• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:ab2cab24aac8daea6726dee60b350b6d' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div style=\"text-align: center\">\n<strong>\n<div style=\"text-align: center\">\n<div style=\"text-align: center\">\n<div style=\"text-align: center\">\n<div style=\"text-align: center\">\n<div style=\"text-align: center\">\n<div style=\"text-align: center\">\n<div style=\"text-align: center\">\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"380\" width=\"380\" src=\"/files/u40198/Ch-B-H.jpg\" border=\"0\" />    \n</div>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/86717/\"></a><a href=\"/node/86717\"><img height=\"50\" width=\"125\" src=\"/files/u40198/Banner-Ch-G.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/88742\"><img height=\"50\" width=\"125\" src=\"/files/u40198/Banner-Ch-T.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/88742\"><img height=\"50\" width=\"125\" src=\"/files/u40198/Banner-Ch-BBC.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/88742\"></a><a href=\"/node/88743\"><img height=\"50\" width=\"125\" src=\"/files/u40198/Banner-Ch-O.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/88743\"></a><a href=\"/node/88804\"><img height=\"50\" width=\"125\" src=\"/files/u40198/Banner-Ch-Dy.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/88804\"></a><br />\n<a href=\"/node/88831\"></a><a href=\"/node/88831\"><img height=\"50\" width=\"125\" src=\"/files/u40198/Banner-Ch-N.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/88832\"><img height=\"50\" width=\"125\" src=\"/files/u40198/Banner-Ch-Ci.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/88832\"></a><a href=\"/node/89849\"><img height=\"50\" width=\"125\" src=\"/files/u40198/Banner-Ch-Qu.jpg\" border=\"0\" /></a><a href=\"/node/89847\"><img height=\"50\" width=\"125\" src=\"/files/u40198/Banner-m.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n</div>\n</div>\n</div>\n<hr id=\"null\" />\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/76193\"><img height=\"50\" width=\"125\" src=\"/files/u31712/Banner-Ch-Dy.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n</div>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/88805/\"><strong>ยุคราชวงศ์ฉิน</strong></a> <a href=\"/node/88807\"><strong>ยุคราชวงศ์ฮั่น</strong></a> <a href=\"/node/88808\"><strong>ยุคสามก๊ก</strong></a> <a href=\"/node/88818\"><strong>ยุคราชวงศ์จิ้น</strong></a> <a href=\"/node/88824/\"><strong>ยุคราชวงศ์เหนือใต้</strong></a> <a href=\"/node/88815\"><strong>ยุคราชวงศ์สุย</strong></a> <a href=\"/node/88821/\"><strong>ยุคราชวงศ์ถัง</strong></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/88826/\"><strong>5 ราชวงศ์ 10 แคว้น</strong></a> <a href=\"/node/88825/\"><strong>ยุคราชวงศ์ซ่ง</strong></a> <a href=\"/node/88828/\"><strong>ยุคราชวงศ์หยวน</strong></a> <a href=\"/node/88829/\"><strong>ยุคราชวงศ์หมิง</strong></a> <a href=\"/node/88830/\"><strong>ยุคราชวงศ์ชิง</strong></a>\n</p>\n</div>\n</div>\n</div>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p></p></strong>\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><strong><span>ราชวงศ์สุย [ค.ศ. 581-617]</span></strong><br />\nปลายราชวงศ์เหนือใต้ หลังจากได้ผ่านการแบ่งแยกและสู้รบกันมากว่า 270 ปี ราษฎรต่างก็มุ่งหวังการรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งอีกครั้ง แต่ว่า ราชวงศ์เป่ยโจวทางเหนือและราชวงศ์เฉินทางตอนใต้ต่างไม่มีศักยภาพพอ ต่อเมื่อหยางเจียนเข้ายึดอำนาจทางการเมืองการปกครองของราชวงศ์เป่ยโจว สถาปนาราชวงศ์สุย ภารกิจการรวมแผ่นดินจึงตกเป็นของหยางเจียนหรือสุยเหวินตี้ และในปี ค.