เพศศึกษา14

พ่อแม่ทุกคนมีความรักความปรารถนาดีและความห่วงใยกังวลใจต่อลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่นก็ยิ่งเพิ่มความกังวลใจมากเข้าไปอีก เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่อยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างความเป็นผู้ใหญ่กับเด็ก ร่างกายและฮอร์โมนกำลังเปลี่ยนแปลง ทำให้เด็กวัยรุ่นมีอารมณ์รุนแรงไม่สามารถคาดเดาได้ จึงมักเป็นวัยที่ถูกมองว่ามีปัญหามากที่สุด ฉะนั้นผู้ที่ทำหน้าที่ก็คือผู้ที่ให้กำเนิดเขานั่นเอง

หลายครั้งคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่เข้าใจลูกวัยรุ่นที่ปฏิเสธความปรารถนาดีจากตน และบ่อยครั้งที่ความห่วงใยของพ่อแม่ถูกย้อนกลับด้วยความไม่พอใจ ความโกรธ หรือถ้อยคำรุนแรงจากลูกวัยรุ่น สาเหตุหนึ่งของปัญหานี้ คือการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกันระหว่างพ่อแม่กับลูกวัยรุ่น

ด้วยเหตุนี้ กลุ่ม 6Q Society ที่มี ดร . สิริกร มณีรินทร์ ปรึกษากิตติมศักดิ์ของกลุ่ม จึงได้จัดให้มีการสัมมนา เรื่อง " พูดด้วยรัก ... ฟังด้วยใจ ... สานความผูกพันครอบครัว " ขึ้น เพื่อเป็นกิจกรรมให้พ่อแม่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การสื่อสารกับลูกวัยรุ่น และช่วยเพิ่มความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัวของไทย

" พ่อแม่ทุกคนก็ต้องอยากให้ลูกได้รับแต่สิ่งดีๆ คาดหวังให้ลูกเป็นตามที่เราต้องการ แต่บางครั้งวิธีการสื่อสารของพ่อแม่กับการตีความของลูกไปกันคนละทาง ทำให้เกิดปัญหาซึ่งเชื่อว่าทุกครอบครัวที่มีลูกวัยรุ่นต้องเจอ ดังนั้นคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของวัยรุ่น ดูแลด้วยความรักแต่ไม่ใช่สุดโต่ง อย่าใช้ความคาดหวังของเราไปกดดันลูก รวมถึงต้องเข้าใจจิตวิทยาในการสื่อสารกับวัยรุ่นด้วย " ดร . สิริกร กล่าว

ในส่วนของการทำความเข้าใจจิตวิทยาวัยรุ่นนั้น น . พ . ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล กล่าวว่า วัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการอิสระ ขณะเดียวกันพ่อแม่ก็มีความคาดหวังจะให้ลูกได้ในสิ่งดี ซึ่งความคาดหวังตรงนี้เป็นบ่อเกิดของความกลัวของพ่อแม่ที่มีต่อลูกวัยรุ่น เช่น กลัวลูกจะเรียนไม่เก่ง กลัวลูกจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทำให้พ่อแม่พยายามที่จะช่วยเหลือ หรือตัดสินใจแทนลูก กลายเป็นจุดที่ทำให้ลูกรู้สึกถูกบังคับ คิดว่าการกระทำของพ่อแม่ทำให้เขาขาดอิสระ เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่จึงเกิดอาการต่อต้าน เป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างพ่อแม่กับลูกเกิดขึ้นได้ ซึ่งวิธีที่จะแก้ไขความไม่เข้าใจนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการใช้การสื่อสารปรับความเข้าใจ

" การสื่อสารกับลูกวัยรุ่น พ่อแม่ต้องปรับความเข้าใจ เพื่อหาจุดลงตัวให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน เหมาะกับสถานการณ์ บางเรื่องลูกอาจจะอยากพูดกับพ่อมากกว่าแม่ ในขณะที่บางเรื่องแม่อาจจะสื่อสารกับลูกได้ง่ายกว่า พ่อแม่ต้องช่วยกันไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของใครเพียงคนเดียว การพูดคุยต้องให้โอกาสลูกได้มีทางเลือกตัดสินใจ เมื่อมีปัญหาพ่อแม่ต้องหาสาเหตุว่ามาจากอะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แล้วหาทางออกของปัญหาหลายๆ วิธี วิธีหนึ่งที่จะช่วยหาสาเหตุได้ คือการตั้งคำถาม การให้ลูกได้มีโอกาสแสดงความรู้สึก ความคิดเห็นบ้าง แต่วิธีการพูดของพ่อแม่ไม่ควรใช้อารมณ์หรือทำให้เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องซ้ำซากจำเจ " หมอประเวช แนะ

