การปฐมพยาบาล
การปฐมพยาบาลผู้ที่ถูกงูกัด
การถูกงูกัด เป็นภาวะฉุกเฉินเร่งด่วนอย่างหนึ่งที่ต้องรีบให้การปฐมพยาบาล เพื่อลดความรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อนจากพิษงู ทั้งยังเป็นการชะลอเวลาการออกฤทธิ์ของพิษงูเพื่อนำส่งสถานพยาบาลได้อย่างทันท่วงที ในเมืองไทยเรางูมีพิษมีหลายชนิด พิษของงูแบ่งออกคร่าวๆ เป็น 3 แบบคือ
- พิษงูที่ทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เช่น งูแมวเซา งูเขียวหางไหม้ งูกะปะ
- พิษงูที่ทำให้เกิดเป็นอัมพาตยับยั้งการทำงานของระบบประสาท เช่น งูเห่า งูจงอาง
- พิษงูที่ทำให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง เช่น งูทะเล
อาการเมื่อถูกงูพิษกัด
นอกจากจะสามารถบอกได้ว่าถูกงูกัดได้โดยการเห็นตัวงูแล้ว ในกรณีที่ไม่เห็นตัวงู ตรงรอยที่ถูกงูกัดกัดจะมีรอยเขี้ยว 2 รอย และจะมีอาการใน 10 นาที อาการของผู้ถูกงูกัด แล้วแต่ชนิดของงู เช่น งูเห่าจะมีพิษทำอันตรายต่อระบบประสาท อาการทั่วไป จะเกิดขึ้นภายหลังประมาณครึ่งชั่วโมง โดยจะมีอาการอ่อนเพลีย เดินไม่ไหว หนังตาตก พูดอ้อแอ้ กลืนลำบากและหายใจไม่สะดวก ในที่สุดจะเป็นอัมพาตทั่วร่างกาย และอาจถึงแก่ความตายได้ เนื่องจากการหายใจหยุด
การปฐมพยาบาล
รอยแผลงูพิษกัดจะมีรอยเขี้ยว 1 หรือ 2จุด (งูไม่มีพิษ แผลจะเป็นรอยถลอก) ให้ผู้ที่ถูกงูกัดนอนลง จัดให้มือหรือเท้าที่ถูกกัดอยู่ระดับเดียวหรือต่ำกว่าระดับหัวใจ ปลอบใจ ไม่ให้ตื่นตกใจ และพยายามให้ผู้ที่ถูกงูกัดอยู่นิ่งๆ หรือให้เคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด เพราะการตื่นเต้น ตกใจ หัวใจจะเต้นเร็ว หรือเคลื่อนไหวมาก จะทำให้พิษงูเข้าไปในกระแสเลือดมากขึ้น ค่อยๆ ล้างบาดแผลที่ถูกงูกัด ด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาดเท่าที่พอจะทำได้
ห้ามเลือด โดยใช้ผ้าสะอาดกดบาดแผลโดยตรง หรือใช้การพันผ้า ดามขาข้างที่ถูกงูกัดกับขาอีกข้างโดยใช้ผ้านุ่มคั่นระหว่างขา และรัดด้วยผ้าที่ข้อเท้าและเข่า และประคองส่วนที่บาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาล
หมายเหตุ การใช้เชือกรัดบริเวณเหนือจุดที่ถูกกัด ปัจจุบันไม่ขอแนะนำ เพราะการรัดแน่นจนเกินไปหรือถ้าถูกรัดไว้เป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดการขาดเลือดของอวัยวะที่อยู่ใต้ส่วนที่รัดได้