Articles [A, An]

หลักทั่วไป

        1. ใช้ A นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ หรือออกเสียงพยางค์แรกเป็นเสียงพยัญชนะ  เช่น

- A boy, A girl, A cat, A dog, A university, A usage, etc.

          2. ใช้ An นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ที่ขึ้นต้นด้วยสระ หรือออกเสียงพยางค์แรกเป็นเสียงสระ

*เพิ่มเติม      เสียงสระในภาษาอังกฤษมี 5 เสียง ได้แก่         /เอ/, /อี/, /ไอ/, /โอ/, /อู/    

ดังนั้น   คำไหนขึ้นเสียง /ยู/ มา ใช้ a นะ

เช่น  An ant, An apple, An elephant, An ice-cream, An hour, An honour, etc.

หลักการใช้ A, An นำหน้านาม          

1.   ใช้เมื่อกล่าวถึงนามนั้นๆเพียงครั้งแรก

เช่น   When I arrived there, I suddenly saw a bird singing on a tree. (พูดถึงนกครั้งแรกใช้ a)The bird was very charming. (พูดถึงนกตัวเดิมครั้งต่อๆไป ใช้ the)

2.   ใช้เมื่อทำให้นามนั้นมีความหมายเป็นตัวแทนของพวกเดียวกัน

 เช่น   A dog is an honest friend of human. An honest friend of human is dogs.

3.   ใช้ในโครงสร้าง “have + a,an + อาการเจ็บป่วย เช่น   I catch a cold. (I have a cold.)        I have a fever.        I have a headache. ยกเว้น  toothache (no article)

**ใช้ a + อาการเจ็บป่วย ไม่ใช่ชื่อโรค (ถ้าชื่อโรค no article)

4.   ใช้บอกอัตราส่วนแทนคำว่า “per”      เช่น   Please go to see a doctor 5 times per month.

        = Please go to see a doctor 5 times a month.

5.   ใช้นำหน้าคำนามที่เป็นสำนวนเกี่ยวกับการนับจำนวนหรือการแสดงจำนวนมาก

เช่น   a dozen of…, a gross of, a lot of, a great many, etc.

6.   ใช้นำหน้านามที่เป็นสำนวนในประโยคอุทาน

เช่น   What a handsome boy he is !

7.   โดยปกติ ชื่อเฉพาะจะไม่มี article นำหน้า

ยกเว้น       

7.1  ใช้นำหน้าชื่อเฉพาะของผู้มีชื่อเสียง ในกรณีที่ต้องการจะเปรียบเทียบใครกับบุคคลเหล่านั้น เช่น   He is a Shakespeare !       

7.2  ใช้นำหน้าชื่อเฉพาะของผู้ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในความหมายที่ว่า “มีคนชื่อ”

เช่น    Whin, There is a Mr. Dang calling you up.

8.   นำหน้าชื่ออาชีพหรือสัญชาติ  

เช่น  

I am a student of Thammasat University             

I am a Thai.

9.   นำหน้านามนับได้เอกพจน์ที่ไปทำหน้าที่กรรมของประโยคในรูปปฏิเสธ ในความหมายที่ว่า “ไม่เลยแม้สักอันหนึ่ง”

เช่น   Because my friend got angry me so much, he doesn’t talk with me a word.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

...