นอกจากนี้ น . พ . ประเวช ยังกล่าวเสริมว่า บางครั้งคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องยอมให้ลูกได้มีโอกาสได้ลองผิดลองถูก เรียนรู้ปัญหาด้วยตัวเองบ้าง เพื่อให้ลูกสามารถคิดเป็น

" การที่พ่อแม่จะปล่อยให้ลูกต้องเผชิญกับปัญหา หรือฝืนกติกาบางอย่างที่เราก็รู้อยู่ว่ามันผิดถือว่าเป็นเรื่องยาก แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่ไม่ร้ายแรงก็ต้องปล่อยบ้าง เพื่อให้เขาได้ตัดสินใจเอง คิดเอง ไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ ซึ่งหากเขาสามารถผ่านมาได้ก็จะเป็นบทเรียนที่เขาจะเข้าใจได้ดีกว่าการที่เราพยายามบอก " น . พ . ประเวช กล่าว

ด้าน ดร . อมรวิชช์ นาครทรรพ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า วิวัฒนาการของสื่อที่รวดเร็ว เข้าถึงได้ง่าย ก็นำมาซึ่งสื่อไม่ดีทั้งซีดี วีซีดี หนังสือโป๊ หนังสือการ์ตูนลามก และรายการทางโทรทัศน์ซึ่งเป็นปัญหาใกล้ตัวที่สุด จากผลวิจัยในต่างประเทศระบุว่า 30% ของคนที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกได้รับแรงกระตุ้นจากสื่อ ซึ่งเด็กจะเริ่มสัมผัสสื่อลามกเหล่านี้ได้ตั้งแต่ช่วง ป .2- ป .3 และในช่วง ป .6 จะเป็นเวลาที่หมกมุ่นกับสื่อลามกมากที่สุด

เพราะฉะนั้นพ่อแม่ควรเปิดใจคุยเรื่องเพศศึกษากับเด็กตั้งแต่ชั้นประถม อย่าคิดแต่จะปล่อยให้ครูสอน เพราะครูก็พูดได้ไม่เต็มปากเหมือนกัน ในที่สุดลูกก็จะเรียนรู้ตามยถากรรม เราต้องสอนให้รู้ว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่ความเถื่อนดิบแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอารมณ์ และไม่ใช่คุยกันแต่เรื่องเครื่องเพศ เรื่องเพศทางจริยธรรมเป็นสิ่งสำคัญ

ดร . อมรวิชช์ ได้ให้ขั้นตอนการเลี้ยงลูกไว้ว่า 1. พ่อแม่ต้องสร้างขีดความสามารถในการเป็นเพื่อน ในฐานะของพ่อแม่ไม่ใช่ว่าจะมีคำตอบให้ลูกได้ทุกเรื่อง บางครั้งเราต้องไปด้วยกันกับลูก และทำให้ลูกรู้สึกว่าคุยกับเราได้ทุกเรื่อง 2. ให้ลูกมีเวลาเล่นอย่างเด็กบ้าง อย่างกวดขันให้เรียนอย่างเดียว 3. ให้ลูกเลือกอนาคตเอง แต่สิ่งหลักคือต้องให้ลูกมีความสุขกับการให้ ให้ด้วยน้ำใจไม่หวังสิ่งตอบแทน และสิ่งสำคัญคือ 4. อยากให้ลูกเป็นอย่างไรคุณต้องเป็นต้นแบบนำ

กว่าที่วัยรุ่นจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ก็คงต้องใช้เวลาอีกนาน แต่สิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ควรทำความเข้าใจการที่วัยรุ่นปฏิเสธความปรารถนาดีของพ่อแม่นั้น ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักดี แต่บางครั้งเขาก็ต้องการรู้จักกับการค้นหาด้วยตัวเองมากกว่าการหยิบยื่นให้ ทำความเข้าใจสักนิดแล้วจะรู้ว่าการเลี้ยงลูกวัยรุ่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลเลย ถ้าคุณพ่อคุณแม่ใจสู้ซะอย่าง ความหวังของชาติและตระกูลอยู่ที่มือคุณ

สร้างโดย: 
มณีรัตน์ อุ่นจันทร์

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 511 คน กำลังออนไลน์