสาร เงื่อนไข การควบคุม ข้อมูล รูปแบบ คำสั่งปฏิบัติการ ความรู้ ความหมาย สื่อความคิด การรับรู้ และการแทนความหมาย
 


4.เทคโนโลยี หมายถึง  การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์  การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของสิ่งต่าง ๆ และหาทางนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์   เทคโนโลยีจึงเป็นคำที่มีความหมายกว้างไกล   เป็นคำที่เราได้พบเห็นและได้ยินอยู่ตลอดมา  ตัวอย่างเช่นทรายที่เราเห็นอยู่บนพื้นดิน   ตามชายหาด  ชายทะเล   เป็น
สารประกอบของซิลิกอน ทรายเหล่านี้มีราคาต่ำและเรามองข้ามไป
เมื่อมนุษย์มีการเรียนรู้วิธีการแยกสกัดเอาสารซิลิกอนให้บริสุทธิ์
และเจือสารบางอย่างให้เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าสารกึ่งตัวนำ
นำมาผลิตเป็นทรานซิสเตอร์และไอซี (
Intergrated :IC) ไอซีเป็นอุปกรณ์ที่รวมวงจรอิเล็กทรอนิคส์จำนวนมากไว้ด้วยกัน มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีขาเล็ก ๆ เป็นจำนวนมาก เรียกว่า ชิพ (chip) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของคอมพิวเตอร์


5.เทคโนโลยีสารสนเท  หมาย
ถึง เทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่
การเก็บรวบรวมข้อมูล การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ การทำสำเนา
และการสื่อสารโทรคมนาคม
เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เหมาะสมและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
อ้างอิง : http://www.islamwit.net/krupim/lesson%20one.html

รูปภาพของ pncwiranee

ของวิลาณีส่งทุกใบแล้วน่ะค่ะ

ขอโทษืีส่งช้าค่ะ SmileSmile

รูปภาพของ pncwiranee

ใบงานที่ 5


1.ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
หมายถึง
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสามารถประมวลผลได้เร็วที่สุด ซึ่งส่วนมากแล้วจะผลิตมาใช้กับงานโดยเฉพาะด้านเท่านั้น เช่น งานวิทยาศาสตร์ที่ยุ่งยากซับซ้อน และต้องมีการคำนวณมาก งานออกเเบบเตรื่องบิน งานวิจัยทางด้านนิวเคลียร์ ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดนี้จะมีราคาค่อนข้างแพงมาก ดั้งนั้นจึงมีใช้ไม่แพร่หลายมากนัก

2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์
หมายถึง
เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีการพัฒนามาตั้งแต่เริ่มแรกเมนเฟรมเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูงมาก
มักอยู่ที่ศูนย์คอมพิวเตอร์หลักขององค์การ
และต้องอยู่ในห้องที่มีการควบคุมอุณหภูมิและมีการดูแลรักษาเป็นอย่างดี



3.
มินิคอมพิวเตอร์
หมายถึง มินิคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องที่สามารถใช้งานพร้อม
ๆ กันได้หลายคน จึงมีเครื่องปลายทางต่อได้ มินิคอมพิวเตอร์เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูงกว่าสถานีงานวิศวกรรม
นำมาใช้สำหรับประมวลผลในงานสารสนเทศขององค์การขนาดกลาง
จนถึงองค์การขนาดใหญ่ที่มีการวางระบบเป็นเครือข่ายเพื่อใช้งานร่วมกัน
เช่น งานบัญชีและการเงิน



4. ไมโครคอมพิวเตอร์
หมายถึง ไมโครคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก
บางคนเห็นว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานส่วนบุคคล
หรือเรียกว่า พีซี (
Personal Computer : PC)



5. คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ
หมายถึง
desktop computer
ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานบนโต๊ะที่ใช้ตามทั่วไปหรือที่ทำงานทั่วไป และเป็นที่คาดการว่าจะถูกทดแทนโดยคอมพิวเตอร์แบบพกพา(labtop)ในอนาคตอันใกล้นี้
6. คอมพิวเตอร์โน้คบุ๊ก หมายถึง
คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าไมโครคอมพิวเตอร์
ถูกออกแบบไว้เพื่อนำติดตัวไปใช้ตามที่ต่างๆ มีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบา
ในปัจจุบันมีขนาดพอๆกับสมุดที่ทำด้วยกระดาษ



7. คอมพิวเตอร์แบบมือถือ
หมายถึง โทรศัพท์ส่วนใหญ่จะรองรับ
GPRS
หรือ EDGEความเร็วที่ได้นั้น ถ้าเป็น GPRS
จะอยู่ที่ประมาณ 3-5 kb/s ส่วน EDGE จะอยู่ที่ประมาณ 7-15 kb/s



http://www.oknation.net/blog/Noppadon666a/2008/11/15/entry-1

รูปภาพของ pncwiranee

ใบงานที่  4

1.แผ่น CD : CD แผ่นหนึ่ง
ความจุในการเขียนข้อมูลจะอยู่ที่ประมาณ
700 MB  (1,024 MB = 1 GB)
2. ดีวีดี :ความจุของ DVD แผ่นหนึ่ง
เท่ากับ
4.7 GB (1,024 MB = 1 GB)

 3. คลื่นบลูทูธ เป็นคลื่นวิทยุ  ความถี่ประมาณ 2.4 กิกะเฮิร์ตช์ มีระยะรับส่งประมาณ 5-10 เมตร

4.
Lan  คือ ย่อมาจาก Local Aria Network ซึ่งแปลได้ว่า ระบบเครือข่ายขนาดเล็กที่ต้องประกอบด้วย Server
และ Client โดยจะต้องมีคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2
เครื่องขึ้นไป

5.
ฮับ (Hub) ทำหน้าที่ ฮับ
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงสัญญาณของอุปกรณ์เครือข่ายเข้าด้วยกัน
การจะทำให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์รู้จักกัน
หรือส่งข้อมูลถึงกันได้จะต้องผ่านอุปกรณ์ตัวนี้


ที่มา
: http://senior.eduzones.com/offy/4185


รูปภาพของ pncwiranee

ใบงานที่ 3


1.คอมพิวเตอร์คือ:
คอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหนึ่งของเทคโนโลยีสารสนเทศที่เอื้อประโยชน์ต่อการแสวงหาสารสนเทศเป็น
 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถรับโปรแกรมและข้อมูลประมวลผลสื่อสารเคลื่อนย้ายข้อมูลและแสดงผลลัพธ์ได้      


  2.หน่วยรับเข้าคือ:หน่วยรับเข้าหรือInputทำหน้าที่รับโปรแกรมข้อมูลหรือคำสั่งเข้าสู่คอมพิวเตอร์แล้วส่งไปที่หน่วยความจำเพื่อ
เตรียมประมวลผลหน่วยรับเข้าแบ่งเป็นประเภทย่อยๆได้เช่น


 1.อุปกรณ์รับเข้าแบบกดยกตัวอย่างเช่นแผงแป้นอักขระนิยมเรียกว่าคีย์บอร์ดใช้พิมพ์คำสั่งข้อมูลเข้าไปเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ต้องมี


 2. อุปกรณ์รับเข้าแบบชี้ตำแหน่งที่เราคุ้นเคยกันก็คือเม้าส์  


 3.หน่วยประมวลผลกลางคือ:หน่วยประมวลผลกลางCPUคือศูนย์กลางกลางประมวล ผลและควบคุมระบบของคอมพิวเตอร์ให้ทุก หน่วยทำงานสอดคล้องสัมพันธ์กันเช่น ควบคุมการทำงานของความจำหลักรับข้อหน่วยคำนวณและตรรกะหน่วยแสดงผล และเก็บข้อมูลต่างๆ


 4.หน่วยส่งออกคือ:หน่วยที่ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผลในรูปที่มนุษย์สามารถเข้าใจอุปกรณ์ส่ง ออกที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์เช่นที่เรานิยมทั่วไปคือจอ(monitor)และเครื่องพิมพ์ (printer)


5.หน่วยความจำหลัก:หน่วยความจำที่ต่อกับหน่วยประมวลผลกลางและหน่วย ประมวลผลกลางสามารถใช้งานได้โดยตรงหน่วย ความจำชนิดนี้จะเก็บข้อมูลและชุดคำสั่งในระหว่างประมวลผลแบ่งได้


  1.หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ (volatile
memory)คือถ้าเป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลไว้แล้วหากไฟฟ้าดับคือไม่มีไฟฟ้าจ่ายให้ วงจรหน่วยความจำข้อมูลที่เก็บไวจะหายไปหมด


     2. หน่วยความจำไม่ลบเลือน (nonvolatile memory)คือหน่วยความจำเก็บข้อมูลได้โดยไม่ขึ้นกับไฟฟ้าที่เลี้ยงวงจร 


6.หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้หรือแรม:คุณลักษณะที่สำคัญของRAM มีอยู2 ประการคือประการแรกสามารถอ่านหรือบันทึก             ข้อมูลได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วด้วยการใช้สัญญานไฟฟ้าประการที่สอง ข้อมูลที่เก็บอยู่นั้นเป็นการเก็บไว้ชั่วคราวหน่วยความจำ          RAM จะต้องได้รับพลังงานไฟฟ้ามาป้อนอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งเราสามารถแบ่งออกเป็น2ประเภทใหญ่คือ DRAM  และ SRAM


7.หน่วยความจำแคชคือ:หน่วยความจำขนาดเล็กที่มีความเร็วสูงซึ่งเก็บข้อมูลหรือคำสั่งที่ถูกเรียกใช้หรือเรียกใช้บ่อยๆข้อมูลและคำสั่งที่เก็บอยู่ในcache


8.หน่วยความจำสำรอง:อุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลหรือโปรแกรม เหมือนกับ
หน่วยความจำหลักแต่ต่างจากหน่วยความจำหลักหน่วยความจำรอง
 สามารถจัดเก็บข้อมูลและโปรแกรมไว้ใช้ในภายหลังได้แม้จะปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ข้อมูลและโปรแกรมที่เก็บไว้ไม่สูญหายหรือถูกลบทิ้ง


9.ฮาร์ดดิสก์คือ:อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่บรรจุข้อมูลแบบไม่ลบเลือน
มีลักษณะเป็นจานโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็กซึ่งหมุนอย่างรวดเร็วเมื่อทำงานการติดตั้งเข้ากับตัวคอมพิวเตอร์สามารถทำได้ผ่านการต่อเข้ากับมาเธอร์บอร์ดที่มีอินเตอร์เฟซแบบขนานแบบอนุกรมและแบบเล็ก


10.แผงวงจรหลักหรือเมนบอร์ดคือ:เมนบอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญรองมาจากซีพียูเมนบอร์ดทำหน้าที่ควบคุมดูแลและจัดการๆทำงานของอุปกรณ์ชนิดต่างๆแทบทั้งหมดในเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ซีพียูไปจนถึงหน่วยความจำแคชหน่วยความจำหลักฮาร์ดดิกส์ระบบบัสบนเมนบอร์ดประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆมากมาย   



ที่มา : http://www.school.net.th/library/snet1/index.html

รูปภาพของ pncwiranee

ใบงาน
ที่ 2


1.ฮาร์ดแวร์    หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้


 


2.ซอฟแวร์
หมาย
ถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม)
เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำ
งาน
ซอฟต์แวร์จึงเป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่อง
คอมพิวเตอร์มี 2 ประเภท คือ
1.
ซอฟต์แวร์สำหรับระบบ (System Software) คือ
ชุดของคำสั่งที่เขียนไว้เป็นคำสั่งสำเร็จรูป
ซึ่งจะทำงานใกล้ชิดกับคอมพิวเตอร์มากที่สุด
เพื่อคอยควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ทุกอย่าง
และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการใช้งาน
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานต่างๆ
ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะด้านเอกสาร บัญชี การจัดเก็บข้อมูล


 


3.บุคลากร
หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ แบ่งออกได้
4 ระดับ
ดังนี้
1. ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน
2. นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) คือ
ผู้ที่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และทำการวิเคราะห์ความเหมาะสม
ความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน
เพื่อให้โปรแกรมเมอร์เป็นผู้เขียนโปรแกรมให้กับระบบงาน
3. โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ
ผู้เขียนโปรแกรมสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ทำงานตามความต้องการของผู้ใช้
โดยเขียนตามแผนผังที่นักวิเคราะห์ระบบได้เขียนไว้
4. ผู้ใช้ (User) คือ
ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป ซึ่งต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง
และวิธีการใช้งานโปรแกรม
เพื่อให้โปรแกรมที่มีอยู่สามารถทำงานได้ตามที่ต้องการ
 


 


4.SPSS
คือ เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติและงานวิจัย
ที่มีประวัติการพัฒนามานานหลายสิบปี

มีสถิติให้เลือกใช้หลายประเภท ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมของผู้ใช้ทั่วไป

แต่การนำ
spss มาใช้โดยที่ผู้ใช้มิได้เริ่มต้นอย่างถูกวิธีย่อมจะทำให้ดูแลยาก

ดังนั้นเวปไซด์นี้จึงเอาความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการใช้
SPSS มานำเสนอ


 


5.แอสกี หรือ รหัสมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาเพื่อการแลกเปลี่ยนสารสนเทศ [1]
(อังกฤษ:
ASCII: American Standard Code for Information Interchange)
เป็นรหัสอักขระที่ประกอบด้วยอักษรละติน เลขอารบิก เครื่องหมายวรรคตอน
และสัญลักษณ์ต่างๆ โดยแต่ละรหัสจะแทนด้วยตัวอักขระหนึ่งตัว เช่น รหัส 65
(เลขฐานสิบ) ใช้แทนอักษรเอ (
A) พิมพ์ใหญ่


 


 6.เอบซีดิก หรือ รหัสสับเปลี่ยนเลขฐานสิบเข้ารหัสฐานสองแบบขยาย [1]
(อังกฤษ:
EBCDIC: Extended Binary Coded Decimal Interchange Code) เป็นรหัสอักขระ 8 บิตที่พัฒนาโดยบริษัท IBM
ซึ่งพัฒนาสำหรับระบบปฏิบัติการขนาดใหญ่


 


7.ยูนิโคด (อังกฤษ: Unicode)
คือมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์แสดงผลและจัดการข้อความตัวอักษร
ที่ใช้ในระบบการเขียนของภาษาส่วนใหญ่ในโลกได้อย่างสอดคล้องกัน


 


8.อุปกรณ์ส่งออก (Output Device) ทำ
หน้าที่แสดงผลจากการประมวลผล
โดยนำผลที่ได้ออกจากหน่วยความจำหลักแสดงให้ผู้ใช้ได้เห็นทางอุปกรณ์ส่งออก
อุปกรณ์ส่งออกที่นิยมใช้ส่วนใหญ่ คือ จอภาพ และเครื่องพิมพ์


 


 


9เลขฐานสอง
(อังกฤษ:
binary
numeral system) หมาย
ถึง ระบบเลขที่มีสัญลักษณ์เพียงสองตัวคือ 0 (ศูนย์) กับ 1 (หนึ่ง)
บางครั้งอาจหมายถึงการที่มีโอกาสเลือกได้เพียง 2 ทาง เช่น ปิดกับเปิด
, ไม่ใช่กับใช่, เท็จกับจริง, ซ้ายกับขวา
เป็นต้น


 


10.ระบบเลขฐานแปด
เป็นระบบตัวเลขที่มีค่าฐานเป็นแปด มีตัวเลขอยู่
8 ตัว คือ
0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7


 


11.ระบบเลขฐาน 16  มีตัวเลขอยู่ 16
ตัว  คือ
0  1  2  3  4  5  6  7  8  9
A  B  C  D  E  F


 


 


 



ที่
มา :
http://www.school.net.th/library/snet1/index.html

 

รูปภาพของ pncwiranee

 ใบงานที่ 1

1.ระบบสารสนเทศ 
คือ
 ระบบสารสนเทศ (Information System ) หมายถึง ระบบที่มีการนำคอมพิวเตอร์
มาช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ
หรือจัดการกับข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ข้อมุลนั้นกลายเป็น

สารสนเทศที่ดี สามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว
และถูกต้อง

ที่มา : http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/bangkok/pichai_l/it01/itsystem.htm

2. ข้อมูล 
คือ 
ข่าวสาร เอกสาร ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคล
สิ่งของหรือเหตุการณ์ที่มีอยู่ในรูปของตัวเลข ภาษา ภาพ สัญลักษณ์ต่างๆ

ที่มา : http://www.xn--42c6d3aap3b3f.com

3. สารสนเทศ
คือ
ข้อมูลต่างๆ
ที่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงหรือมี การประมวลหรือวิเคราะห์ผลสรุปด้วยวิธีการต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กัน
มีความหมาย มีคุณค่าเพิ่มขึ้นและมีวัตถุประสงค์ในการใช้งาน

 ที่มา :
http://www.navy34.com/board342550/index.php?topic=2036.0

4. เทคโนโลยี 
คือ 
การใช้ความรู้ เครื่องมือ ความคิด หลักการ เทคนิค ความรู้
ระเบียบวิธี กระบวนการตลอดจน ผลงานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ่งประดิษฐ์และวิธีการ มาประยุกต์ใช้ในระบบงานเพื่อช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำงานให้ดียิ่ง
ขึ้นและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานให้มีมากยิ่งขึ้น
….

ที่มา : http://www.xn--42c6d3aap3b3f.com

5. เทคโนโลยีสารสนเทศ
คือ
 
ปกรณ์หรือเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมประมวล เก็บรักษา และเผยแพร่ข้อมูลและสารสนเทศโดยรวมทั้งฮาร์ดแวร์
ซอฟต์แวร์ ฐานข้อมูล และการสื่อสาร โทรคมนาคม

ที่มา :  http://www.bcoms.net/temp/lesson1.aspSmile

รูปภาพของ pncnattavadee

1.ระบบสารสนเทศ

ตอบ  ระบบที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์  ซอฟท์แวร์  ระบบเครือข่าย  ฐานข้อมูล  ผู้พัฒนาระบบ ผู้ใช้ระบบ  พนักงานที่เกี่ยวข้อง และ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาแหล่งที่มา : http://cola.kku.ac.th/main/article/725/725_005.doc

2.ข้อมูล 

ตอบ     ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สถานที่ สิ่งของต่าง ๆ ซึ่งมีการเก็บรวบรวมเอาไว้ และสามารถเรียกมาใช้ประโยชน์ได้ในภายหลัง ข้อมูลจึงจำเป็น ต้องเป็นข้อมูลที่ดีมี ความถูกต้องแม่นยำ
www.chakkham.ac.th/technology/techno2/page1.html

3.สารสนเทศ

ตอบ      ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ หรืออาจกล่าวได้ ว่า สารสนเทศ เกิดจากการนำข้อมูล ผ่านระบบการประมวลผล  คำนวณ ...
www.chakkham.ac.th/technology/techno1/c2-2.htm

4. เทคโนโลยี 

ตอบ      การปร ะยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเป็นหัวใจของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์

www.chakkham.ac.th/technology/techno1/c2-1.htm

5. เทคโนโลยีสารสนเทศ

ตอบ       เทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ การเก็บรวบรวมข้อมูล
การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ การทำสำเนา และการสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อให้ได้สารสนเทศที่
เหมาะสมและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
www.chakkham.ac.th/technology/techno1/c2-3.htm

รูปภาพของ pncnattavadee

1.ระบบสารสนเทศ

ตอบ  ระบบที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์  ซอฟท์แวร์  ระบบเครือข่าย  ฐานข้อมูล  ผู้พัฒนาระบบ ผู้ใช้ระบบ  พนักงานที่เกี่ยวข้อง และ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาแหล่งที่มา : http://cola.kku.ac.th/main/article/725/725_005.doc

2.ข้อมูล 

ตอบ     ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สถานที่ สิ่งของต่าง ๆ ซึ่งมีการเก็บรวบรวมเอาไว้ และสามารถเรียกมาใช้ประโยชน์ได้ในภายหลัง ข้อมูลจึงจำเป็น ต้องเป็นข้อมูลที่ดีมี ความถูกต้องแม่นยำ
www.chakkham.ac.th/technology/techno2/page1.html

3.สารสนเทศ

ตอบ      ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ หรืออาจกล่าวได้ ว่า สารสนเทศ เกิดจากการนำข้อมูล ผ่านระบบการประมวลผล  คำนวณ ...
www.chakkham.ac.th/technology/techno1/c2-2.htm

4. เทคโนโลยี 

ตอบ      การปร ะยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเป็นหัวใจของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์

www.chakkham.ac.th/technology/techno1/c2-1.htm

5. เทคโนโลยีสารสนเทศ

ตอบ       เทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ การเก็บรวบรวมข้อมูล
การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ การทำสำเนา และการสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อให้ได้สารสนเทศที่
เหมาะสมและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
www.chakkham.ac.th/technology/techno1/c2-3.htm

1.ระบบสารสนเทศ  คือ
ตอบ
ข้อมูลต่างๆ ที่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงหรือมี การประมวลหรือวิเคราะห์ผลสรุปด้วยวิธีการต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กัน มีความหมาย มีคุณค่าเพิ่มขึ้นและมีวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
แหล่งที่มา http://www.navy34.com/board342550/index.php?topic=2036.0
2. ข้อมูล  คือ 

ตอบ ข้อเท็จจริง หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ฯลฯ ข้อมูล จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการ รวบรวม ข้อมูลอย่างเป็นระบบ
แหล่งที่มา http://www.chakkham.ac.th/technology/techno2/page1.html 
3.สารสนเทศ คือ
ตอบ คุณภาพของข้อความจากผู้ส่งไปหาผู้รับ สารสนเทศจะประกอบไปด้วย ขนาดและเหตุการณ์ของสารสนเทศนั้น
แหล่งที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=3038186b229ad337 
4. เทคโนโลยี  คือ 
ตอบ การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์
และเป็นหัวใจของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์
แหล่งทีมา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=6489774508f71966&table=%2Fguru%2Fsearch%3Fq%3D%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B5%2B%2B%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD
5. เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ 
ตอบ
กระบวนการต่างๆ และระบบงานที่ช่วยให้ได้สารสนเทศที่ต้องการโดยจะรวมถึง
เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ
แหล่งที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=30a6a77b8c30233d&table=%2Fguru%2Fsearch%3Fq%3D%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25A8%2B%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD

1.ระบบสารสนเทศ  คือ
ตอบ
ข้อมูลต่างๆ ที่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงหรือมี การประมวลหรือวิเคราะห์ผลสรุปด้วยวิธีการต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กัน มีความหมาย มีคุณค่าเพิ่มขึ้นและมีวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
แหล่งที่มา http://www.navy34.com/board342550/index.php?topic=2036.0
2. ข้อมูล  คือ 

