อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ความเป็นไปของประเทศจีนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ล้วนแต่ได้มาโดยการสันนิษฐานและการอ้างตามซากวัตถุที่นักโบราณคดีขุดพบขึ้น แล้วมาตั้งเป็นทฤษฏี จีนเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่มากที่สุดประเทศหนึ่ง แต่แม้กระทั่งปัจจุบันวัฒนธรรมของจีนไม่ได้สูญสิ้นไปกับการเวลาเหมือนกับวัฒนธรรรมที่เก่าแก่อื่นๆ ของโลก ตรงกันข้ามจีนกำลังสร้างความเป็นเอกภาพให้ตนเอง ไม่ทราบแน่ชัดว่าประวัติศาสตร์จีนถือกำเนิดเมื่อไหร่ แต่ตามทฤษฏีได้รับการยอมรับเชื่อว่า เกิดขึ้นในยุคน้ำแข็งตั้งแต่ประมาณ 350,00 – 400,000 ปีมาแล้ว ทั้งนี้โดยอ้างจากซากของมนุษย์ปักกิ่งที่ค้นพบทางตอนใต้ของจีน เรียกซากดึกดำบรรพ์ของมนุษย์วานรยุคแรกว่า “รามาปิเทคุส” หลังจากสิ้นสุดยุคน้ำแข็งได้มีการรวมตัวกันขึ้นในบริเวณที่ราบอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำเหลือง จากนั้นชาวจีนได้เริ่มสร้างสังคมเมืองแบบพื้นฐาน
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำฮวงโห พบความเจริญที่เรียกว่า ”วัฒนธรรมหยางเชา” พบหลักฐานคือเครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสีจำนวนมากที่มีความงดงามและมีความประณีตในการตกแต่ง ลายที่เขียนมักเป็นลายเรขาคณิต พืช นก สัตว์ต่างๆ และภาพใบหน้ามนุษย์ สีที่ใช้เป็นสีดำหรือสีม่วงเข้ม วัฒนธรรมนี้ได้สืบทอดมาจนถึงสมัยสำริดและสมัยประวัติศาสตร์
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำแยงซี พบความเจริญที่เรียกว่า ”วัฒนธรรมหลงชาน” พบหลักฐานคือ เครื่องปั้นดินเผามีเนื้อละเอียด สีดำ ขัดมันเงา คุณภาพดี เนื้อบางและแกร่ง แสดงว่ามีการใช้แป้นหมุน และมีการเผาภาชนะดินเผาที่ก้าวหน้ากว่าวัฒนธรรมหยางเชา รูปแบบของภาชนะดินเผาที่สำคัญคือภาชนะ 3 ขา ซึ่งสืบทอดมาในยุคสำริด
ในสมัยต่อมาความเป็นอยู่ของคนจีนอยู่กันเป็นหมู่บ้าน มีกำแพงดินเผาล้อมรอบหมู่บ้าน บ้านก่อสร้างโดยอาศัยซากปรักหักพังที่มีอยู่ก่อน และใช้ดินโคลนเป็นวัตถุ มีการสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่นการขุดบ่อน้ำเพื่อใช้บริโภค เชื่อกันว่าในสมัยหยางเชา การทำนายโชคชะตาเป็นประเพณีที่นิยม อารยธรรมจีนแพร่หลายอย่างกว้างขวางในภาคตะวันออกและเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก