ชุดประจำชาติจีน
กี่เพ้าหรือฉีเผา ตามสำเนียงจีนกลางนี้ มีต้นกำเนิดในสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1644-1911) ซึ่งปกครองแบบ 8 แว่นแคว้นหรือปาฉี โดยผู้ปกครองชาวแมนจู คำว่า ‘ฉี’ ในปาฉีและคำว่า ‘เผา’ นั้นหมายถึงเสื้อผ้าชุดยาวตลอดลำตัว จึงเป็นที่มาของ ‘ฉีเผา’นั่นเอง โดยได้รับความนิยมสูงสุดในรัชสมัย ‘คังซี’ และ ‘หยงเจิ้ง’ (ค.ศ.1662-1736) ยุครุ่งเรืองแห่งราชวงศ์ชิง ซึ่งต่างจากสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368-1644) ยุคก่อนหน้านั้น ที่แฟชั่นของหญิงชาวฮั่นซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ของแผ่นดินจีน มักแยกเสื้อกับกระโปรงออกจากกัน อย่างไรก็ตาม ในยุคกลางราชวงศ์ชิง ชุดของสาวแมนจูกับสาวฮั่น ต่างก็เริ่มเลียนแบบซึ่งกันและกัน
หลังปี ค.ศ.1840 วัฒนธรรมตะวันตกได้ค่อยๆ จู่โจมเข้าสู่แดนมังกรพร้อมกับยุคล่าอาณานิคม เมืองชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะเมืองสำคัญอย่าง ‘เซี่ยงไฮ้’ ซึ่งมีชาวตะวันตกเข้าอยู่อาศัยปะปนกับชาวจีน จึงได้รับอิทธิพลตะวันตกก่อนพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ ไม่เว้นแม้แต่แฟชั่นการแต่งกายแบบฝรั่งที่ค่อยๆ แทรกซึม และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
รูปแบบของชุดกี่เพ้าที่เราเห็นกันในปัจจุบัน จึงมีวิวัฒนาการจากชุดสตรีชาวแมนจู ที่ถูกสตรีชาวฮั่นนำไปประยุกต์ดัดแปลง ผสมผสานการดูดซับเอาวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายที่เน้นส่วนโค้งเว้าเข้ารูปแบบตะวันตก โดยจะมีลักษณะของแขน ปก ชาย การผ่าข้าง และความสั้นยาวเปลี่ยนไปตามความนิยมในแต่ละยุคสมัย