• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:2a5e99f6e83cb01652624b1892b94071' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n <img height=\"120\" width=\"380\" src=\"/files/u41065/banner.gif\" border=\"0\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/82135\" title=\"หน้าบ้าน\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/home.jpg\" border=\"0\" /></a>          <a href=\"/node/85810\" title=\"เนื้อเรื่อง\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/content.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/85827\" title=\"ความรู้เสริม\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/add.jpg\" border=\"0\" /></a>           <a href=\"/node/88318\" title=\"แหล่งข้อมูล\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/source.jpg\" border=\"0\" /></a>           <a href=\"/node/88319\" title=\"ผู้จัดทำ\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/doer.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #6633ff\"> -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------</span></span></span>    \n</p>\n<p style=\"text-align: center\">\n<img height=\"100\" width=\"450\" src=\"/files/u41065/char.jpg\" border=\"0\" /> \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n      <img height=\"40\" width=\"130\" src=\"/files/u41065/Th.jpg\" border=\"0\" /> \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>1.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช(พระองค์ดำ หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 กษัตริย์องค์ที่ 18 แห่งกรุงศรีอยุธยา)</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         มีพระบรมชนกนาถคือพระมหาธรรมราชา ทรงเป็นผู้ประกาศเอกราชหลังจากที่เสียแก่พม่าเป็นเวลา 15 ปี ทรงขยายอาณาเขตได้กว้าง และมีสงครามกับพม่าแล้วได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นพม่าก็มาระรานไทยน้อยมาก ทรงเสด็จสวรรคตขณะที่ทำศึกกรุงอังวะ โดยประชวรเป็นระยะๆที่พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดทะพิษและเสด็จสวรรคตในวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2148 มีพระชนมายุทั้งสิ้น 50 พรรษา ครองราชย์ยาวนาน 15 ปี\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>2.สมเด็จพระเอกาทศรถ(พระองค์ขาว หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 3)</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         เป็นพระอนุชาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นอุปราชปกครองเมืองพิษณุโลกที่มีเกียรติยศเท่ากับพระเจ้าแผ่นดิน ทรงออกทำสงครามกับสมเด็จพระนเรศวรและได้ครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระนเรศวร ทรงมีพระราชโอรสที่ประสูติจากพระอัครมเหสีสององค์คือ เจ้าฟ้าสุทัศน์และเจ้าฟ้าศรีเสาวภาค และมีพระราชโอรสที่ประสูติจากพระสนมอีกสามองค์คือ พระอินทรราชา พระศรีศิลป์ และพระองค์ทอง เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.2153 มีพระชนม์พรรษารวม 50 พรรษาเศษ ครองราชย์ทั้งสิ้น 5 ปี\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>3.พระมหาธรรมราชา(สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 1)</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         เสด็จพระราชสมภพ ในปี พ.ศ.2058 มีพระราชบิดาเป็นเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย พระราชมารดาเป็นพระญาติฝ่ายพระราชชนนี สมเด็จพระไชยราชาธิราชแห่งราชวงศ์สุวรรณภูมิ ทรงรับราชการเป็นที่ขุนพิเรนทรเทพ เจ้ากรมตำรวจรักษาพระองค์ หลังจากที่เหตุการณ์ความไม่สงบในราชสำนักได้สงบลง พระเฑียรราชาได้ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ในปี พ.ศ.2091 ขุนพิเรนทรเทพก็ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชา ได้รับโปรดเกล้าให้ไปครองเมืองพิษณุโลก สำเร็จราชการหัวเมืองฝ่ายเหนือ เทียบศักดิ์ได้เท่ากับพระมหาอุปราช ได้รับพระราชทานพระวิสุทธิกษัตรี พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์เป็นพระมเหสี มีพระราชโอรสและพระราชธิดาสามพระองค์คือ พระสุพรรณเทวี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>4.