ศ. 589 ราชวงศ์สุยได้กำจัดแคว้เฉิน ซึ่งเป็นแคว้นสุดท้ายในสมัยหนันเป่ยเฉา และทำการรวมแผ่นดินได้สำเร็จ <br />\nหลังจากที่ราชวงศ์สุยสามารถรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งได้อีกครั้ง บ้านเมืองก็สงบสุข และเนื่องจากมีการอพยพเข้ามายังดินแดนภาคกลางของกลุ่มชนเผ่าต่างๆ อาทิ ซงหนู เซียนเปย เชียง ตี เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการปฏิรูปขนานใหญ่สู่ความเป็นฮั่นในสมัยวุ่ยเหนือ ในรัชกาลเสี้ยวเหวินตี้ ประกอบกับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ภาษาและวิถีการดำรงชีวิตของทางเหนือและใต้ ในระยะเวลายาวนาน ทำให้สภาพสังคมทั่วไปได้รับการหลอมกลืนสู่ความเป็นฮั่น มีการผลัดอำนาจบ่อยครั้ง ความแปลกแยกระหว่างชนเผ่าเหนือใต้จึงเบาบางลงไปมาก อันเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งในการรวมแผ่นดินของราชวงศ์สุย ในสมัยจิ้นตะวันออกและราชวงศ์เหนือใต้ ราษฎรจากภาคเหนืออพยพลงสู่ใต้มากขึ้น เพิ่มสัดส่วนแรงงาน และเทคนิควิทยาการในการผลิตเข้ามาด้วย ทำให้เศรษฐกิจแดนเจียงหนัน (กังหนำ) พัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่เดิมการค้าระหว่างชนชาติทางภาคเหนือและใต้ยังถูกทางการควบคุมการไปมาหาสู่อย่างเข้มงวด แต่ในยุคราชวงศ์เหนือใต้การเติบโตทางเศรษฐกิจได้ทำลายข้อจำกัดนี้ไป ประกอบกับสภาพสงครามแย่งชิงได้ดำเนินมาเป็นเวลานาน จิตใจของทุกผู้คนต่างมุ่งหวังการรวมแผ่นดิน เพื่อให้เกิดสังคมที่สงบสุข <br />\n</span>\n</p>\n<p><span style=\"color: #000000\">ในสมัยราชวงศ์สุย พื้นที่ในการทำการเกษตรได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก สามารถผลิตข้าวสารได้ไม่น้อยกว่าหลายล้านถังต่อปี ในด้านของเทคนิคการต่อเรืออยู่ในระดับที่สูงมาก สามารถ<strong>สร้างเรือรบที่มีความสูงใหญ่ถึง 5 ชั้น</strong> การค้าขายในเมืองลั่วหยางก็เจริญรุ่งเรืองเป็นพิเศษ พระเจ้าสุยเหวินตี้ ได้ดำเนินการปฏิรูปการปกครองครั้งใหญ่ โดยยุบรวมเขตปกครองในท้องถิ่น ลดขนาดองค์กรบริหาร รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ฮ่องเต้กุมอำนาจเด็ดขาดทั้งในทางทหาร การปกครองและเศรษฐกิจ โดยมีขุนนางเป็นเพียงผู้ช่วยในการบริหาร ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการแก่งแย่งอำนาจและเป็นการลิดรอนอำนาจในส่วนท้องถิ่น อันเป็นสาเหตุของการแตกแยกที่ผ่านมา <strong>พร้อมกันนั้นยังได้ริเริ่มระบบการสอบรับราชการขุนนางขึ้น (หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ สอบจอหงวน \')</strong> เพื่อคัดเลือกบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน และได้ช่วยให้เกิดเสถียรภาพในระบบรวมศูนย์อำนาจเป็นอย่างดี <br />\nสุยเหวินตี้ทรงนับถือพุทธศาสนา โปรดการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายประหยัด ตลอดรัชสมัยมีฮองเฮาเพียงพระองค์เดียว ขณะที่รัชทายาทหยางหย่งกลับเลี้ยงดูสนม นางระบำไว้มากมาย ปี ค.ศ. 600 สุยเหวินตี้ ทรงปลดรัชทายาทหยางหย่ง แต่งตั้งราชโอรสองค์รองหยางกว่าง ขึ้นแทน หยางกว่างร่วมมือกับอวี้เหวินซู่และหยางซู่ วางแผนแย่งชิงบัลลังก์ ปี 604 สุยเหวินตี้ สิ้นพระชนม์กระทันหัน หยางกว่างสืบราชบัลลังก์ต่อมา มีพระนามว่า สุยหยาง<br />\nหยางกว่างเมื่อขึ้นครองราชย์ก็ลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เกณฑ์แรงงานชาวบ้านกว่าสองล้านคนสร้างนครหลวงตะวันออกแห่งใหม่ที่ลั่วหยาง สร้างพระราชวังที่งดงามหรูหรา และอุทยานตะวันตกที่มีอาณาบริเวณกว่า 100 กิโลเมตร ซ่อมสร้างกำแพงหมื่นลี้ ยกทัพบุกเกาหลีถึงสามครั้ง ผู้คนล้มตายนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ ยังขุดคลองต้าอวิ้นเหอ เพื่อการท่องเที่ยวแดนเจียงหนัน สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ชาวบ้านอดอยากได้ยาก มีประชาชนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารและแรงงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นคนจรหมอนหมิ่น ไร้ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตรถูกทิ้งให้รกร้างว่างเปล่า จนเกิดการขาดแคลนอาหารอย่างหนัก <span class=\"PostHeader\"><a href=\"/node/70565\"></a> </span></span></p>\n<p>\n<a href=\"/node/81732/\"></a><a href=\"/node/81732\"></a><a href=\"/node/81732\"><img height=\"50\" width=\"125\" src=\"/files/u40198/Banner-Ch-H.jpg\" align=\"right\" border=\"0\" /></a>   \n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p><span style=\"color: #000000\"><span class=\"PostHeader\"></span></span></p>\n<p align=\"right\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p></p>\n<p align=\"left\">\n<span style=\"color: #000000\">แหล่งอ้างอิง</span> <a href=\"http://www.thaichinese.net/History/Imperial/Imperial2/imperial2.html#Sui\">http://www.thaichinese.net/History/Imperial/Imperial2/imperial2.html#Sui</a> <a href=\"http://www.thaisamkok.com/china-dynasty-16.shtml\">http://www.thaisamkok.com/china-dynasty-16.shtml</a>\n</p>\n<p align=\"left\">\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1727219888, expire = 1727306288, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:ab2cab24aac8daea6726dee60b350b6d' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ยุคราชวงศ์สุย

