พินทุมดี
นางพินทุมดี
ที่มา: http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5346425/K5346425-3.jpg
ในกาลปางก่อน พระเจ้าวินทัตครองเมืองพรหมปุระ พระองค์มีพระโอรสหนึ่งมีบุญมาก เมื่อประสูติบังเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวทั่วไป พระบิดาจึงตั้งชื่อว่า " สมุทโฆษ "
พระสมุทโฆษเติบโตเป็นชายหนุ่มที่งดงาม มีความประพฤติเป็นที่น่านิยม และมีสติปัญญาดีเรียนรู้วิทยาการชั้นสูง มีความสามารถในการใช้อาวุธ กิตติศัพท์ความสามารถของพระสมุทโฆษก็ร่ำลือไปยังนครต่าง ๆ
ทางเมืองรัมปุระซึ่งพระเจ้าสีหนรคุตเป็นผู้ครองอยู่นั้น พระองค์มีพระธิดาที่ฉลาดและงดงามชื่อพระนางพินทุมดี พระนางพินทุมดีได้ทราบกิตติศัพท์พระสมุทโฆษก็มีใจฝักใฝ่พระสมุทโฆษ จึงบนบานเทวดาขอให้พระสมุทโฆษเป็นคู่ครอง เทวดาจึงบันดาลให้พระสมุทโฆษเดินทางมาเมืองรัมปุระ และได้มีโอกาสดีดพิณถวายพระเจ้าสีหนรคุตเป็นที่พอพระทัย และได้พบพระนางพินทุมดีซึ่งต่างได้เกิดความรักต่อกัน พระเจ้าสีหนรคุตจึงได้จัดอภิเษกสมรสพระสมุท
โฆษกับพระนางพินทุมดีและอยู่ในเมืองรัมปุระอย่างมีความสุข
วันหนึ่ง พระสมุทโฆษไปพบวิทยาธรตนหนึ่งมีบาดแผลสาหัสจากการต่อสู้ พระสมุทโฆษก็นำวิทยาธรามรักษาดูแลอย่างดีจนหายเจ็บ แข็งแรงดังเดิม วิทยาธรรู้สึกบุญคุณ เมื่อลากลับไปก็ถวายพระขรรค์ให้พระสมุทโฆษ และทูลชี้แจงว่า ถ้าถือพระขรรค์นี้แล้วจะสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้
เมื่อวิทยาธรลาไปแล้ว พระสมุทโฆษจึงคิดจะทดลองฤทธิ์ของพระขรรค์ จึงนั่งขัดสมาธิแล้วให้นางพินทุมดีนั่งบนตัก พระสมุทโฆษก็ถือพระขรรค์และนึกให้เหาะไปทางทิศเหนือ ก็ปรากฎว่าทั้วสองพระองค์ได้ล่องลอยไปในอากาศ และไปจนถึงป่าหิมพานต์ พระสมุทโฆษก็พานางพินทุมดีไปเก็บลูกไม้รสต่าง ๆ มาเสวยเป็นที่สำราญ ตอนกลางคืนก็พักในถ้ำเป็นที่สุขสำราญ ทั้งสองพระองค์ได้เดินทางไปตามที่ต่าง ๆ เป็นเวลาหลายเดือนก็คิดจะเดินทางกลับ วันหนึ่งผ่านป่ามีสระน้ำใสสะอาดก็แวะลงสระสรงน้ำและพัก ทั้งสององค์พากันหลับไป มีวิทยาธรตนหนึ่งเหาะผ่านมาเห็นพระขรรค์ก็ย่องลงมาขโมยพระขรรค์แล้วเหาะหนี ไป
เมื่อพระสมุทโฆษและพระนางพินทุมดีตื่นขึ้นมาไม่เห็นพระขรรค์ก็ตกพระทัย เที่ยวค้นหาเท่าไรก็ไม่พบ ต่างเป็นทุกข์เพราะเมื่อไม่มีพระขรรค์ก็ไม่สามารถเหาะกลับบ้านเมืองได้รวด เร็ว จะต้องเดินทางบุกป่าฝ่าหนามกลับไป พระสมุทโฆษทรงปลอบพระนางพินทุมดี แล้วทั้งสองพากันเดินทาง วันหนึ่งพบแม่น้ำขวางกั้น พระสมุทโฆษจึงหาขอนไม้มาให้พระนางพินทุมดีเกาะแล้วพาว่ายน้ำข้ามไป แต่เมื่อถึงกลางแม่น้ำเกิดพายุฝนมืดมิด ขอนไม้ที่เกาะไปหักเป็นสองท่อน ทั้งสององค์ก็พลัดแยกกันไป พระนางพินทุมดีถูกกระแสน้ำพัดไปเกยชายหาดเมืองมัทราษฎร์ หญิงหม้ายใจดีผู้หนึ่งพบเข้าก็พาพระนางไปพัก พระนางก็เล่าความให้ฟังและพระนางได้มอบธำมรงค์
เพชรมีราคามากให้หญิงหม้ายไปช่วยขายโดยจะขอทองคำห้าเล่มเกวียน หญิงหม้ายนำไปขายให้เศรษฐีในเมือง เมื่อพระนางพินทุมดีได้ทองมาแล้วก็ให้สร้างศาลาที่พักคนเดินทางและโรงทาน ในศาลาที่พักคนเดินทางพระนางพินทุมดีได้ให้ช่างมาวาดรูปฝาผนังเป็นเรื่องราว ตั้งแต่พระ
นางอภิเษกสมรสกับพระสมุทโฆษ และการเหาะเดินทางไปเที่ยวป่าหิมพานต์ และภาพสองกษัตริย์เกาะขอนไม้ว่ายน้ำแล้วพายุพัดจนขอนไม้หักเป็นสองท่อนแล้ว สองกษัตริย์ก็พลัดพราก
จากกัน แล้วพระนางพินทุมดีจัดหาคนทำอาหารเลี้ยงคนเดินทางที่มาพักที่ศาลา และให้มีคนคอยสังเกตผู้ที่ชมภาพเขียนฝาผนังที่ศาลา ถ้ามีใครแสดงกิริยาแปลกประหลาดให้รีบไปแจ้งให้พระนางทราบทันที
ฝ่ายพระสมุทโฆษเมื่อขอนไม้หักกลางม่น้ำและพลัดแยกจากพระนางพินทุมดีก็ลอยออกสู่
ทะเลใหญ่ พระสมุทโฆษว่ายน้ำอยู่ในทะเลถึงเจ็ดวัน พระอินทร์ได้ทรงทราบถึงความทุกข์ยาก
ของพระสมุทโฆษจึงแสดงอิทธิฤทธิ์เหาะตามวิทยาธรที่ขโมยพระขรรค์ของพระสมุทโฆษ และสั่งให้วิทยาธรนำพระขรรค์ไปคืนพระสมุทโฆษที่กลางทะเล เมื่อพระสมุทโฆษได้พระขรรค์คืนก็เหาะจะกลับเมือง ระหว่างทางจึงทรงหยุดพักที่เมืองมัทราษฎร์ เมื่อทรงหาที่พัก ชาวเมืองพากันแนะนำให้ไปพักที่ศาลาคนเดินทางของพระนางพินทุมดี พระสมุมโฆษเมื่อไปถึงที่ศาลาที่พักและได้รับเลี้ยงอาหารแล้วก็ทรงเดินดูภาพ เขียนที่ฝาผนัง เห็นเป็นเรื่องราวเหมือนของพระองค์กับพระนางพินทุมดีก็กรรแสงร่ำไห้และทรง พระสรวลสลับกันไป คนเฝ้าศาลาเห็นมีกิริยาแปลกประหลาดจึงรีบไปแจ้งพระนางพินทุมดี พระนางก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพระสมุทโฆษ จึงรีบออกมาต้อนรับ พระสมุทโฆษทรงปลาบปลื้มยินดีมีความสุข แลังทั้งสองพระองค์ก็เหาะกลับไปเมืองรัมปุระด้วยพระขรรค์ ชาวเมืองรัมปุระและชาวเมืองพรหมปุระก็มีความยินดี และพระเจ้าสีหนรคุตพระบิดาของพระนางพินทุมดีก็อภิเษกให้พระสมุทโฆษครองเมือง รัมปุระ โดยพระองค์ออกผนวช พระเจ้าวินททัตพระบิดาของพระสมุทโฆษก็ทรงออกผนวชด้วย และมอบราชสมบัติเมืองพรหม
ปุระให้แก่พระสมุทโฆษ พระสมุทโฆษและพระนางพินทุมดีก็ปกครองนครทั้งสองด้วยความสุขสืบมา