ทุเรียน
"ทุเรียน" ได้ชื่อว่าเป็นราชาของไม้ผล (King of fruit) มีชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่นแตกต่างกันออกไปนะคะ เช่น ภาคเหนือ เรียก มะทุเรียน ภาคใต้ เรียก เรียน มาเลเซียเรียก ดือแย ไทยเราเรียก ทุเรียน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ดูริโอ ซิเบทธินัส (Durio zibethinus Linn.) จัดอยู่ในวงศ์ บอมบาเซียซีอี้ (BOMBACEACEAE)
ลักษณะทั่วไปของทุเรียน :
ทุเรียนจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบแข็งและหนายาว ใบมีสีเขียวแก่เป็นมัน ท้องใบเป็นสีน้ำตาล ปลายใบมีติ่งแหลมเรียว รูปไข่ยาว ดอก มีกลีบแข็งหนา ผล มีหนามแหลม เปลือกหนา เนื้อในเมื่ออ่อนจะมีรสมัน แต่เมื่อสุกจะมีรสหวานหอม มีกลิ่นฉุนมาก นิยมรับประทานเป็นผลไม้ ทุเรียนปลูกได้แทบทุกภาคในประเทศไทย การขยายพันธุ์ทำได้โดยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ติดตา ส่วนมากนิยมใช้วิธีตอนกิ่ง เพราะจะได้พันธุ์ตรงตามต้นแม่ คติความเชื่อในเรื่องของทุเรียน บางตำราว่า เป็นต้นไม้ตามทิศ ที่ควรปลูกไว้ในบริเวณบ้านโดยให้ปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) โดยถือเป็นเคล็ดลับว่า “ความเป็นผู้คงแก่เรียน”
ลักษณะ/พันธุ์ของทุเรียนที่นิยมปลูกกันมากมี 4 พันธุ์ คือ
หมอนทอง ชะนี ก้านยาว และกระดุมประเทศไทยเรามีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศเหมาะสมในการผลิตทุเรียน ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า มีภาพลักษณ์ที่ดีและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีการจัดระบบการจัดการคุณภาพด้านพืช (PQMS : Plant Quality Management System) ที่ดี ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดต่างประเทศได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ประโยชน์ของทุเรียน :
1) รับประทานเป็นผลไม้สด ทุเรียนนอกจากจะมีประโยชน์ในด้านรับประทานสดเป็นผลไม้แล้ว ยังมีการแปรรูปในลักษณะของการทอดกรอบ อบกรอบ ทำเป็นผลไม้กวน ยังมีคุณประโยชน์ในด้านอื่นๆอีก เช่น นำมาทำเป็นขนมหวาน คือ ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียนราดด้วยหัวกะทิ แต่ถ้าคำนึงถึงพลังงานที่ได้รับเพิ่มขึ้นจากข้าวเหนียว น้ำตาล และกะทิ ก็เป็นสิ่งควรระวัง เพราะเนื้อทุเรียนสดก็ให้พลังงานมากอยู่แล้ว หากร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไป และใช้พลังงานไม่หมด ร่างกายก็จะสะสมเป็นไขมัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคอ้วนได้ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ก็ต้องระมัดระวังเรื่องการรับประทานทุเรียนอย่างมากเช่นเดียวกัน เพราะการรับประทานมากเกินไปก็จะเป็นผลเสียและเป็นโทษแก่ร่างกาย
2) คุณค่าทางโภชนาการ ทุเรียนให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งในด้านไขมันที่ให้พลังงาน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายมาก จากรายงานพบว่าในปริมาณเนื้อทุเรียน 100 กรัม สำหรับพันธุ์ก้านยาวให้พลังงานมากที่สุด คือ 181 กิโลแคลอรี่ ส่วนพันธุ์หมอนทองซึ่งเป็นที่นิยมของคนส่วนใหญ่จะให้พลังงาน 156 กิโลแคลอรี่
3) คุณค่าในทางสมุนไพร
• ใบทุเรียน มีรสขม เย็นเฝื่อน จึงมีสรรพคุณ แก้ไข้ แก้ดีซ่าน ขับพยาธิ และทำให้หนองแห้ง
• เนื้อหุ้มเมล็ดทุเรียน มีรสหวาน ร้อน จึงมีสรรพคุณให้ความร้อน ใช้แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝีแห้ง และขับพยาธิ
• เปลือกลูก รสฝาดเฝื่อน สมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย พุพอง แก้ฝี ตาน ซาง คุมธาตุ แก้คางทูม และไล่ยุงและแมลง
• ราก มีรสฝาดขม จึงมีสรรพคุณ แก้ไข้ และแก้ท้องร่วง
http://www.kroobannok.com/news_pic/p81868400508.jpg