ราชวงศ์สุย [ค.ศ. 581-617]
ปลายราชวงศ์เหนือใต้ หลังจากได้ผ่านการแบ่งแยกและสู้รบกันมากว่า 270 ปี ราษฎรต่างก็มุ่งหวังการรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งอีกครั้ง แต่ว่า ราชวงศ์เป่ยโจวทางเหนือและราชวงศ์เฉินทางตอนใต้ต่างไม่มีศักยภาพพอ ต่อเมื่อหยางเจียนเข้ายึดอำนาจทางการเมืองการปกครองของราชวงศ์เป่ยโจว สถาปนาราชวงศ์สุย ภารกิจการรวมแผ่นดินจึงตกเป็นของหยางเจียนหรือสุยเหวินตี้ และในปี ค.ศ. 589 ราชวงศ์สุยได้กำจัดแคว้เฉิน ซึ่งเป็นแคว้นสุดท้ายในสมัยหนันเป่ยเฉา และทำการรวมแผ่นดินได้สำเร็จ
หลังจากที่ราชวงศ์สุยสามารถรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งได้อีกครั้ง บ้านเมืองก็สงบสุข และเนื่องจากมีการอพยพเข้ามายังดินแดนภาคกลางของกลุ่มชนเผ่าต่างๆ อาทิ ซงหนู เซียนเปย เชียง ตี เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการปฏิรูปขนานใหญ่สู่ความเป็นฮั่นในสมัยวุ่ยเหนือ ในรัชกาลเสี้ยวเหวินตี้ ประกอบกับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ภาษาและวิถีการดำรงชีวิตของทางเหนือและใต้ ในระยะเวลายาวนาน ทำให้สภาพสังคมทั่วไปได้รับการหลอมกลืนสู่ความเป็นฮั่น มีการผลัดอำนาจบ่อยครั้ง ความแปลกแยกระหว่างชนเผ่าเหนือใต้จึงเบาบางลงไปมาก อันเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งในการรวมแผ่นดินของราชวงศ์สุย ในสมัยจิ้นตะวันออกและราชวงศ์เหนือใต้ ราษฎรจากภาคเหนืออพยพลงสู่ใต้มากขึ้น เพิ่มสัดส่วนแรงงาน และเทคนิควิทยาการในการผลิตเข้ามาด้วย ทำให้เศรษฐกิจแดนเจียงหนัน (กังหนำ) พัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่เดิมการค้าระหว่างชนชาติทางภาคเหนือและใต้ยังถูกทางการควบคุมการไปมาหาสู่อย่างเข้มงวด แต่ในยุคราชวงศ์เหนือใต้การเติบโตทางเศรษฐกิจได้ทำลายข้อจำกัดนี้ไป ประกอบกับสภาพสงครามแย่งชิงได้ดำเนินมาเป็นเวลานาน จิตใจของทุกผู้คนต่างมุ่งหวังการรวมแผ่นดิน เพื่อให้เกิดสังคมที่สงบสุข

ในสมัยราชวงศ์สุย พื้นที่ในการทำการเกษตรได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก สามารถผลิตข้าวสารได้ไม่น้อยกว่าหลายล้านถังต่อปี ในด้านของเทคนิคการต่อเรืออยู่ในระดับที่สูงมาก สามารถสร้างเรือรบที่มีความสูงใหญ่ถึง 5 ชั้น การค้าขายในเมืองลั่วหยางก็เจริญรุ่งเรืองเป็นพิเศษ พระเจ้าสุยเหวินตี้ ได้ดำเนินการปฏิรูปการปกครองครั้งใหญ่ โดยยุบรวมเขตปกครองในท้องถิ่น ลดขนาดองค์กรบริหาร รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ฮ่องเต้กุมอำนาจเด็ดขาดทั้งในทางทหาร การปกครองและเศรษฐกิจ โดยมีขุนนางเป็นเพียงผู้ช่วยในการบริหาร ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการแก่งแย่งอำนาจและเป็นการลิดรอนอำนาจในส่วนท้องถิ่น อันเป็นสาเหตุของการแตกแยกที่ผ่านมา พร้อมกันนั้นยังได้ริเริ่มระบบการสอบรับราชการขุนนางขึ้น (หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ สอบจอหงวน ') เพื่อคัดเลือกบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน และได้ช่วยให้เกิดเสถียรภาพในระบบรวมศูนย์อำนาจเป็นอย่างดี
สุยเหวินตี้ทรงนับถือพุทธศาสนา โปรดการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายประหยัด ตลอดรัชสมัยมีฮองเฮาเพียงพระองค์เดียว ขณะที่รัชทายาทหยางหย่งกลับเลี้ยงดูสนม นางระบำไว้มากมาย ปี ค.ศ. 600 สุยเหวินตี้ ทรงปลดรัชทายาทหยางหย่ง แต่งตั้งราชโอรสองค์รองหยางกว่าง ขึ้นแทน หยางกว่างร่วมมือกับอวี้เหวินซู่และหยางซู่ วางแผนแย่งชิงบัลลังก์ ปี 604 สุยเหวินตี้ สิ้นพระชนม์กระทันหัน หยางกว่างสืบราชบัลลังก์ต่อมา มีพระนามว่า สุยหยาง
หยางกว่างเมื่อขึ้นครองราชย์ก็ลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เกณฑ์แรงงานชาวบ้านกว่าสองล้านคนสร้างนครหลวงตะวันออกแห่งใหม่ที่ลั่วหยาง สร้างพระราชวังที่งดงามหรูหรา และอุทยานตะวันตกที่มีอาณาบริเวณกว่า 100 กิโลเมตร ซ่อมสร้างกำแพงหมื่นลี้ ยกทัพบุกเกาหลีถึงสามครั้ง ผู้คนล้มตายนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ ยังขุดคลองต้าอวิ้นเหอ เพื่อการท่องเที่ยวแดนเจียงหนัน สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ชาวบ้านอดอยากได้ยาก มีประชาชนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารและแรงงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นคนจรหมอนหมิ่น ไร้ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตรถูกทิ้งให้รกร้างว่างเปล่า จนเกิดการขาดแคลนอาหารอย่างหนัก 

   

 

แหล่งอ้างอิง http://www.thaichinese.net/History/Imperial/Imperial2/imperial2.html#Sui http://www.thaisamkok.com/china-dynasty-16.shtml

 

สร้างโดย: 
น.ส.มนัสชนก และ นางพีรทิพย์ สุคันธเมศวร์

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 346 คน กำลังออนไลน์