ตอบ ข้อเท็จจริง หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ฯลฯ ข้อมูล จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการ รวบรวม ข้อมูลอย่างเป็นระบบ
แหล่งที่มา http://www.chakkham.ac.th/technology/techno2/page1.html 
3.สารสนเทศ คือ
ตอบ คุณภาพของข้อความจากผู้ส่งไปหาผู้รับ สารสนเทศจะประกอบไปด้วย ขนาดและเหตุการณ์ของสารสนเทศนั้น
แหล่งที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=3038186b229ad337 
4. เทคโนโลยี  คือ 
ตอบ การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์
และเป็นหัวใจของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์
แหล่งทีมา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=6489774508f71966&table=%2Fguru%2Fsearch%3Fq%3D%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B5%2B%2B%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD
5. เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ 
ตอบ
กระบวนการต่างๆ และระบบงานที่ช่วยให้ได้สารสนเทศที่ต้องการโดยจะรวมถึง
เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ
แหล่งที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=30a6a77b8c30233d&table=%2Fguru%2Fsearch%3Fq%3D%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25A8%2B%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD

1.ระบบสารสนเทศ  คือ ระบบที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์  ซอฟท์แวร์ 

2. ข้อมูล  คือ  คือ ข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจ ข้อเท็จจริงที่เป็นตัวเลข ข้อความ หรือรายละเอียดซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง

3. สารสนเทศ คือ เป็นผลลัพธ์ของการประมวลผล การจัดดำเนินการ และการเข้าประเภทข้อมูลโดยการรวมความรู้เข้าไปต่อผู้รับสารสนเทศนั้น

4. เทคโนโลยี  คือ   คำว่า เทคโนโลยี ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า "Technology" ซึ่งมาจากภาษากรีกว่า "Technologia" แปลว่า การกระทำที่มีระบบ อย่างไรก็ตามคำว่า เทคโนโลยี มักนิยมใช้ควบคู่กับคำว่า วิทยาศาสตร์ โดยเรียกรวม ๆ ว่า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

5. เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ  คำว่า เทคโนโลยี ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า "Technology" ซึ่งมาจากภาษากรีกว่า "Technologia" แปลว่า การกระทำที่มีระบบ อย่างไรก็ตามคำว่า เทคโนโลยี มักนิยมใช้ควบคู่กับคำว่า วิทยาศาสตร์ โดยเรียกรวม ๆ ว่า "วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

1.ระบบสารสนเทศ  คือ ระบบที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์  ซอฟท์แวร์ 

2. ข้อมูล  คือ  คือ ข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจ ข้อเท็จจริงที่เป็นตัวเลข ข้อความ หรือรายละเอียดซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง

3. สารสนเทศ คือ เป็นผลลัพธ์ของการประมวลผล การจัดดำเนินการ และการเข้าประเภทข้อมูลโดยการรวมความรู้เข้าไปต่อผู้รับสารสนเทศนั้น

4. เทคโนโลยี  คือ   คำว่า เทคโนโลยี ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า "Technology" ซึ่งมาจากภาษากรีกว่า "Technologia" แปลว่า การกระทำที่มีระบบ อย่างไรก็ตามคำว่า เทคโนโลยี มักนิยมใช้ควบคู่กับคำว่า วิทยาศาสตร์ โดยเรียกรวม ๆ ว่า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

5. เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ  คำว่า เทคโนโลยี ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า "Technology" ซึ่งมาจากภาษากรีกว่า "Technologia" แปลว่า การกระทำที่มีระบบ อย่างไรก็ตามคำว่า เทคโนโลยี มักนิยมใช้ควบคู่กับคำว่า วิทยาศาสตร์ โดยเรียกรวม ๆ ว่า "วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

1.ระบบสารสนเทศ  คือ ระบบที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์  ซอฟท์แวร์ 

2. ข้อมูล  คือ  คือ ข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจ ข้อเท็จจริงที่เป็นตัวเลข ข้อความ หรือรายละเอียดซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง

3. สารสนเทศ คือ เป็นผลลัพธ์ของการประมวลผล การจัดดำเนินการ และการเข้าประเภทข้อมูลโดยการรวมความรู้เข้าไปต่อผู้รับสารสนเทศนั้น

4. เทคโนโลยี  คือ   คำว่า เทคโนโลยี ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า "Technology" ซึ่งมาจากภาษากรีกว่า "Technologia" แปลว่า การกระทำที่มีระบบ อย่างไรก็ตามคำว่า เทคโนโลยี มักนิยมใช้ควบคู่กับคำว่า วิทยาศาสตร์ โดยเรียกรวม ๆ ว่า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

5. เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ  คำว่า เทคโนโลยี ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า "Technology" ซึ่งมาจากภาษากรีกว่า "Technologia" แปลว่า การกระทำที่มีระบบ อย่างไรก็ตามคำว่า เทคโนโลยี มักนิยมใช้ควบคู่กับคำว่า วิทยาศาสตร์ โดยเรียกรวม ๆ ว่า "วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ใบงาน3
1. คอมพิวเตอร์ คือ
เป็นเครื่องจักรแบบสั่งการได้ที่ออกแบบมาเพื่อดำเนินการกับลำดับตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์หรือคณิตศาสตร์

ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8 %A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C
2. หน่วยรับเข้า คือ
หน่วยรับเข้าทำหน้าที่รับข้อมูลจากภายนอกหรือจากผู้ใช้เข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ เพื่อรอส่งข้อมูลไปประมวลผลที่หน่วยประมวลผลกลาง อุปกรณ์รับข้อมูลมีหลายประเภท-แป้นพิมพ์   - เมาส์- แทร็กบอล-จอสัมผัส  -เครื่องตรวจกราด –ก้านควบคุม
ที่มา
: http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/napaporn_pr/com/sec02p02.html
3. หน่วยประมวลผลกลาง คือ
เป็นวงจรอิเลคทรอนิกส์ที่ทำงาน หรือประมวลผล ตามชุดของคำสั่งเครื่องจากซอฟต์แวร์ คำนี้เริ่มใช้ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ต้นศตวรรษ 1960s
Fetch - การอ่านชุดคำสั่งขึ้นมา 1 คำสั่งจากโปรแกรม ในรูปของรหัสเลขฐานสอง
Decode - การตีความ 1 คำสั่งนั้นด้วยวงจรถอดรหัส (Decoder circuit) ตามจำนวนหลัก (BIT) ว่ารหัสนี้จะให้วงจรอื่นใดทำงานด้วยข้อมูลที่ใด
Execute - การทำงานตาม 1 คำสั่งนั้น คือ วงจรใดในไมโครโปรเซสเซอร์ทำงาน เช่น วงจรบวก วงจรลบ วงจรเปรียบเทียบ วงจรย้ายข้อมูล ฯลฯ
Memory - การติดต่อกับหน่วยความจำ การใช้ข้อมูที่อยู่ในหน่วยจำชั่วคราว (RAM, Register) มาใช้ในคำสั่งนั้นโดยอ้างที่อยู่ (Address)
Write Back - การเขียนข้อมูลกลับ โดยมีหน่วยจำ Register ช่วยเก็บที่อยู่ของคำสั่งต่อไป ภายหลังมีคำสั่งกระโดดบวกลบที่อยู่
4. หน่วยส่งออก คือ
ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผลในรูปที่มนุษย์สามารถเข้าใจ

(1) จอภาพ (monitor)มีลักษณะเป็น จอภาพเหมือนจอโทรทัศน์ ทั่วไปเรียกว่า ซีอาร์ที  การส่งออก ของข้อมูล    จะปรากฏบนจอภาพ ซึ่งแสดงได้ ทั้งตัวอักษร ตัวเลข เครื่องหมายพิเศษ และยังสามารถ แสดงรูปภาพได้ด้วย

2) เครื่องพิมพ์ (printer)คืออุปกรณ์ที่จะแปลการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ออกมาในรูปแบบกระดาษ ทั้งรูปภาพและอักษร
5. หน่วยความจำหลัก คือ หน่วยความจำที่ต่อกับหน่วยประมวลผลกลาง และหน่วยประมวลผลกลางสามารถใช้งานได้โดยตรง หน่วยความจำ ชนิดนี้จะเก็บข้อมูล