สมเด็จพระวันรัต</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         มีขื่อเดิมคือพระมหาเถรคันฉ่อง เป็นพระมอญ จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าแก้ว(วัดใหญ่ชัยมงคลในปัจจุบัน) เป็นผู้ที่ใช้วาทศิลป์ในการเกลี้ยกล่อมให้พระยาเกียรติ์และพระยารามที่พระเจ้าหงสาวดีส่งมาให้ลอบกำจัดพระนเรศวรนอมรับสารภาพและมาเข้าร่วมทัพกับสมเด็จพระนเรศวร และท่านได้ใช้วาทศิลป์ของท่านในการขอพระราชทานอภัยโทษแก่แม่ทัพที่ตามเสด็จออกรบไม่ทัน\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>5.พระยาศรีไสยณรงค์</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         เป็นแม่ทัพกองหน้าที่สมเด็จพระนเรศวรตั้งขึ้น มีกำลังพล 5 หมื่น ไปตั้งพลที่หนองสาหร่าย แต่ต้านทัพพม่าที่มีกำลัง 5 แสนไม่ได้ พระองค์จึงออกโองการให้ถอยทัพโอบล้อมและได้รับชัยชนะ พระยาศรีไสยณรงค์จึงไถ่โทษด้วยการตามทัพพระยาจักรีไปตีเมืองตะนาวศรีและมริด\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>6.พระราชฤทธานนท์</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         ปลัดทัพหน้า ที่สมเด็จพระนเรศวรแต่งตั้งให้ไปรบกับพระยาศรีไสยณรงค์\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>7.เจ้าพระยาจักรี</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         ดูแลหัวเมืองภาคกลางและเหนือ ดูแลพลเรือน จะต้องถูกประหารที่ตามเสด็จไม่ทันในครั้งที่ไปรบกับพระมหาอุปราชา แต่เพราะสมเด็จพระวันรัตได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้ และได้ไถ่โทษครั้งนั้นด้วยการไปตีเมืองตะนาวศรีและเมืองมริด \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>8.เจ้าพระยาคลัง</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         ดูแลเกี่ยวกับการต่างประเทศ จะต้องถูกประหารแต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และได้ไถ่โทษด้วยการไปตีเมืองทวาย\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>9.เจ้ารามราฆพ</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         เป็นกลางช้างของพระนเรศวรที่ตามเสด็จทันในการรบกับพระมหาอุปราชาและไม่โดนอาญาประหารชีวิต ได้รับการปูนบำเหน็จตอบแทนความกล้าหาญจากสมเด็จพระนเรศวร  \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>10.ขุนศรีคชคง</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         ควาญช้างของพระเอกาทศรถ ผู้ซึ่งได้รับการปูนบำเหน็จตอบแทนความกล้าหาญที่ตามเสด็จทันในสงครามยุทธหัตถีจากสมเด็จพระนเรศวร\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>11.นายมหานุภาพ</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         ควาญช้างของสมเด็จพระนเรศวรที่ทหารพม่าได้ยิงเสียชีวิต ได้รับพระราชทานยศและทรัพย์สิ่งของ ผ้าสำรดแก่บุตรภรรยา เพื่อตอบแทนในความดีความชอบ \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>12.หมื่นภักดีศวร</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         กลางช้างของสมเด็จพระเอกาทศรถที่ถูกทหารพม่ายิงปืนถูกอกเสียชีวิต ได้รับพระราชทานยศและทรัพย์สิ่งของ ผ้าสำรดแก่บุตรภรรยา เพื่อตอบแทนความดีความชอบ\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>13.หมื่นทิพย์เสนา</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         นายทหารที่สมเด็จพระนเรศวรสั่งให้ไปดูทัพหน้าและนำตัวหมื่นคนหนึ่งกลับมาเข้าเฝ้า เพื่อให้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทัพหน้า และส่งข่าวให้ทัพหน้าถอยทัพเมื่อพม่าตีอย่างหนัก\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>14.หมื่นราชามาตย์</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         นายทหารที่แจ้งข่าวถอยทัพให้ทัพหน้าซึ่งเดินทางไปพร้อมกับหมื่นทิพย์เสนา คาดว่าจะเป็นนายทหารที่หมื่นทิพย์เสนานำมาเข้าเฝ้าสมเด็จพระนเรศวร  \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>15.หลวงญาณโยคโลกทีป</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         โหรผู้ถวายคำพยากรณ์และหาฤกษ์ยามกับสมเด็จพระนเรศวร ในครั้งที่ทรงตัดสินพระทัยที่จะทำสงคราม ซึ่งได้พยากรณ์ไว้ว่าพระองค์จะได้จตุรงคโชคคือ โชคดี 4 ประการ ได้แก่ มีโชคดี , วัน เดือน ปี ในการทำสงครามดี , กำลังทหารเข้มแข็งดี , อาหารอุดมสมบูรณ์ดี และฤกษ์ในการออกทัพคือเช้า วันอาทิตย์ขึ้น 11 ค่ำ ย่ำรุ่ง 8 นาฬิกา 30 นาที ในเดือนยี่\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>16.