สโมสรฟุตบอลชลบุรี
สโมสรฟุตบอลจังหวัดชลบุรี หรือ ชลบุรี เอฟซี เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศไทยเป็นทีมจากจังหวัดชลบุรี ได้เข้ามาร่วมเล่นในไทยลีก โดยย้ายจากโปรลีก เคยได้ตำแหน่งชนะเลิศในปี 2550 รองชนะเลิศในปี 2551,2552 ปัจจุบันใช้สนาม อบจ. ชลบุรี เป็นสนามเหย้าแทน สนามสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี
ประวัติสโมสร
ยุคเริ่มต้น (โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา)
ทีมสโมสรฟุตบอลจังหวัดชลบุรี แต่เดิมเป็น ทีมสโมสรฟุตบอลของโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และได้เข้าร่วมแข่งขัน ฟุตบอลสโมรสรชิงถ้วยพระราชทาน ต่อมาได้ถูกรวมเข้ากับทีม สโมสรสันนิบาตสมุทรปราการ โดยใช้ชื่อ สโมสรฟุตบอลชลบุรี-สันนิบาตสมุทรปราการ ได้เข้าแข่งขันใน ดิวิชัน 1
ต่อมาได้ย้ายไปเล่นใน โปรวินเชียลลีก ในชื่อ สโมรสรฟุตบอลชลบุรี และได้แยกทีม สโมสรฟุตบอลชลบุรี-สันนิบาตสมุทรปราการ ซึ่งเล่นในดิวิชัน 1 อยู่ โดยทีมสโมสรชลบุรีนั้นได้นำผู้เล่นจากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ชลบุรี และได้ชนะเลิศโปรลีกในปี 2548 และได้เลื่อนมาเล่นใน ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกในปี 2549
ในปี 2549 ทีมชลบุรี ร่วมลงแข่งขันฟุตบอลควีนส์คัพ ในนามของ สโมสรราชประชา และเข้าร่วมแข่ง สิงคโปร์คัพ และได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ได้อันดับสอง รองจาก สโมสรฟุตบอลทัมปิเนสโรเวอร์ ในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549
ยุคปัจจุบัน
ในปี 2550 สโมสรฟุตบอลชลบุรี ภายใต้การนำของหัวหน้าผู้ฝึกสอน จเด็จ มีลาภ สามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศ ในการแข่งขันฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2550 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร และได้สิทธิเป็นตัวแทนจากประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก
ปี 2551 สโมสรฟุตบอลชลบุรีสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก ประจำปี 2550 มาได้ แต่ไม่สามารถป้องกันแชมป์ฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกไว้ได้ ทำได้เพียงตำแหน่งรองชนะเลิศ ส่วนทีมชนะเลิศได้แก่สโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ปัจจุบันคือสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์พีอีเอ) ทำให้ต้องไปเล่นในรายการเอเอฟซีคัพซึ่งเป็นถ้วยรองในระดับทวีปเอเชียแทน
ปี 2552 สโมสรฟุตบอลชลบุรี มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน โดยได้เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จากจุฬายูไนเต็ด มาคุมทีมแทนจเด็จ มีลาภ ที่ย้ายไปคุมทีมพัทยายูไนเต็ด ในปีนี้สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก. ประจำปี 2551 มาครองได้อีกครั้ง แต่ในฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ โดยทำได้เพียงตำแหน่งรองชนะเลิศอีกครั้งหนึ่ง ส่วนทีมชนะเลิสได้แก่สโมสรฟุตบอลเมืองทอง-หนองจอกยูไนเต็ด
ในปี 2553 สโมสรฟุตบอลชลบุรีได้ จเด็จ มีลาภ กลับมาคุมทีมอีกครั้ง พร้อมกับย้ายสนามเหย้าจากสนามสิรินธร โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา มาที่สนามสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี ในฤดูกาลนี้ สโมสรฟุตบอลชลบุรีทำได้เพียงอันดับที่ 3 ในการแข่งขันไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก แต่ก็ยังสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศฟุตบอลถ้วยในรายการมูลนิธิไทยคมเอฟเอคัพมาครองได้ เป็นครั้งแรก ทำให้ได้รับสิทธิเป็นตัวแทนจากประเทศไทยเข้ามร่วมแข่งขันฟุตบอลรายการเอเอฟซีคัพ ประจำปี 2554
ในปี 2554 สโมสรฟุตบอลชลบุรีย้ายสนามเหย้าจากสนามสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตขลบุรี กลับมาใช้ สนาม อบจ. ชลบุรี อีกครั้งหนึ่ง และได้ วิทยา เลาหกุล ลงมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเต็มตัว ทำงานร่วมกับ จเด็จ มีลาภ ซึ่งในปีเดียวกันนี้สโมสรสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก. ประจำปี 2553 มาครองไว้ได้ ซึ่งถือเป็นสมัยที่สามในประวัติศาสตร์สโมสร
ปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นทีมที่มีการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม มีความเป็นมืออาชีพ และกองเชียร์ Blue Blood ที่เหนียวแน่น และเลื่องชื่อลือชาในลีลาการเชียร์
กว่า 10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มคนรุ่นใหม่ภายใต้การนำของสองพี่น้องตระกูลคุณปลื้ม สนธยา และวิทยา รวมทั้งผองเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันที่แลเห็นความสำคัญของเยาวชนรุ่นใหม่โดยเฉพาะการให้โอกาสเด็กบ้านนอกที่ต้องการแสวงหาอนาคตด้านการเรียน และฟุตบอล ได้เริ่มโครงการอย่างเอาจริงเอาจังและต่อเนื่อง
ความสำเร็จนั้นเริ่มมาจากโรงเรียนภูธรขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี นามว่า อัสสัมชัญ ศรีราชา ซึ่งแต่ก่อนนั้นชื่อเสียงก็อยู่เพียงในวงแคบๆ แต่วันนี้ อัสสัมชัญ ศรีราชา กลายเป็นโรงเรียนที่ปั้นนักฟุตบอลเก่งๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่า ขึ้นมาประดับวงการลูกหนังไทยในระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา
โดยในปัจจุบันนี้ จังหวัดชลบุรีได้มีโรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย และโรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี ซึ่งพันธมิตรเหล่านี้ ได้เป็นแหล่งรองรับเยาวชนจากทั่วประเทศ ไม่เฉพาะภูมิภาคตะวันออก เพียงอยางเดียวเท่านั้น ในด้านของกีฬาฟุตบอล ซึ่งเยาวชนเหล่านี้ก็ได้แสดงศักยภาพที่มีอยู่ ออกมาให้เห็นด้วยการคว้าแชมป์ ฟุตบอลนักเรียนในรายการต่างๆ มากมาย ชนิดที่ทีมจากเมืองหลวงยังต้องอิจฉา
โดยจุดเริ่มต้นยุคทองของวงการฟุตบอลจังหวัดชลบุรีนั้น เริ่มจากคุณสนธยา และคุณวิทยา คุณปลื้ม เปิดโอกาสให้เยาวชนในระดับประถมปลาย ถึงมัธยมต้นจากโรงเรียน สมุทรพิทยาคม มาเริ่มเรียนในโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ในปี 2534 พร้อมกับการเริ่มสร้างทีมฟตุบอล ชุดแรกขึ้น ภายใต้การดูแลของ ธนะศักดิ์ สุระประเสริฐ โดยปีแรกที่ส่งทีมฟุตบอลเข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลนักเรียนกรมพละศึกษา รุ่น 18 ปี ข ปี 2535 อัสสัมชัญ ศรีราชา คว้าแชมป์มาครองได้ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของทีมจากภูธร ที่เริ่มเทียบชั้นทีมดังในเมืองหลวง และเป็นการเปิด ศักราชของวงการฟุตบอลจังหวัดชลบุรี อย่างแท้จริง
จากนั้นในปีต่อมา อัสสัมชัญ ศรีราชา สร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์ ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา รุ่นอายุ 18 ปี ก ในปี 2536 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ต่อด้วยในปี 2537 อัสสัมชัญ ศรีราชา คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียน นักศึกษาแห่งประเทศไทยมาครองได้อย่างเต็มความภาคภูมิ
ความยิ่งใหญ่ของทีมโรงเรียนจากจังหวัดชลบุรีนั้น เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวไทยทั้งประเทศ เมื่อ อัสสัมชัญ ศรีราชา คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียน รุ่นอายุ 18 ปี ทุกรายการที่ลงแข่งขันได้ โดยนักฟุตบอลเพียงชุดเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นสถิติที่ยังไม่มีทีมโรงเรียนในประเทศไทยทีมใดทำได้ และในปีนี้เอง ที่ได้เป็นจุดเริ่มต้นมหาอำนาจวงการฟุตบอลโรงเรียนเพิ่มมาอีกหนึ่งทีมคือ จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยนั่นเอง โดยโรงเรียนแห่งนี้ก็สามารถกวาดแชมป์ฟุตบอลในประเทศไทยมานับไม่ถ้วน
-แชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพละศึกษารุ่นอายุ 16 ปี ก และ 18 ปี ก
-แชมป์ควิกฟุตซอลจูเนียร์
-แชมป์ฟุตบอลเยาวชนโค้กคัพ
-แชมป์ฟุตบอลนักเรียนนักศึกษาชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย
-แชมป์ฟุตบอลรายการไนกี้ พรีเมียร์คัพ 2004
ซึ่งจากรายการต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ได้นักฟุตบอลฝีเท้าดี เข้ามาประดับวงการฟุตบอลจังหวัดชลบุรี และวงการฟุตบอลของประเทศไทยมากมาย รวมทั้งเป็นจุดเริ่มต้นของ ชลบุรี เอฟซี ทีมสโมสรที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวชลบุรี
จากจุดเริ่มต้นในปี 2534 จนถึงช่วงปี 2540 ได้มีการก่อตั้ง สมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรี พร้อมสโมสรฟุตบอลจังหวัดชลบุรีขึ้นมา โดยมีคุณวิทยา คุณปลื้มเป็นประธานสโมสรฟุตบอลด้วย โดยในการบริหารงานยุคเริ่มแรก ได้มีบุคคลที่รักวงการฟุตบอลจังหวัดชลบุรี ได้แก่ อรรณพ สิงห์โตทอง ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ พันธ์ศักดิ์ เกตุวัตถา เป็นคณะกรรมการ โดยมีบุคลากรจากท้องถิ่นเข้ามาช่วยงาน เพื่อเป็นการส่งเสริม และพัฒนาวงการฟุตบอลของชลบุรีอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังได้ วิทยา เลาหกุล มาเป็นประธานเทคนิคให้กับจังหวัด จึงทำให้จังหวัดชลบุรี มีโครงสร้างของฟุตบอลตั้งแต่เยาวชนขึ้นไปอย่างเป็นระบบ
สโมสรฟุตบอลจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมทำการแข่งขันฟุตบอลโปรวินเชียล ลีก เป็นครั้งแรกในปี 2541 โดยทำการพัฒนาทีมเรื่อยมาจนสามารถขึ้นมาเล่นได้ในลีกสูงสุดของประเทศไทย หรือ ไทยแลนด์ พรีเมียร์ ลีก ได้ในปี 2549 จนถึงวันนี้ รวมเวลา 15 ปี ที่ชลบุรีสามารถนำทีมฟุตบอลสโมสรของจังหวัดตัวเองขึ้นมาโลดแล่นในลีกสูงสุดของประเทศ และสามารถต่อกรก
แผนการจดทะเบียนเป็นบริษัทนิติบุคคล
เดือนเมษายน พ.ศ. 2551 สโมสรฟุตบอลชลบุรีเตรียมจดทะเบียนสโมสรให้อยู่ในรูปของบริษัทนิติบุคคล โดยใช้ชื่อ บริษัท สโมสรฟุตบอลชลบุรี จำกัด พร้อมกับจดลิขสิทธิ์ฉายา ฉลามชล และโลโก้ปลาฉลามของสโมสรด้วย ซึ่งบริษัทจะทำหน้าที่อย่างเต็มตัวในการแข่งขันไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลปี พ.ศ. 2552 เพื่อความสะดวกในการวางงบประมาณทำทีมและแผนงานต่าง ๆ ทั้งนี้ อรรณพ สิงห์โตทอง ผู้ช่วยผู้จัดการทีม ประมาณการว่าจะใช้เงินทุนในการจัดตั้งไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง 7 คน ส่วนอุปสรรคที่จะได้พบหลังจากการจดทะเบียน คือ สโมสรรวมถึงนักฟุตบอลทุกคนจะต้องเสียภาษีรวม แล้วประมาณร้อยละ 7 ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอกับงบประมาณการทำทีมที่ได้รับทุกปี โดยในประเด็นนี้ อรรณพกล่าวว่าจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้มีงบประมาณเพิ่มขึ้นพอที่ จะใช้จ่ายในทุกด้าน
แหล่งอ้างอิง:
http://www.chonburifc.net/history.html