1.หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ (volatile memory)คือถ้าเป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลไว้แล้ว หากไฟฟ้าดับ คือไม่มีไฟฟ้าจ่ายให้ กับวงจรหน่วยความจำ ข้อมูลที่เก็บไว้จะหายไปหมด
2. หน่วยความจำไม่ลบเลือน (nonvolatile memory)
คือ หน่วยความจำเก็บข้อมูลได้ โดยไม่ขึ้นกับไฟฟ้าที่เลี้ยงวงจร
ที่มา : http://www.chakkham.ac.th/technology/computer1/storage.htm
6. หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้หรือแรมเป็นหน่วยความจำหลัก ที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน หน่วยความจำชนิดนี้ อนุญาตให้เขียนและอ่านข้อมูลได้ในตำแหน่งต่างๆ อย่างอิสระ และรวดเร็ว
ที่มา
: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1
7. หน่วยความจำแคช คือ ในระบบคอมพิวเตอร์จะมีอุปกรณ์บางส่วนที่ทำงานช้า จึงการใช้วิธีนำหน่วยความจำแบบแรมมาเพิ่มความเร็วของอุปกรณ์เหล่านั้น อันจะทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์โดยรวมเร็วขึ้นมาก เรียกหน่วยความจำส่วนนี้ว่า
ที่มา
:  
http://cptd.chandra.ac.th/selfstud/it4life/sub%20vol4.htm
8. หน่วยความจำสำรอง คือ หน่วยความจำรอง สามารถจัดเก็บข้อมูล และโปรแกรมไว้ใช้ในภายหลังได้  แม้จะปิดเครื่องคอมพิวเตอร์  ข้อมูลและโปรแกรมที่เก็บไว้  ไม่สูญหายหรือถูกลบทิ้ง
ที่มา
: http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/kanidta_v/com puter/sec04p01.html
9. ฮาร์ดดิสก์ คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่บรรจุข้อมูลแบบไม่ลบเลือน มีลักษณะเป็นจานโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็กซึ่งหมุนอย่างรวดเร็วเมื่อทำงาน
ที่มา
: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%B2% E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B9%8C
10. แผงวงจรหลักหรือเมนบอร์ด คือ อุปกรณ์ที่สำคัญรองมาจากซีพียู เมนบอร์ดทำหน้าที่ควบคุม ดูแลและจัดการๆ ทำงานของ อุปกรณ์ชนิดต่างๆ แทบทั้งหมดในเครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ซีพียู
ที่มา
:  
http://it.excise.go.th/asr1.htm             

ใบงาน3
1. คอมพิวเตอร์ คือ
เป็นเครื่องจักรแบบสั่งการได้ที่ออกแบบมาเพื่อดำเนินการกับลำดับตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์หรือคณิตศาสตร์

ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8 %A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C
2. หน่วยรับเข้า คือ
หน่วยรับเข้าทำหน้าที่รับข้อมูลจากภายนอกหรือจากผู้ใช้เข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ เพื่อรอส่งข้อมูลไปประมวลผลที่หน่วยประมวลผลกลาง อุปกรณ์รับข้อมูลมีหลายประเภท-แป้นพิมพ์   - เมาส์- แทร็กบอล-จอสัมผัส  -เครื่องตรวจกราด –ก้านควบคุม
ที่มา
: http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/napaporn_pr/com/sec02p02.html
3. หน่วยประมวลผลกลาง คือ
เป็นวงจรอิเลคทรอนิกส์ที่ทำงาน หรือประมวลผล ตามชุดของคำสั่งเครื่องจากซอฟต์แวร์ คำนี้เริ่มใช้ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ต้นศตวรรษ 1960s
Fetch - การอ่านชุดคำสั่งขึ้นมา 1 คำสั่งจากโปรแกรม ในรูปของรหัสเลขฐานสอง
Decode - การตีความ 1 คำสั่งนั้นด้วยวงจรถอดรหัส (Decoder circuit) ตามจำนวนหลัก (BIT) ว่ารหัสนี้จะให้วงจรอื่นใดทำงานด้วยข้อมูลที่ใด
Execute - การทำงานตาม 1 คำสั่งนั้น คือ วงจรใดในไมโครโปรเซสเซอร์ทำงาน เช่น วงจรบวก วงจรลบ วงจรเปรียบเทียบ วงจรย้ายข้อมูล ฯลฯ
Memory - การติดต่อกับหน่วยความจำ การใช้ข้อมูที่อยู่ในหน่วยจำชั่วคราว (RAM, Register) มาใช้ในคำสั่งนั้นโดยอ้างที่อยู่ (Address)
Write Back - การเขียนข้อมูลกลับ โดยมีหน่วยจำ Register ช่วยเก็บที่อยู่ของคำสั่งต่อไป ภายหลังมีคำสั่งกระโดดบวกลบที่อยู่
4. หน่วยส่งออก คือ
ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผลในรูปที่มนุษย์สามารถเข้าใจ

(1) จอภาพ (monitor)มีลักษณะเป็น จอภาพเหมือนจอโทรทัศน์ ทั่วไปเรียกว่า ซีอาร์ที  การส่งออก ของข้อมูล    จะปรากฏบนจอภาพ ซึ่งแสดงได้ ทั้งตัวอักษร ตัวเลข เครื่องหมายพิเศษ และยังสามารถ แสดงรูปภาพได้ด้วย

2) เครื่องพิมพ์ (printer)คืออุปกรณ์ที่จะแปลการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ออกมาในรูปแบบกระดาษ ทั้งรูปภาพและอักษร
5. หน่วยความจำหลัก คือ หน่วยความจำที่ต่อกับหน่วยประมวลผลกลาง และหน่วยประมวลผลกลางสามารถใช้งานได้โดยตรง หน่วยความจำ ชนิดนี้จะเก็บข้อมูล

1.หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ (volatile memory)คือถ้าเป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลไว้แล้ว หากไฟฟ้าดับ คือไม่มีไฟฟ้าจ่ายให้ กับวงจรหน่วยความจำ ข้อมูลที่เก็บไว้จะหายไปหมด
2. หน่วยความจำไม่ลบเลือน (nonvolatile memory)
คือ หน่วยความจำเก็บข้อมูลได้ โดยไม่ขึ้นกับไฟฟ้าที่เลี้ยงวงจร
ที่มา : http://www.chakkham.ac.th/technology/computer1/storage.htm
6. หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้หรือแรมเป็นหน่วยความจำหลัก ที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน หน่วยความจำชนิดนี้ อนุญาตให้เขียนและอ่านข้อมูลได้ในตำแหน่งต่างๆ อย่างอิสระ และรวดเร็ว
ที่มา
: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1
7. หน่วยความจำแคช คือ ในระบบคอมพิวเตอร์จะมีอุปกรณ์บางส่วนที่ทำงานช้า จึงการใช้วิธีนำหน่วยความจำแบบแรมมาเพิ่มความเร็วของอุปกรณ์เหล่านั้น อันจะทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์โดยรวมเร็วขึ้นมาก เรียกหน่วยความจำส่วนนี้ว่า
ที่มา
:  
http://cptd.chandra.ac.th/selfstud/it4life/sub%20vol4.htm
8. หน่วยความจำสำรอง คือ หน่วยความจำรอง สามารถจัดเก็บข้อมูล และโปรแกรมไว้ใช้ในภายหลังได้  แม้จะปิดเครื่องคอมพิวเตอร์  ข้อมูลและโปรแกรมที่เก็บไว้  ไม่สูญหายหรือถูกลบทิ้ง
ที่มา
: http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/kanidta_v/com puter/sec04p01.html
9. ฮาร์ดดิสก์ คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่บรรจุข้อมูลแบบไม่ลบเลือน มีลักษณะเป็นจานโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็กซึ่งหมุนอย่างรวดเร็วเมื่อทำงาน
ที่มา
: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%B2% E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B9%8C
10. แผงวงจรหลักหรือเมนบอร์ด คือ อุปกรณ์ที่สำคัญรองมาจากซีพียู เมนบอร์ดทำหน้าที่ควบคุม ดูแลและจัดการๆ ทำงานของ อุปกรณ์ชนิดต่างๆ แทบทั้งหมดในเครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ซีพียู
ที่มา
:  
http://it.excise.go.th/asr1.htm             