หลวงมหาวิชัย</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         พราหมณ์ที่ทำพิธีตัดไม้ข่มนาม ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวรจะนำกองทัพไปรบ\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n  \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n&nbsp;\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--></p>\n<p align=\"center\">\n <img height=\"120\" width=\"380\" src=\"/files/u41065/banner.gif\" border=\"0\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/82135\" title=\"หน้าบ้าน\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/home.jpg\" border=\"0\" /></a>          <a href=\"/node/85810\" title=\"เนื้อเรื่อง\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/content.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/85827\" title=\"ความรู้เสริม\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/add.jpg\" border=\"0\" /></a>           <a href=\"/node/88318\" title=\"แหล่งข้อมูล\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/source.jpg\" border=\"0\" /></a>           <a href=\"/node/88319\" title=\"ผู้จัดทำ\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/doer.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #6633ff\"> -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------</span></span></span> \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n <img height=\"40\" width=\"130\" src=\"/files/u41065/MM.jpg\" border=\"0\" />\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #00ccff\"><strong>1.พระเจ้าหงสาวดี(นันทบุเรง)</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         กษัตริย์พม่า เดิมมีชื่อว่ามังชัยสิงห์ราช เป็นพระโอรสของบุเรงนอง เคยเป็นอุปราชและขึ้นครองราชย์ต่อจากบุเรงบอง ทรงหวังที่จะสร้างความยิ่งใหญ่แต่ทำไม่สำเร็จ สิ้นพระชนม์จากการลอบวางยาพิษ\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #00ccff\"><strong>2.พระมหาอุปราชา</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         ชื่อเดิมคือมังสามเกียดหรือมังกะยอชวา เป็นโอรสของนันทบุเรง เคยเป็นอุปราชาในสมัยของนันทบุเรง เป็นเพื่อนเล่นกันกับพระนเรศวรในสมัยที่ประทับกรุงหงสาวดี ทรงทำงานสนองพระราชบิดาหลายครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการสงคราม ถวายงานครั้งสุดท้ายในการยกทัพตีไทย โดยได้มาทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวรแล้วสิ้นพระชนม์\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #00ccff\"><strong>3.พระยาจิดตอง</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         เป็นแม่กองทำสะพานจากเชือกในการข้ามแม่น้ำกระเพิน\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #00ccff\"><strong>4.สมิงอะคร้าน สมิงเป่อ สมิงซายม่วน</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         เป็นชื่อกองลาดตระเวนที่พระมหาอุปราชาให้หาข่าวเกี่ยวกับกองทัพไทย ก่อนที่จะยกทัพมาโจมตี \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #00ccff\"><strong>5.มางจาชโร</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n        พี่เลี้ยงของพระมหาอุปราชา ชนช้างกับพระเอกาทศรถ และเสียชีวิตจากการถูกพระเอกาทศรถฟันด้วยพระแสงของ้าว\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #00ccff\"><strong>6.เจ้าเมืองมล่วน</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         เป็นควาญช้างของพระมหาอุปราชา เป็นผู้ที่ได้รับคำสั่งจากพระนเรศวรให้ไปบอกข่าวแพ้สงครามและข่าวพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ \n</p>\n<p align=\"center\" style=\"text-align: left\">\n<a href=\"/node/85827\"></a></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"57\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/mainm.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<p>\n</p>\n', created = 1715795902, expire = 1715882302, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:2a5e99f6e83cb01652624b1892b94071' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:298766bfc6364a6f05993634b2c4bf84' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n <img height=\"120\" width=\"380\" src=\"/files/u41065/banner.gif\" border=\"0\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/82135\" title=\"หน้าบ้าน\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/home.jpg\" border=\"0\" /></a>          <a href=\"/node/85810\" title=\"เนื้อเรื่อง\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/content.