โรคหัด
โรคหัด
- อาการ
- อาการในระยะแรก ได้แก่ ไข้สูง น้ำมูกไหล ไอมาก และตาแดง โดยเกิดขึ้นหลังจากได้รับเชื้อ 9-12 วัน อาการไข้สูงในโรคหัด อาจสูงได้มากถึง 40 องศาเซลเซียส และเมื่อกินยาลดไข้ ไข้อาจจะไม่ลดลง เวลาที่ผู้ป่วยไอหรือจาม จะแพร่เชื้อได้ง่ายมาก ร้อยละ 90 ของผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันจะติดโรค ถ้าไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน จากการศึกษาวิจัยพบว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อมากกว่า 22 เท่า
- ระยะออกผื่น ต่อมา 3-4 วัน จะมีผื่นเป็นจุดสีแดงขึ้นที่หลังหู หน้าผาก และไหล่ผม แล้วลามไปทั้งหน้า ลำตัว แขน ขา ผื่นแดงทำให้เกิดอาการคัน เวลาที่ผื่นหายจะทำให้สีผิวคล้ำขึ้น ผื่นกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ในระยะนี้อาจมีอาการแทรกซ้อนด้วยโรคท้องร่วง ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งจะเป็นอันตรายได้ โรคนี้อาจยังผลให้เด็กมีภาวะขาดอาหารตามมาได้ อาการแทรกซ้อนพบมากในกลุ่มเด็กที่ขาดสารอาหารหรือเด็กน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ความต้านทานโรค ผู้ที่เป็นโรคนี้แล้วมักไม่เป็นซ้ำอีก ยกเว้นเป็นเมื่ออายุน้อยกว่า 1 ปี เพราะร่างกายยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี
- แนวทางการรักษา
- การติดเชื้อไวรัสโรคหัดไม่มีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง และไม่ใช้ยาต้านไวรัสสำหรับโรคหัดในปัจจุบัน
- การดูแลผู้ป่วยขณะมีไข้สูง ให้ทำการเช็ดตัว และดื่มน้ำมากๆ พิจารณาให้ยาลดไข้ชนิดพาราเซตามอล สามารถซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน สำหรับโรคหัด ยาลดไข้อาจไม่ช่วยบรรเทาอาการไข้ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของโรค ไม่ควรกินยาถี่กว่าที่แนะนำ
- ถ้าผู้ป่วยไอมาก ให้จิบน้ำอุ่น หรือน้ำผึ้งผสมมะนาว หากเด็กเบื่ออาหาร แนะนำให้ดื่มนม น้ำหวาน น้ำผลไม้ ระหว่างที่มีไข้ เด็กจะอยู่ในสภาพสูญเสียสารน้ำในร่างกาย
- พักผ่อนมากๆ จะช่วยให้หายเร็วขึ้น ส่วนใหญ่เด็กสามารถกลับไปโรงเรียนได้ภายใน 7-10 วัน หลังจากไข้และผื่นหาย ระหว่างที่ไม่สบาย ไม่ควรคลุกคลีกับเด็กอื่นที่มีโอกาสติดโร
- การดูแลผู้ป่วยขณะมีไข้สูง ให้ทำการเช็ดตัว และดื่มน้ำมากๆ พิจารณาให้ยาลดไข้ชนิดพาราเซตามอล สามารถซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน สำหรับโรคหัด ยาลดไข้อาจไม่ช่วยบรรเทาอาการไข้ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของโรค ไม่ควรกินยาถี่กว่าที่แนะนำ
การป้องกันโรค
โดยการฉีดวัคซีน MMR ในเด็กวัย 9-12 เดือน และกระตุ้นเมื่ออายุ 6 ปี เนื่องจากโรคหัดเป็นโรคที่ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน ขณะนี้จึงมีการรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งในบางแห่งที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโรค ทางองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มแรกเมื่อเด็กอายุ 6 เดือน และเข็มที่สองกระตุ้นเมื่ออายุ 1 ปี 3 เดือนการฉีดวัคซีนเข้าชั้นใต้ผิวหนังจะได้ผลดีเมื่อใช้ขนาด 1000 TCID หมายถึงขนาดที่ก่อโรคโดยเชื้อไวรัสในจานเพาะเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นชนิด monovalent หรือชนิดวัคซีนรวม MMR มีผลในการยัยยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสเท่าๆกัน เมื่อปี 2005 ได้มีการนำวัคซีนรวม MMR-V มาใช้ ประกอบด้วย หัด หัดเยอรมัน คางทูม และสุกใส - การติดเชื้อไวรัสโรคหัดไม่มีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง และไม่ใช้ยาต้านไวรัสสำหรับโรคหัดในปัจจุบัน
แหล่งอ้างอิง:
http://www.bangkokhealth.com/index.php/Chest/284-2009-01-20-00-54-17.html