โครงสร้าง หน้าที่ และการเจริญเติบโตของลำต้น
2. การเจริญเติบโตขั้นที่สอง (Secondary growth)
ทำให้เกิดเนื้อเยื่อลำเลียงขั้นที่สอง โดยจะสร้าง Vascular cambium ขึ้นมาก่อน โดย Interfasicular cambium เปลี่ยนแปลงมาจากพิธเรย์ ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อ Parenchyma จะไปเชื่อมต่อกับ Interfasicular cambium ซึ่งมีอยู่เดิมแล้วใน Vascular bundle กลายเป็น Vascular cambium
โดยที่ Vascular cambium จะแบ่งตัวให้กำเนิด
1. โฟลเอมระยะที่สอง (Secondary phloem) จะออกด้านนอก มีปริมาณน้อย อายุยืนยาว
2. ไซเลมระยะที่สอง (Secondary xylem) จะเข้าด้านใน มีปริมาณมาก อายุสั้น เกิดเป็นส่วนที่เรียกว่าเนื้อไม้ (Wood)
เนื้อเยื่อชั้น Epidermis+Cortex+โฟลเอมระยะที่หนึ่ง+โฟลเอมระยะที่สอง+Vascular cambium รวมกันจะเรียกส่วนนี้ว่า เปลือกไม้ (Bark)
ไซเลมระยะที่สอง จะหนามาก เรียกเนื้อไม้ (Wood) โดยในแถบของโลกที่มีฤดูกาลต่างกันมาก เนื้อไม้จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
- Spring wood เกิดในฤดูน้ำมาก เซลล์มีขนาดใหญ่ ผนังเซลล์บาง
- Summer wood เกิดในฤดูน้ำน้อย เซลล์จะมีขนาดเล็ก ผนังเซลล์หนา
โดยที่ไซเลมทั้ง Spring wood และ Summer wood จะเรียกว่า วงปี (Annual ring) ซึ่งเกิดขึ้นในแต่ละปี สามารถใช้บอกอายุของพืชได้
ชั้นของเนื้อไม้มีการทำหน้าที่และสะสมสารต่างกันเป็น 2 ประเภท คือ
1. แก่นไม้ (Heart wood) มีสารอินทรีย์พวกน้ำมันเรซินหรือแทนนิน และสารอื่นๆสะสม ทำให้ท่ออุดตัน แข็งอยู่ด้านในๆของลำต้น มีสีคล้ำ จะไม่มีการลำเลียงสาร
2. กระพี้ (Sap wood) อยู่ใกล้ๆกับ Vascular cambium ยังไม่มีสารมาอุดตัน มีสีจางกว่าแก่นไม้ จะมีการลำเลียงสาร
ลำดับเนื้อเยื่อใน Vascular bundle เรียงจากในสุดอกมานอกสุด จะเป็นดังนี้
ภาพแสดงการเจริญเติบโตขั้นที่สองของพืชใบเลี้ยงคู่
ที่มา : http://1.bp.blogspot.com/_4UcWtGK_blc/S-5RoBbQs-I/AAAAAAAAAbU/cAtIJuUep8...