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/85827\" title=\"ความรู้เสริม\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/add.jpg\" border=\"0\" /></a>           <a href=\"/node/88318\" title=\"แหล่งข้อมูล\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/source.jpg\" border=\"0\" /></a>           <a href=\"/node/88319\" title=\"ผู้จัดทำ\"><img height=\"53\" width=\"170\" src=\"/files/u41065/doer.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #6633ff\"> -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------</span></span></span>    \n</p>\n<p style=\"text-align: center\">\n<img height=\"100\" width=\"450\" src=\"/files/u41065/char.jpg\" border=\"0\" /> \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n      <img height=\"40\" width=\"130\" src=\"/files/u41065/Th.jpg\" border=\"0\" /> \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>1.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช(พระองค์ดำ หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 กษัตริย์องค์ที่ 18 แห่งกรุงศรีอยุธยา)</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         มีพระบรมชนกนาถคือพระมหาธรรมราชา ทรงเป็นผู้ประกาศเอกราชหลังจากที่เสียแก่พม่าเป็นเวลา 15 ปี ทรงขยายอาณาเขตได้กว้าง และมีสงครามกับพม่าแล้วได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นพม่าก็มาระรานไทยน้อยมาก ทรงเสด็จสวรรคตขณะที่ทำศึกกรุงอังวะ โดยประชวรเป็นระยะๆที่พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดทะพิษและเสด็จสวรรคตในวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2148 มีพระชนมายุทั้งสิ้น 50 พรรษา ครองราชย์ยาวนาน 15 ปี\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>2.สมเด็จพระเอกาทศรถ(พระองค์ขาว หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 3)</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         เป็นพระอนุชาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นอุปราชปกครองเมืองพิษณุโลกที่มีเกียรติยศเท่ากับพระเจ้าแผ่นดิน ทรงออกทำสงครามกับสมเด็จพระนเรศวรและได้ครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระนเรศวร ทรงมีพระราชโอรสที่ประสูติจากพระอัครมเหสีสององค์คือ เจ้าฟ้าสุทัศน์และเจ้าฟ้าศรีเสาวภาค และมีพระราชโอรสที่ประสูติจากพระสนมอีกสามองค์คือ พระอินทรราชา พระศรีศิลป์ และพระองค์ทอง เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.2153 มีพระชนม์พรรษารวม 50 พรรษาเศษ ครองราชย์ทั้งสิ้น 5 ปี\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>3.พระมหาธรรมราชา(สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 1)</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         เสด็จพระราชสมภพ ในปี พ.ศ.2058 มีพระราชบิดาเป็นเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย พระราชมารดาเป็นพระญาติฝ่ายพระราชชนนี สมเด็จพระไชยราชาธิราชแห่งราชวงศ์สุวรรณภูมิ ทรงรับราชการเป็นที่ขุนพิเรนทรเทพ เจ้ากรมตำรวจรักษาพระองค์ หลังจากที่เหตุการณ์ความไม่สงบในราชสำนักได้สงบลง พระเฑียรราชาได้ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ในปี พ.ศ.2091 ขุนพิเรนทรเทพก็ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชา ได้รับโปรดเกล้าให้ไปครองเมืองพิษณุโลก สำเร็จราชการหัวเมืองฝ่ายเหนือ เทียบศักดิ์ได้เท่ากับพระมหาอุปราช ได้รับพระราชทานพระวิสุทธิกษัตรี พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์เป็นพระมเหสี มีพระราชโอรสและพระราชธิดาสามพระองค์คือ พระสุพรรณเทวี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>4.สมเด็จพระวันรัต</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         มีขื่อเดิมคือพระมหาเถรคันฉ่อง เป็นพระมอญ จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าแก้ว(วัดใหญ่ชัยมงคลในปัจจุบัน) เป็นผู้ที่ใช้วาทศิลป์ในการเกลี้ยกล่อมให้พระยาเกียรติ์และพระยารามที่พระเจ้าหงสาวดีส่งมาให้ลอบกำจัดพระนเรศวรนอมรับสารภาพและมาเข้าร่วมทัพกับสมเด็จพระนเรศวร และท่านได้ใช้วาทศิลป์ของท่านในการขอพระราชทานอภัยโทษแก่แม่ทัพที่ตามเสด็จออกรบไม่ทัน\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>5.