ใบงานที่ 21.ฮาร์ดแวร์  คือ ปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นต้นที่มา : http://www.pbps.ac.th/e_learning/combasic/hardware.html
2. ซอฟต์แวร์
  คือ  
การใช้งานระบบสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงาน เช่น การซื้อของโดยใช้บัตรเครดิต ผู้ขายจะตรวจสอบบัตรเครดิตโดยใช้เครื่องอ่านบัตรแล้วส่งข้อมูลของบัตรเครดิตไปยังศูนย์ข้อมูลของบริษัทผู้ออกบัตร  
1. ซอฟต์แวร์ระบบ คือ ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการจัดการระบบคอมพิวเตอร์ จัดการทางด้านอุปกรณ์รับเข้าและส่งออก การรับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระ การแสดงผลบนจอภาพ การนำข้อมูลออกไปพิมพ์ยังเครื่องพิมพ์
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ คือ ซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นเพื่อประยุกต์กับงานที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์จัดเก็บภาษี ซอฟต์แวร์สินค้าคงคลัง ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ซอฟต์แวร์กราฟิก ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล เป็น
ที่มา
: http://203.172.198.242/Com-tranning/IT/technof6.htm
3. บุคลากร คือ
หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ แบ่งออกได้ 4 ระดับ ดังนี้
1. ผู้จัดการระบบ (System Manager)คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน
2. นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) คือ ผู้ที่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และทำการวิเคราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน เพื่อให้โปรแกรมเมอร์เป็นผู่เขียนโปรแกรมให้กับระบบงาน
3. โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ ผู้เขียนโปรแกรมสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ทำงานตามความต้องการของผู้ใช้ โดยเขียนตามแผนผังที่นักวิเคราะห์ระบบได้เขียนไว้
4. ผู้ใช้ (User) คือ ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป ซึ่งต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง และวิธีการใช้งานโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมที่มีอยู่สามารถทำงานได้ตามที่ต้องการ
ที่มา
: http://www.thaiwbi.com/course/Intro_com/Intro_com/wbi1/hie/page43.htm
 4. spss  คือ  เป็นโปรแกรมช่วยประมวลผลทางสถิติค่ะ ก่อนนำมาประมวลผลใน SPSS จะมีการลง code ก่อน ซึ่งแต่ละตัวจะนำมาคำนวณหาตัวเลขทางสถิติโดยใช้สูตรแตกต่างกันไป
ที่มา
:
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=74dc29ba5576a33a
5. รหัสแอสกี คือ
  เป็นรหัสอักขระที่ประกอบด้วยอักษรละติน เลขอารบิก เครื่องหมายวรรคตอน และสัญลักษณ์ต่างๆโดยแต่ละรหัสจะแทนด้วยตัวอักขระหนึ่งตัว เช่น รหัส 65 (เลขฐานสิบ) ใช้แทนอักษรเอ (A) พิมพ์ใหญ่ เป็นต้น
ที่มา
: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0% B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B5
  

ใบงานที่ 11.ระบบสารสนเทศ  คือ ระบบที่มีการนำคอมพิวเตอร์
มาช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ หรือจัดการกับข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ข้อมูลนั้นกลายเป็น
สารสนเทศที่ดี

ที่มา
: http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/bangkok/pichai_l/it01/itsystem.htm
2. ข้อมูล
  คือ 
ข่าวสาร เอกสาร ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคล สิ่งของหรือเหตุการณ์ที่มีอยู่ในรูปของตัวเลข ภาษา ภาพ สัญลักษณ์ต่างๆ
ที่มา
: http://www.คืออะไร.com/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0% B8%B9%E0%B8%A5-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD %E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/
3. สารสนเทศ คือ
เป็นผลลัพธ์ของการประมวลผล การจัดดำเนินการ และการเข้าประเภทข้อมูลโดยการรวมความรู้เข้าไปต่อผู้รับสารสนเทศนั้นที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8% AA%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8
4. เทคโนโลยี
  คือ 
การนำความรู้ทางธรรมชาติวิทยาและต่อเนื่องมาถึงวิทยาศาสตร์ มาเป็นวิธีการปฏิบัติและประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ อันก่อให้เกิดวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0 %B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B55. เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ  เทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ การเก็บรวบรวมข้อมูล การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ การทำสำเนา และการสื่อสารโทรคมนาค
ที่มา
: http://www.chakkham.ac.th/technology/techno1/c2-3.htm   6. รหัสเอบซีดิก คือพัฒนาโดยบริษัทไอบีเอ็ม รหัสแทนข้อมูลนี้ไม่เป็นที่นิยมใช้แล้วในปัจจุบันการกำหนดรหัสจะใช้ 8 บิต ต่อหนึ่งอักขระ เหมือนกับรหัสแอสกี แต่แบบของรหัสที่กำหนดจะแตกต่างกัน โดยรหัสเอ็บซิดิกจะเรียงลำดับแต่ละบิตที่ใช้แทนอักขระ
ที่มา
: http://www.ns.ac.th/course/webit/lesson2/lesson2_25.htm
7. รหัสยูนิโค้ด
  คือ
เป็นรหัสที่สร้างขึ้นมาในระยะหลังที่มีการสร้างแบบตัวอักษรของภาษาต่างๆ รหัสยูนิโค้ดเป็นรหัสที่ต่างจาก 2 ชนิดที่ได้กล่าวมาข้างต้น คือใช้เลขฐานสอง 16 บิตในการแทนตัวอักษร เนื่องจากที่มาของการคิดค้นรหัสชนิดนี้
ที่มา : http://www.ns.ac.th/course/webit/lesson2/lesson2_26.htm
8. อุุปกรณ์ส่งออก (
Output Device) คือ
ทำหน้าที่แสดงผลจากการประมวลผล โดยนำผลที่ได้ออกจากหน่วยความจำหลักแสดงให้ผู้ใช้ได้เห็นทางอุปกรณ์ส่งออก อุปกรณ์ส่งออกที่นิยมใช้ส่วนใหญ่ คือ จอภาพ และเครื่องพิมพ์ที่มา : http://teacher.skw.ac.th/salunyar/40102/unit_03/p_309.htm
9. ระบบเลขฐานสอง
หมายถึง ระบบเลขที่มีสัญลักษณ์เพียงสองตัวคือ 0 (ศูนย์) กับ 1 (หนึ่ง) บางครั้งอาจหมายถึงการที่มีโอกาสเลือกได้เพียง 2 ทางที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8% 82%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87
10. ระบบเลขฐานแปด
 
ระบบเลขฐานแปด เป็นระบบตัวเลขที่มีค่าฐานเป็นแปด มีตัวเลขอยู่ 8 ตัว คือ0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7ที่มา : http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/bangkok/sukanda_p/ number/sec02p01.html
11.ระบบเลขฐานสิบหก
 
หมายถึงระบบเลขฐานที่มีสัญลักษณ์ 16 ตัว (ฐานสิบมี 10 ตัวคือ 0-9) โดยปกติจะใช้สัญลักษรณ์ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 A B C D E F ในการแสดงหรือเขียนทั้ง 16 ตัวที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82%E0 %B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%81

