• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:81b94ab7d9503b5ae31013a156a85a2d' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<b>   นางพินทุมดี</b>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"260\" width=\"197\" src=\"/files/u40856/K5346425-3.jpg\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nที่มา: <a href=\"http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5346425/K5346425-3.jpg\">http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5346425/K5346425-3.jpg</a>\n</p>\n<p>\n         ในกาลปางก่อน พระเจ้าวินทัตครองเมืองพรหมปุระ พระองค์มีพระโอรสหนึ่งมีบุญมาก เมื่อประสูติบังเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวทั่วไป พระบิดาจึงตั้งชื่อว่า &quot; สมุทโฆษ &quot;<br />\n          พระสมุทโฆษเติบโตเป็นชายหนุ่มที่งดงาม มีความประพฤติเป็นที่น่านิยม และมีสติปัญญาดีเรียนรู้วิทยาการชั้นสูง มีความสามารถในการใช้อาวุธ กิตติศัพท์ความสามารถของพระสมุทโฆษก็ร่ำลือไปยังนครต่าง ๆ<br />\n          ทางเมืองรัมปุระซึ่งพระเจ้าสีหนรคุตเป็นผู้ครองอยู่นั้น พระองค์มีพระธิดาที่ฉลาดและงดงามชื่อพระนางพินทุมดี พระนางพินทุมดีได้ทราบกิตติศัพท์พระสมุทโฆษก็มีใจฝักใฝ่พระสมุทโฆษ จึงบนบานเทวดาขอให้พระสมุทโฆษเป็นคู่ครอง เทวดาจึงบันดาลให้พระสมุทโฆษเดินทางมาเมืองรัมปุระ และได้มีโอกาสดีดพิณถวายพระเจ้าสีหนรคุตเป็นที่พอพระทัย และได้พบพระนางพินทุมดีซึ่งต่างได้เกิดความรักต่อกัน พระเจ้าสีหนรคุตจึงได้จัดอภิเษกสมรสพระสมุท<br />\nโฆษกับพระนางพินทุมดีและอยู่ในเมืองรัมปุระอย่างมีความสุข<br />\n          วันหนึ่ง พระสมุทโฆษไปพบวิทยาธรตนหนึ่งมีบาดแผลสาหัสจากการต่อสู้ พระสมุทโฆษก็นำวิทยาธรามรักษาดูแลอย่างดีจนหายเจ็บ แข็งแรงดังเดิม วิทยาธรรู้สึกบุญคุณ เมื่อลากลับไปก็ถวายพระขรรค์ให้พระสมุทโฆษ และทูลชี้แจงว่า ถ้าถือพระขรรค์นี้แล้วจะสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้<br />\n          เมื่อวิทยาธรลาไปแล้ว พระสมุทโฆษจึงคิดจะทดลองฤทธิ์ของพระขรรค์ จึงนั่งขัดสมาธิแล้วให้นางพินทุมดีนั่งบนตัก พระสมุทโฆษก็ถือพระขรรค์และนึกให้เหาะไปทางทิศเหนือ ก็ปรากฎว่าทั้วสองพระองค์ได้ล่องลอยไปในอากาศ และไปจนถึงป่าหิมพานต์ พระสมุทโฆษก็พานางพินทุมดีไปเก็บลูกไม้รสต่าง ๆ มาเสวยเป็นที่สำราญ ตอนกลางคืนก็พักในถ้ำเป็นที่สุขสำราญ ทั้งสองพระองค์ได้เดินทางไปตามที่ต่าง ๆ เป็นเวลาหลายเดือนก็คิดจะเดินทางกลับ วันหนึ่งผ่านป่ามีสระน้ำใสสะอาดก็แวะลงสระสรงน้ำและพัก ทั้งสององค์พากันหลับไป มีวิทยาธรตนหนึ่งเหาะผ่านมาเห็นพระขรรค์ก็ย่องลงมาขโมยพระขรรค์แล้วเหาะหนี ไป<br />\n          