พระยาศรีไสยณรงค์</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         เป็นแม่ทัพกองหน้าที่สมเด็จพระนเรศวรตั้งขึ้น มีกำลังพล 5 หมื่น ไปตั้งพลที่หนองสาหร่าย แต่ต้านทัพพม่าที่มีกำลัง 5 แสนไม่ได้ พระองค์จึงออกโองการให้ถอยทัพโอบล้อมและได้รับชัยชนะ พระยาศรีไสยณรงค์จึงไถ่โทษด้วยการตามทัพพระยาจักรีไปตีเมืองตะนาวศรีและมริด\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>6.พระราชฤทธานนท์</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         ปลัดทัพหน้า ที่สมเด็จพระนเรศวรแต่งตั้งให้ไปรบกับพระยาศรีไสยณรงค์\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>7.เจ้าพระยาจักรี</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         ดูแลหัวเมืองภาคกลางและเหนือ ดูแลพลเรือน จะต้องถูกประหารที่ตามเสด็จไม่ทันในครั้งที่ไปรบกับพระมหาอุปราชา แต่เพราะสมเด็จพระวันรัตได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้ และได้ไถ่โทษครั้งนั้นด้วยการไปตีเมืองตะนาวศรีและเมืองมริด \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>8.เจ้าพระยาคลัง</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         ดูแลเกี่ยวกับการต่างประเทศ จะต้องถูกประหารแต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และได้ไถ่โทษด้วยการไปตีเมืองทวาย\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>9.เจ้ารามราฆพ</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         เป็นกลางช้างของพระนเรศวรที่ตามเสด็จทันในการรบกับพระมหาอุปราชาและไม่โดนอาญาประหารชีวิต ได้รับการปูนบำเหน็จตอบแทนความกล้าหาญจากสมเด็จพระนเรศวร  \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>10.ขุนศรีคชคง</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         ควาญช้างของพระเอกาทศรถ ผู้ซึ่งได้รับการปูนบำเหน็จตอบแทนความกล้าหาญที่ตามเสด็จทันในสงครามยุทธหัตถีจากสมเด็จพระนเรศวร\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>11.นายมหานุภาพ</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         ควาญช้างของสมเด็จพระนเรศวรที่ทหารพม่าได้ยิงเสียชีวิต ได้รับพระราชทานยศและทรัพย์สิ่งของ ผ้าสำรดแก่บุตรภรรยา เพื่อตอบแทนในความดีความชอบ \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>12.หมื่นภักดีศวร</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         กลางช้างของสมเด็จพระเอกาทศรถที่ถูกทหารพม่ายิงปืนถูกอกเสียชีวิต ได้รับพระราชทานยศและทรัพย์สิ่งของ ผ้าสำรดแก่บุตรภรรยา เพื่อตอบแทนความดีความชอบ\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>13.หมื่นทิพย์เสนา</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         นายทหารที่สมเด็จพระนเรศวรสั่งให้ไปดูทัพหน้าและนำตัวหมื่นคนหนึ่งกลับมาเข้าเฝ้า เพื่อให้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทัพหน้า และส่งข่าวให้ทัพหน้าถอยทัพเมื่อพม่าตีอย่างหนัก\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>14.หมื่นราชามาตย์</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         นายทหารที่แจ้งข่าวถอยทัพให้ทัพหน้าซึ่งเดินทางไปพร้อมกับหมื่นทิพย์เสนา คาดว่าจะเป็นนายทหารที่หมื่นทิพย์เสนานำมาเข้าเฝ้าสมเด็จพระนเรศวร  \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>15.หลวงญาณโยคโลกทีป</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         โหรผู้ถวายคำพยากรณ์และหาฤกษ์ยามกับสมเด็จพระนเรศวร ในครั้งที่ทรงตัดสินพระทัยที่จะทำสงคราม ซึ่งได้พยากรณ์ไว้ว่าพระองค์จะได้จตุรงคโชคคือ โชคดี 4 ประการ ได้แก่ มีโชคดี , วัน เดือน ปี ในการทำสงครามดี , กำลังทหารเข้มแข็งดี , อาหารอุดมสมบูรณ์ดี และฤกษ์ในการออกทัพคือเช้า วันอาทิตย์ขึ้น 11 ค่ำ ย่ำรุ่ง 8 นาฬิกา 30 นาที ในเดือนยี่\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n<span style=\"color: #ff33ff\"><strong>16.หลวงมหาวิชัย</strong></span>\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n         พราหมณ์ที่ทำพิธีตัดไม้ข่มนาม ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวรจะนำกองทัพไปรบ\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n  \n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n&nbsp;\n</p>\n<p style=\"text-align: left\">\n</p>', created = 1715795902, expire = 1715882302, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:298766bfc6364a6f05993634b2c4bf84' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

[[ ตัวละครฝ่ายไทยแลฝ่ายพม่าในเรื่อง ]]

 

         

                     

 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------    

 

       

1.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช(พระองค์ดำ หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 กษัตริย์องค์ที่ 18 แห่งกรุงศรีอยุธยา)

         มีพระบรมชนกนาถคือพระมหาธรรมราชา ทรงเป็นผู้ประกาศเอกราชหลังจากที่เสียแก่พม่าเป็นเวลา 15 ปี ทรงขยายอาณาเขตได้กว้าง และมีสงครามกับพม่าแล้วได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นพม่าก็มาระรานไทยน้อยมาก ทรงเสด็จสวรรคตขณะที่ทำศึกกรุงอังวะ โดยประชวรเป็นระยะๆที่พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดทะพิษและเสด็จสวรรคตในวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2148 มีพระชนมายุทั้งสิ้น 50 พรรษา ครองราชย์ยาวนาน 15 ปี

2.สมเด็จพระเอกาทศรถ(พระองค์ขาว หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 3)

         เป็นพระอนุชาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นอุปราชปกครองเมืองพิษณุโลกที่มีเกียรติยศเท่ากับพระเจ้าแผ่นดิน ทรงออกทำสงครามกับสมเด็จพระนเรศวรและได้ครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระนเรศวร ทรงมีพระราชโอรสที่ประสูติจากพระอัครมเหสีสององค์คือ เจ้าฟ้าสุทัศน์และเจ้าฟ้าศรีเสาวภาค และมีพระราชโอรสที่ประสูติจากพระสนมอีกสามองค์คือ พระอินทรราชา พระศรีศิลป์ และพระองค์ทอง เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.2153 มีพระชนม์พรรษารวม 50 พรรษาเศษ ครองราชย์ทั้งสิ้น 5 ปี

3.พระมหาธรรมราชา(สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 1)

         เสด็จพระราชสมภพ ในปี พ.ศ.2058 มีพระราชบิดาเป็นเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย พระราชมารดาเป็นพระญาติฝ่ายพระราชชนนี สมเด็จพระไชยราชาธิราชแห่งราชวงศ์สุวรรณภูมิ ทรงรับราชการเป็นที่ขุนพิเรนทรเทพ เจ้ากรมตำรวจรักษาพระองค์ หลังจากที่เหตุการณ์ความไม่สงบในราชสำนักได้สงบลง พระเฑียรราชาได้ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ในปี พ.ศ.2091 ขุนพิเรนทรเทพก็ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชา ได้รับโปรดเกล้าให้ไปครองเมืองพิษณุโลก สำเร็จราชการหัวเมืองฝ่ายเหนือ เทียบศักดิ์ได้เท่ากับพระมหาอุปราช ได้รับพระราชทานพระวิสุทธิกษัตรี พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์เป็นพระมเหสี มีพระราชโอรสและพระราชธิดาสามพระองค์คือ พระสุพรรณเทวี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ

4.สมเด็จพระวันรัต

         มีขื่อเดิมคือพระมหาเถรคันฉ่อง เป็นพระมอญ จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าแก้ว(วัดใหญ่ชัยมงคลในปัจจุบัน) เป็นผู้ที่ใช้วาทศิลป์ในการเกลี้ยกล่อมให้พระยาเกียรติ์และพระยารามที่พระเจ้าหงสาวดีส่งมาให้ลอบกำจัดพระนเรศวรนอมรับสารภาพและมาเข้าร่วมทัพกับสมเด็จพระนเรศวร และท่านได้ใช้วาทศิลป์ของท่านในการขอพระราชทานอภัยโทษแก่แม่ทัพที่ตามเสด็จออกรบไม่ทัน

5.พระยาศรีไสยณรงค์

         เป็นแม่ทัพกองหน้าที่สมเด็จพระนเรศวรตั้งขึ้น มีกำลังพล 5 หมื่น ไปตั้งพลที่หนองสาหร่าย แต่ต้านทัพพม่าที่มีกำลัง 5 แสนไม่ได้ พระองค์จึงออกโองการให้ถอยทัพโอบล้อมและได้รับชัยชนะ พระยาศรีไสยณรงค์จึงไถ่โทษด้วยการตามทัพพระยาจักรีไปตีเมืองตะนาวศรีและมริด