รูปภาพของ pncchonthichar

 ใบงานที่ 41. แผ่น CD  จุข้อมูลได้  700 เมกะไบต์
2. ดีวีดี  จุข้อมูลได้ 4.7กิกะไบต์ดีวีดี จุข้อมูลได้ 1. Single-Sided Single Layer (DVD-5) 
2.Single-Sided Double Layer (DVD-9) 
3.Double-Sided Single Layer (DVD-10) 
4. Double-Sided Double Layer (DVD-18)  
3. คลื่นบลูทูธคลื่นวิทยุระยะสั้น จะทำงานในช่วงความถี่ ISM
band ภายในระยะทาง 5 -10 เมตร
4.  Lan  ย่อมาจาก Local Aria Network ซึ่งแปลได้ว่า
ระบบเครือข่ายขนาดเล็ก
ข่ายงานบริเวณเฉพาะที่ เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ถึง กันทั้งหมดโดยอาศัยสื่อกลาง
มีการแบ่งแยกเครือข่ายออกเป็น 2 รูปแบบการเชื่อมโยงคือ
การเชื่อมโยงภายในพื้นที่ระยะใกล้หรือ แลน (
LAN) การเชื่อมโยงระยะไกลหรือแวน
(
WAN) โดยการเชื่อมโยงเครือข่ายแบบแลน
5. (ฮับ) HUb คืออุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกลุ่มของคอมพิวเตอร์  มีหน้าที่รับส่งเฟรมข้อมูลทุกเฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ตหนึ่งไปยังทุกๆ พอร์ตที่เหลือทำหน้าที่จ่ายข้อมูล หรือเชื่อมระหว่างคอมพิวเตอร์  
 ที่มา : http://www.yupparaj.ac.th
 
 

 

รูปภาพของ pncchonthichar

ใบงานที่ 3

1. คอมพิวเตอร์  คือ เป็นเครื่องจักรแบบสั่งการได้ที่ออกแบบมาเพื่อดำเนินการกับลำดับตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์หรือคณิตศาสตร์
ที่มา
 : http://th.wikipedia.org/wiki

2. หน่วยรับเข้า คือ เป็นอุปกรณ์ที่นำข้อมูลหรือโปรแกรมเข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจำหลักและใช้ในการประมวลผล
แผงแป้นอักขระ (
keyboard)  หรือที่รู้จักกันว่า แป้นพิมพ์เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลที่สำคัญ มีลักษณะการทำงานเหมือนกับแป้นพิมพ์เครื่องพิมพ์ดีด
เมาส์
 (mouse) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลที่สำคัญรองจากแผงแป้นอักขระ(keyboard) ลักษณะการทำงานจะช่วยในการบ่งชี้ตำแหน่งว่ากำลัง
แทร็กบอล
 (trackball) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลที่มีลักษณะคล้ายเมาส์แต่มีลูกกลิ้งกลมมาวางอยู่ด้านบน
ก้านควบคุม
 (joystick)เป็นอุปกรณ์การทำงานลักษณะเดียวกับเมาส์ มีลักษณะเป็นกล่อง
เครื่องกราดตรวจ
 (scanner)เป็นอุปกรณ์ต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงภาพต้นฉบับ รูปถ่าย ตัวอักษรบนหน้ากระดาษ ภาพวาดให้เป็นข้อมูล

ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki
3. หน่วยประมวลผลกลาง คือ เป็นส่วนสำคัญของคอมพิวเตอร์ซึ่งได้มีการพัฒนาผลิตวงจรหน่วยประมวลผลกลางไว้ในชิป เรียกว่า"ไมโครโปรเซสเซอร์"
หน่วยควบคุม
  ทำหน้าที่ควบคุมลำดับการทำงานของหน่วยประมวลผลกลางและควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆหน่วยคำนวณและตรรกะ ทำหน้าที่คำนวณงานทางคณิตศาสตร์เช่น บวก ลบ คูณ หาร และงานด้านตรรกศาสตร์ข้อมูล

ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki
4. หน่วยส่งออก คือ หน่วยส่งออกทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผลในรูปที่มนุษย์สามารถเข้าใจ  เช่น จอภาพ (monitor) การส่งออกของข้อมูลจะปรากฏบนจอภาพ 

เครื่องพิมพ์ (printer) คืออุปกรณ์ที่จะแปลการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ออกมาในรูปแบบกระดาษทั้งรูปภาพและอักษร

ที่มา : http://www.rayongwit.ac.th/computer/m2fri49/g22m2fri/output.htm

5. หน่วยความจำหลัก คือ  หน่วยความจำที่ต่อกับหน่วยประมวลผลกลาง และหน่วยประมวลผลกลางสามารถใช้งานได้โดยตรง แบ่งเป็น 1.หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ (volatile memory)
คือถ้าเป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลไว้แล้ว หากไฟฟ้าดับ คือไม่มีไฟฟ้าจ่ายให้ กับวงจรหน่วยความจำ ข้อมูลที่เก็บไว้จะหายไปหมด 2.หน่วยความจำไม่ลบเลือน (nonvolatile memory)คือ หน่วยความจำเก็บข้อมูลได้ โดยไม่ขึ้นกับไฟฟ้าที่เลี้ยงวงจร

ที่มา:http://www.chakkham.ac.th/technology/computer1/storage.htm
6. หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้หรือแรม เป็นหน่วยความจำหลักที่สามารถนำโปรแกรมและข้อมูลจากอุปกรณ์ภายนอกหรือหน่วยความจำรองมาบรรจุไว้
-DRAM หรือ (Dynamic RAM) เป็นหน่วยความจำที่ประกอบด้วยเซลล์ที่ใช้เก็บข้อมูลที่ใช้อัดประจุไฟฟ้าเข้าไปเก็บไว้ในตัว
-SRAM หรือ (StaticRAM) จะทำงานแตกต่างจาก Dynamic RAM และจัดว่าเป็ฯอุปกรณ์ดิจิตอลที่มีการจัดเรียงอึปรณ์ภายในเป็นลักษณะเดียวกบโครงสร้างของโปรเซสเซอร์ ใน SRAM ค่าไบนารี่ “0” หรือ“1”
ที่มา
 
: http://www.vcharkarn.com/varticle/32742/3
7. หน่วยความจำแคช คือ ส่วนหนึ่งของหน่วยความจำ (memory) ที่ถูกกันไว้เก็บข้อมูลที่จะต้องการใช้เป็นการชั่วคราวการเข้าถึงหน่วยความจำส่วนนี้จะทำได้เร็วกว่าธรรมดามาก
ที่มา : http://guru.sanook.com/dictionary/dict_comp/
8. หน่วยความจำสำรอง คือ มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลหรือโปรแกรม  เหมือนกับหน่วยความจำหลัก แต่ต่างจากหน่วยความจำหลัก คือ    หน่วยความจำรอง สามารถจัดเก็บข้อมูล และโปรแกรมไว้ใช้ในภายหลังได้
ที่มา
 :  

9. ฮาร์ดดิสก์
คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่บรรจุข้อมูลแบบไม่ลบเลือน มีลักษณะเป็นจานโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก
ที่มา
 : http://th.wikipedia.org/wiki/%E
10. แผงวงจรหลักหรือเมนบอร์ด คือ เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญรองมาจากซีพียูทำหน้าที่ควบคุม ดูแลและจัดการๆ ทำงานของ อุปกรณ์ชนิดต่างๆ
ที่มา
 :   http://www.chakkham.ac.th/technology/computer1/storage.htm

 

