ดงแม่นางเมือง ทุ่งขนมหก จังหวัดนครสวรรค์
" ดงแม่นางเมือง ทุ่งขนมหก จังหวัดนครสวรรค์ "
ดงแม่นางเมือง อยู่ที่ตำบลตาสัง อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ มีตำนานที่เกี่ยวข้องกับสถานที่หลายแห่ง เป็นต้นว่า กำแพงเพชร พิจิตร และถนนที่ยังเป็นหลักฐานแห่งตำนาน ดังนี้ดงแม่นางเมือง มีเจ้าผู้ครองนครเป็นหญิง ทรงสิริโฉมเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่วทุกแว่นแคว้น บรรดาเจ้าชายต่างเมืองทั้งหลาย ทั้งที่โสดและไม่โสดทราบกิตติศัพท์นี้ก็เกิดพระทัยปฏิพัทธ์ รีบส่งของบรรณาการมาทาบทามสู่ขอเป็นการด่วน แต่ก็เกิดพร้อมกันทั้งสามเมือง คือ รายแรกเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร รายที่สองเป็นเจ้าทางเมืองพิจิตร รายที่สามผู้เล่าจำไม่ได้ว่าเป็นเมืองอะไร ทางฝ่ายเมืองของเจ้าหญิงก็จำต้องรับไว้ก่อนทั้งสามราย ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าตา ไม่เคยรักใครมาก่อนเลย ให้เจ้าหญิงตัดสินพระทัยก็ไม่รู้ว่าจะเลือกอภิเษกกับเจ้าชายองค์ไหน หรือถ้าเลือกตามพระทัยองค์หนึ่งก็จะต้องเกิดบาดหมางกับอีกสององค์ อาจเป็นชนวนให้เกิดการสู้รบกันได้ จึงตกลงยื่นข้อเสนอให้เจ้าชายทั้งสามถือปฏิบัติพร้อมๆ กันคือ แข่งขันกันจองถนนจากเมืองของเจ้าหญิง ทางแถบเขาดินด้านเหนือของแม่นางเมือง ซึ่งยังพอให้เห็นเป็นร่องรอยได้จนทุกวันนี้ ให้บรรจบกับเมืองของตน ถ้าใครเสร็จก่อนก็จะได้อภิเษกกับเจ้าหญิง ข้อเสนอนี้เจ้าชายทั้งหมดตกลง ดังนั้น การจองถนนจึงเริ่มขึ้นโดยทันที เจ้าชายในเขตเมืองกำแพงเพชร เริ่มต้นสร้างถนนที่หัวบึงเฒ่า73 ทางตะวันตกของเมือง เจ้าชายเมืองพิจิตรสร้างค่ายทำถนนอยู่ที่วงฆ้อง74 ใกล้เขาดินบ้านหนองหญ้าปล้องเดี๋ยวนี้ ส่วนเจ้าชายอีกองค์หนึ่งเริ่มต้นที่ท่าเสา75 ปากบึงปลาทู ทีหลังเจ้าชายสององค์นั้น พอเห็นว่าจะไม่ทันการก็เสียพระทัย เทขนมขันหมากทิ้งเสียหมด บริเวณที่ขนมเกลื่อนเรี่ยรายอยู่นั้นเลยได้ชื่อว่า “ทุ่งขนมหก”76 แต่ก็ยังไม่ได้รื้อถอนค่ายสร้างถนนออกไป ยังคอยคุมเชิงอยู่เฉยๆ ปล่อยให้สองเมืองแรกนั้นสร้างถนนแข่งขันกันต่อไป แต่แล้วการสร้างถนนก็เกิดล้มเลิกเพราะต่างฝ่ายต่างริษยากันและกัน เมื่อเห็นฝ่ายใดสร้างล้ำหน้าก็กลัวว่าตนจะแพ้ ไม่ได้อภิเษกกับเจ้าหญิง จึงคอยกลั่นแกล้งกันอยู่เนืองๆ จนเป็นเรื่องใหญ่ถึงรบพุ่งกัน แต่แรกก็เป็นการรบกันระหว่างเมืองกำแพงเพชร และ เมืองพิจิตร นานเข้าก็กลับกลายเป็นสงครามยืดเยื้อทั้งสามทัพ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ต่างล้มตายลงเป็นเบือเป็นที่น่าเวทนานัก ระหว่างที่ศึกชิงนางกำลังลุกลามยืดเยื้ออยู่นั้น ทางเจ้าหญิงก็ตระเตรียมอพยพทิ้งเมืองไปอยู่เสียที่อื่น ไม่พึงประสงค์จะแต่งงานกับเจ้าชายผู้พิชิตองค์ใดทั้งสิ้น นางประกาศให้ราษฎรชาวเมืองเก็บข้าวของ ทรัพย์สมบัติใส่เกวียนแล้วลอบหนีออกจากเมืองตอนกลางคืน ไปสร้างเมืองใหม่อยู่ที่หาดทรายงาม77 กว่าเจ้าชายคู่ศึกทั้งสามจะรู้เรื่อง เจ้าหญิงก็ออกจากเมืองไปไกลแล้ว ไม่มีใครตามไปได้ ด้วยศึกยังติดพันอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งพร้อมใจกันสงบศึกลงได้ เพราะคิดได้ว่าทั้งผู้แพ้และผู้ชนะไม่ได้รับผลอะไรเลย ในเมื่อไม่มีเจ้าหญิงแล้ว จึงหันมาช่วยกันฝังศพแม่ทัพนายกองของตนไว้ในเมืองของเจ้าหญิง แล้วเลิกทัพกลับบ้านเมืองของตนปล่อยดงแม่นางเมืองไว้เป็นสุสานแห่งความรักตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา