หน้าวัว
http://www.google.co.th/imglanding?q
หน้าวัว
ชื่อสามัญ : Anthurium
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Anthurium spp.
วงศ์ : Araceae
ลักษณะ
ทางพฤกษศาสตร์ ค่อนข้างไปทางไม้เลื้อยเนื้ออ่อน สูง 80-100 ซม. ใบมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ คล้ายกำมะหยี่ละเอียดเป็นมัน ปลายใบแหลม ต้นหนึ่งมีใบ 4-8 ใบ เมื่อมีใบใหม่จะมีดอกเกิดขึ้นเสมอ ดอกหน้าวัวเกิดจากตาที่อยู่เหนือก้านใบ ตัวดอกที่แท้จริงนั้นมีขนาดเล็กเรียงกันอยู่บนปลีซึ่งเป็นส่วนของก้านดอก ดอกแต่ละดอกจะมีทั้งเกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย แต่จะบานไม่พร้อมกัน เกสรตัวเมียจะบานก่อน การปลูก
สามารถปลูกลงในกระถางที่มีการรองพื้นด้วย เครื่องปลูกที่โปร่ง เช่น กาบมะพร้าว ได้ หรือจะไปปลูกบนต้นไม้ ก้อนหินก็ได้เช่นกัน โดยวิธีการที่นิยมมีดังนี้ 1. การตัดยอด ทำได้เมือ ต้นสูงขึ้นจากระดับเครื่องปลูกและมีราก 2-3 ราก นำไปปลูกลงในกระถางใหม่โดยใส่ยาเร่งรากเพื่อให้แตก 2. การแยกหน่อ หน้าวัวบางพันธุ์มีหน่อมาก เช่น พันธุ์ดาราทอง โดยสามารถแยกหน่อลงไปปลูกได้เลยเพราะมีการแตกรากที่สมบุรณ์แล้ว 3. การตัดต้นชำ ทำการตัดชำ แล้วนำท่อนพันธุ์ไปใช้ชำในทรายหรืออิฐทุบก้อนเล็ก ๆ ที่ขึ้นอยู่เสมอ จะเกิดต้นใหม่ขึ้นมาตามข้อหรือปล้องนั้น เมื่อต้นมีรากก็แยกไปปลูก 4. การขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นวิธีการที่ผลิตหน้าวัวได้เป็นจำนวนมาก แต่มีปัญหาในการทำความสะอาดเนื้อเนื้อ เพราะหน้าวัวเป็นพืชที่ชอบความชื้น ฉะนั้นจึงทำให้มีทั้งเชื้อราและแบคทีเรียตามต้นพันธุ์มาก เมือทำการทดสอบและทำให้การเจริญเติบโตขอต้นสมบูรณ์ เมื่อต้นอ่อนเจริญเติบโตในหลอดอาหารเพียงพอที่จะย้ายลงไปปลูกในกระถางได้นำไปเลี้ยงต่อในโรงเรือนที่ชื้นสม่ำเสมอ โดยในะระยนี้ต้องมีเวลาในการดูแล เอาใจใส่มิฉะนั้นต้นจะตายง่ายโดยการขาดความชื้น 5. การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ใช้สำหรับการปรับปรุงพันธุ์เท่านั้น เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่มีลักษณะดีกว่าพันธุ์เดิม โดยมีการผสมเกสรในช่วงฤดูหนาว แต่มีโอกาสที่หน้าวัวจะติดเมล็ดเองมีน้อย เพราะเกสรตัวผู้และตัวเมียบานไม่พร้อมกัน โดยมากเกสรตัวเมียบานแล้ว จึงมีละอองเกสรตัวผู้ จะบานไล่จากโคนปลี ผู้ที่ทำการผสมจะต้องใช้ พู่กันหรือบนที่สามารรถนำ เการตัวผู้ไปผสมได้ หลังจากเมือผสมได้ ปลีจะเริ่มบวมเพราะได้รับการผสมแล้ว รอจนแก่ นำไปเพาะได้ ![](/files/u40049/HomeIcon1.jpg)