6.พระราชฤทธานนท์

         ปลัดทัพหน้า ที่สมเด็จพระนเรศวรแต่งตั้งให้ไปรบกับพระยาศรีไสยณรงค์

7.เจ้าพระยาจักรี

         ดูแลหัวเมืองภาคกลางและเหนือ ดูแลพลเรือน จะต้องถูกประหารที่ตามเสด็จไม่ทันในครั้งที่ไปรบกับพระมหาอุปราชา แต่เพราะสมเด็จพระวันรัตได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้ และได้ไถ่โทษครั้งนั้นด้วยการไปตีเมืองตะนาวศรีและเมืองมริด 

8.เจ้าพระยาคลัง

         ดูแลเกี่ยวกับการต่างประเทศ จะต้องถูกประหารแต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และได้ไถ่โทษด้วยการไปตีเมืองทวาย

9.เจ้ารามราฆพ

         เป็นกลางช้างของพระนเรศวรที่ตามเสด็จทันในการรบกับพระมหาอุปราชาและไม่โดนอาญาประหารชีวิต ได้รับการปูนบำเหน็จตอบแทนความกล้าหาญจากสมเด็จพระนเรศวร  

10.ขุนศรีคชคง

         ควาญช้างของพระเอกาทศรถ ผู้ซึ่งได้รับการปูนบำเหน็จตอบแทนความกล้าหาญที่ตามเสด็จทันในสงครามยุทธหัตถีจากสมเด็จพระนเรศวร

11.นายมหานุภาพ

         ควาญช้างของสมเด็จพระนเรศวรที่ทหารพม่าได้ยิงเสียชีวิต ได้รับพระราชทานยศและทรัพย์สิ่งของ ผ้าสำรดแก่บุตรภรรยา เพื่อตอบแทนในความดีความชอบ 

12.หมื่นภักดีศวร

         กลางช้างของสมเด็จพระเอกาทศรถที่ถูกทหารพม่ายิงปืนถูกอกเสียชีวิต ได้รับพระราชทานยศและทรัพย์สิ่งของ ผ้าสำรดแก่บุตรภรรยา เพื่อตอบแทนความดีความชอบ

13.หมื่นทิพย์เสนา

         นายทหารที่สมเด็จพระนเรศวรสั่งให้ไปดูทัพหน้าและนำตัวหมื่นคนหนึ่งกลับมาเข้าเฝ้า เพื่อให้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทัพหน้า และส่งข่าวให้ทัพหน้าถอยทัพเมื่อพม่าตีอย่างหนัก

14.หมื่นราชามาตย์

         นายทหารที่แจ้งข่าวถอยทัพให้ทัพหน้าซึ่งเดินทางไปพร้อมกับหมื่นทิพย์เสนา คาดว่าจะเป็นนายทหารที่หมื่นทิพย์เสนานำมาเข้าเฝ้าสมเด็จพระนเรศวร  

15.หลวงญาณโยคโลกทีป

         โหรผู้ถวายคำพยากรณ์และหาฤกษ์ยามกับสมเด็จพระนเรศวร ในครั้งที่ทรงตัดสินพระทัยที่จะทำสงคราม ซึ่งได้พยากรณ์ไว้ว่าพระองค์จะได้จตุรงคโชคคือ โชคดี 4 ประการ ได้แก่ มีโชคดี , วัน เดือน ปี ในการทำสงครามดี , กำลังทหารเข้มแข็งดี , อาหารอุดมสมบูรณ์ดี และฤกษ์ในการออกทัพคือเช้า วันอาทิตย์ขึ้น 11 ค่ำ ย่ำรุ่ง 8 นาฬิกา 30 นาที ในเดือนยี่

16.หลวงมหาวิชัย

         พราหมณ์ที่ทำพิธีตัดไม้ข่มนาม ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวรจะนำกองทัพไปรบ

  

 

สร้างโดย: 
นางสาวศรีสวาสดิ์ บุนนาค และ นางสาวณัฐณิชา อนันต์วุฒิสมบัติ

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 266 คน กำลังออนไลน์