ใบงานที่4  น.ส.นิธินันท์  สมเผือก 1. แผ่น CD  จุข้อมูลได้  700 เมกะไบต์
2. ดีวีดี  จุข้อมูลได้ 4.7กิกะไบต์ดีวีดี จุข้อมูลได้ 1. Single-Sided Single Layer (DVD-5) 
2.Single-Sided Double Layer (DVD-9) 
3.Double-Sided Single Layer (DVD-10) 
4. Double-Sided Double Layer (DVD-18)  
3. คลื่นบลูทูธคลื่นวิทยุระยะสั้น จะทำงานในช่วงความถี่ ISM
band ภายในระยะทาง 5 -10 เมตร
4.  Lan  ย่อมาจาก Local Aria Network ซึ่งแปลได้ว่า
ระบบเครือข่ายขนาดเล็ก
ข่ายงานบริเวณเฉพาะที่ เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ถึง กันทั้งหมดโดยอาศัยสื่อกลาง
มีการแบ่งแยกเครือข่ายออกเป็น 2 รูปแบบการเชื่อมโยงคือ
การเชื่อมโยงภายในพื้นที่ระยะใกล้หรือ แลน (
LAN) และการเชื่อมโยงระยะไกลหรือแวน
(
WAN) โดยการเชื่อมโยงเครือข่ายแบบแลน
5. (ฮับ) HUb คืออุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกลุ่มของคอมพิวเตอร์  มีหน้าที่รับส่งเฟรมข้อมูลทุกเฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ตหนึ่งไปยังทุกๆ พอร์ตที่เหลือทำหน้าที่จ่ายข้อมูล หรือเชื่อมระหว่างคอมพิวเตอร์  ที่มา
   http://www.yupparaj.ac.th   

 

1. คอมพิวเตอร์ คือ เป็นเครื่องจักรแบบสั่งการได้ที่ออกแบบมาเพื่อดำเนินการกับลำดับตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์หรือคณิตศาสตร์
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki
2. หน่วยรับเข้า คือ เป็นอุปกรณ์ที่นำข้อมูลหรือโปรแกรมเข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจำหลัก และใช้ในการประมวลผล
1.แผงแป้นอักขระ
2. เมาส์ 3.แทร็กบอล 4.ก้านควบคุม
5.เครื่องกราดตรวจ
3. หน่วยประมวลผลกลาง คือ เป็นส่วนสำคัญของคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้มีการพัฒนาผลิตวงจรหน่วยประมวลผลกลางไว้ในชิป เรียกว่า "ไมโครโปรเซสเซอร์"
หน่วยควบคุม
 ทำหน้าที่ควบคุมลำดับการทำงานของหน่วยประมวลผลกลาง และควบคุมการทำงานของหน่วยคำนวณและตรรกะ ทำหน้าที่คำนวณงานทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร และงานด้านตรรกศาสตร์ข้อมูล
4. หน่วยส่งออก คือ คอมพิวเตอร์ติดต่อกับมนุษย์โดยแสดงผลของการทำงานให้มนุษย์รับรู้ทางหน่วยแสดงผล
1.จอภาพ
 2.เครื่องพิมพ์ (printer)  
3.อุปกรณ์เสียง (
Audio Output)
4.ลำโพง (Speaker) 5.การ์ดเสียง (Sound card)
5. หน่วยความจำหลัก คือ มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลและโปรแกรมที่จะให้ซีพียูเรียกไปใช้งานได้
1. แรม (
Random Access Memory: RAM) เป็นหน่วยความจำที่ใช้เก็บข้อมูลทั่วไป หน่วยความจำประเภทนี้จะเก็บข้อมูลไว้ตราบเท่าที่มีกระแสไฟฟ้าจ่ายให้วงจร
2. รอม (
Read Only Memory: ROM) เป็นหน่วยความจำอีกประเภทหนึ่งที่มีการอ้างอิงตำแหน่งที่อยู่ข้อมูลแบบเข้าถึงโดยสุ่ม
6. หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้หรือแรม เป็นหน่วยความจำหลักที่สามารถนำโปรแกรมและข้อมูลจากอุปกรณ์ภายนอกหรือหน่วยความจำรองมาบรรจุไว้
ที่มา : http://www.vcharkarn.com/varticle
7. หน่วยความจำแคช คือ ส่วนหนึ่งของหน่วยความจำ ที่ถูกกันไว้เก็บข้อมูลที่จะต้องการใช้เป็นการชั่วคราว การเข้าถึงหน่วยความจำส่วนนี้จะทำได้เร็วกว่าธรรมดามาก
ที่มา : http://guru.sanook.com/dictionary/dict_comp
8. หน่วยความจำสำรอง คือ มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลหรือโปรแกรม
 เหมือนกับ หน่วยความจำหลัก แต่ต่างจากหน่วยความจำหลัก คือ    หน่วยความจำรอง สามารถจัดเก็บข้อมูล และโปรแกรมไว้ใช้ในภายหลังได้
ที่มา :
  http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/lopburi/kanidta
9. ฮาร์ดดิสก์ คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่บรรจุข้อมูลแบบไม่ลบเลือน มีลักษณะเป็นจานโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki

10. แผงวงจรหลักหรือเมนบอร์ด คือ เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญรองมาจากซีพียู เมนบอร์ดทำหน้าที่ควบคุม ดูแลและจัดการๆ ทำงานของ อุปกรณ์ชนิดต่างๆปกรณ์ต่าง ๆ

รูปภาพของ pnckamron

ใบงานที่ 1 นาย คำรณ ทองอยู่  ม.4/3 เลขที่ 6

1.ระบบสารสนเทศ คือ ระบบสารสนเทศ (Information system) หมายถึง ระบบที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์  ซอฟท์แวร์  ระบบเครือข่าย  ฐานข้อมูล  ผู้พัฒนาระบบ ผู้ใช้ระบบ  พนักงานที่เกี่ยวข้อง และ ผู้เชี่ยวชาญในสาขา  ทุกองค์ประกอบนี้ทำงานร่วมกันเพื่อกำหนด  รวบรวม จัดเก็บข้อมูล  ประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างสารสนเทศ และส่งผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้ให้ผู้ใช้เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงาน การตัดสินใจ  การวางแผน  การบริหาร การควบคุม  การวิเคราะห์และติดตามผลการดำเนินงานขององค์กร 2.ข้อมูล คือ คำว่า  “ข้อมูล”  และ สารสนเทศ”  มีความหมายแตกต่างกัน แต่มีความสัมพันธ์กันมากกล่าวคือ ข้อมูล (Data) หมายถึง ตัวเลข ภาษา หรือสัญลักษณ์ ที่ใช้แทนคน สิ่งของและความคิด ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เก็บรวบรวมไว้โดยไม่ผ่านการประเมิน การวิเคราะห์ ไม่สามารถนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจได้ทันที เช่น ชื่อ ที่อยู่ จำนวน ปริมาณ เป็นต้น3.สารสนเทศ คือ สารสนเทศ (Information) บางแห่งก็เรียกข้อสนเทศหรือสารนิเทศ หมายถึง การนำข้อมูลต่าง ๆ มาจัดกระทำ วิเคราะห์ หรือ ประมวล เพื่อให้มีความหมายหรือมีคุณค่าในการตัดสินใจ เช่น ผลจากการประเมินนักเรียน  ผลจากการประเมินโรงเรียน เป็นต้น4.เทศโนโลยี คือ ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา 5.เทศโนโลยีสารสนเทศ คือ เทคโนโลยี หรือ ประยุกตวิทยา [1] หรือ เทคนิควิทยา [2] มีความหมายค่อนข้างกว้าง โดยทั่วไปหมายถึง การนำความรู้ทางธรรมชาติวิทยาและต่อเนื่องมาถึงวิทยาศาสตร์ มาเป็นวิธีการปฏิบัติและประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ อันก่อให้เกิดวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร แม้กระทั่งองค์ความรู้นามธรรมเช่น ระบบหรือกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้การดำรงชีวิตของมนุษย์ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นที่มา  www .http://th.wikipedia.org/wiki

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 627 คน กำลังออนไลน์