เมื่อพระสมุทโฆษและพระนางพินทุมดีตื่นขึ้นมาไม่เห็นพระขรรค์ก็ตกพระทัย เที่ยวค้นหาเท่าไรก็ไม่พบ ต่างเป็นทุกข์เพราะเมื่อไม่มีพระขรรค์ก็ไม่สามารถเหาะกลับบ้านเมืองได้รวด เร็ว จะต้องเดินทางบุกป่าฝ่าหนามกลับไป พระสมุทโฆษทรงปลอบพระนางพินทุมดี แล้วทั้งสองพากันเดินทาง วันหนึ่งพบแม่น้ำขวางกั้น พระสมุทโฆษจึงหาขอนไม้มาให้พระนางพินทุมดีเกาะแล้วพาว่ายน้ำข้ามไป แต่เมื่อถึงกลางแม่น้ำเกิดพายุฝนมืดมิด ขอนไม้ที่เกาะไปหักเป็นสองท่อน ทั้งสององค์ก็พลัดแยกกันไป พระนางพินทุมดีถูกกระแสน้ำพัดไปเกยชายหาดเมืองมัทราษฎร์ หญิงหม้ายใจดีผู้หนึ่งพบเข้าก็พาพระนางไปพัก พระนางก็เล่าความให้ฟังและพระนางได้มอบธำมรงค์<br />\nเพชรมีราคามากให้หญิงหม้ายไปช่วยขายโดยจะขอทองคำห้าเล่มเกวียน หญิงหม้ายนำไปขายให้เศรษฐีในเมือง เมื่อพระนางพินทุมดีได้ทองมาแล้วก็ให้สร้างศาลาที่พักคนเดินทางและโรงทาน ในศาลาที่พักคนเดินทางพระนางพินทุมดีได้ให้ช่างมาวาดรูปฝาผนังเป็นเรื่องราว ตั้งแต่พระ<br />\nนางอภิเษกสมรสกับพระสมุทโฆษ และการเหาะเดินทางไปเที่ยวป่าหิมพานต์ และภาพสองกษัตริย์เกาะขอนไม้ว่ายน้ำแล้วพายุพัดจนขอนไม้หักเป็นสองท่อนแล้ว สองกษัตริย์ก็พลัดพราก<br />\nจากกัน แล้วพระนางพินทุมดีจัดหาคนทำอาหารเลี้ยงคนเดินทางที่มาพักที่ศาลา และให้มีคนคอยสังเกตผู้ที่ชมภาพเขียนฝาผนังที่ศาลา ถ้ามีใครแสดงกิริยาแปลกประหลาดให้รีบไปแจ้งให้พระนางทราบทันที<br />\n          ฝ่ายพระสมุทโฆษเมื่อขอนไม้หักกลางม่น้ำและพลัดแยกจากพระนางพินทุมดีก็ลอยออกสู่<br />\nทะเลใหญ่ พระสมุทโฆษว่ายน้ำอยู่ในทะเลถึงเจ็ดวัน พระอินทร์ได้ทรงทราบถึงความทุกข์ยาก<br />\nของพระสมุทโฆษจึงแสดงอิทธิฤทธิ์เหาะตามวิทยาธรที่ขโมยพระขรรค์ของพระสมุทโฆษ และสั่งให้วิทยาธรนำพระขรรค์ไปคืนพระสมุทโฆษที่กลางทะเล เมื่อพระสมุทโฆษได้พระขรรค์คืนก็เหาะจะกลับเมือง ระหว่างทางจึงทรงหยุดพักที่เมืองมัทราษฎร์ เมื่อทรงหาที่พัก ชาวเมืองพากันแนะนำให้ไปพักที่ศาลาคนเดินทางของพระนางพินทุมดี พระสมุมโฆษเมื่อไปถึงที่ศาลาที่พักและได้รับเลี้ยงอาหารแล้วก็ทรงเดินดูภาพ เขียนที่ฝาผนัง เห็นเป็นเรื่องราวเหมือนของพระองค์กับพระนางพินทุมดีก็กรรแสงร่ำไห้และทรง พระสรวลสลับกันไป คนเฝ้าศาลาเห็นมีกิริยาแปลกประหลาดจึงรีบไปแจ้งพระนางพินทุมดี พระนางก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพระสมุทโฆษ จึงรีบออกมาต้อนรับ พระสมุทโฆษทรงปลาบปลื้มยินดีมีความสุข แลังทั้งสองพระองค์ก็เหาะกลับไปเมืองรัมปุระด้วยพระขรรค์ ชาวเมืองรัมปุระและชาวเมืองพรหมปุระก็มีความยินดี และพระเจ้าสีหนรคุตพระบิดาของพระนางพินทุมดีก็อภิเษกให้พระสมุทโฆษครองเมือง รัมปุระ โดยพระองค์ออกผนวช พระเจ้าวินททัตพระบิดาของพระสมุทโฆษก็ทรงออกผนวชด้วย และมอบราชสมบัติเมืองพรหม<br />\nปุระให้แก่พระสมุทโฆษ พระสมุทโฆษและพระนางพินทุมดีก็ปกครองนครทั้งสองด้วยความสุขสืบมา\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"43\" width=\"550\" src=\"/files/u40856/lineth_bar.gif\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/81959\"><img height=\"80\" width=\"132\" src=\"/files/u40856/home.jpg\" /></a>   <a href=\"/node/85529\"><img height=\"80\" width=\"207\" src=\"/files/u40856/girl.jpg\" /></a> \n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1720400506, expire = 1720486906, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:81b94ab7d9503b5ae31013a156a85a2d' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

พินทุมดี

   นางพินทุมดี

ที่มา: http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5346425/K5346425-3.jpg

         ในกาลปางก่อน พระเจ้าวินทัตครองเมืองพรหมปุระ พระองค์มีพระโอรสหนึ่งมีบุญมาก เมื่อประสูติบังเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวทั่วไป พระบิดาจึงตั้งชื่อว่า " สมุทโฆษ "
          พระสมุทโฆษเติบโตเป็นชายหนุ่มที่งดงาม มีความประพฤติเป็นที่น่านิยม และมีสติปัญญาดีเรียนรู้วิทยาการชั้นสูง มีความสามารถในการใช้อาวุธ กิตติศัพท์ความสามารถของพระสมุทโฆษก็ร่ำลือไปยังนครต่าง ๆ
          ทางเมืองรัมปุระซึ่งพระเจ้าสีหนรคุตเป็นผู้ครองอยู่นั้น พระองค์มีพระธิดาที่ฉลาดและงดงามชื่อพระนางพินทุมดี พระนางพินทุมดีได้ทราบกิตติศัพท์พระสมุทโฆษก็มีใจฝักใฝ่พระสมุทโฆษ จึงบนบานเทวดาขอให้พระสมุทโฆษเป็นคู่ครอง เทวดาจึงบันดาลให้พระสมุทโฆษเดินทางมาเมืองรัมปุระ และได้มีโอกาสดีดพิณถวายพระเจ้าสีหนรคุตเป็นที่พอพระทัย และได้พบพระนางพินทุมดีซึ่งต่างได้เกิดความรักต่อกัน พระเจ้าสีหนรคุตจึงได้จัดอภิเษกสมรสพระสมุท
โฆษกับพระนางพินทุมดีและอยู่ในเมืองรัมปุระอย่างมีความสุข
          วันหนึ่ง พระสมุทโฆษไปพบวิทยาธรตนหนึ่งมีบาดแผลสาหัสจากการต่อสู้ พระสมุทโฆษก็นำวิทยาธรามรักษาดูแลอย่างดีจนหายเจ็บ แข็งแรงดังเดิม วิทยาธรรู้สึกบุญคุณ เมื่อลากลับไปก็ถวายพระขรรค์ให้พระสมุทโฆษ และทูลชี้แจงว่า ถ้าถือพระขรรค์นี้แล้วจะสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้
          เมื่อวิทยาธรลาไปแล้ว พระสมุทโฆษจึงคิดจะทดลองฤทธิ์ของพระขรรค์ จึงนั่งขัดสมาธิแล้วให้นางพินทุมดีนั่งบนตัก พระสมุทโฆษก็ถือพระขรรค์และนึกให้เหาะไปทางทิศเหนือ ก็ปรากฎว่าทั้วสองพระองค์ได้ล่องลอยไปในอากาศ และไปจนถึงป่าหิมพานต์ พระสมุทโฆษก็พานางพินทุมดีไปเก็บลูกไม้รสต่าง ๆ มาเสวยเป็นที่สำราญ ตอนกลางคืนก็พักในถ้ำเป็นที่สุขสำราญ ทั้งสองพระองค์ได้เดินทางไปตามที่ต่าง ๆ เป็นเวลาหลายเดือนก็คิดจะเดินทางกลับ วันหนึ่งผ่านป่ามีสระน้ำใสสะอาดก็แวะลงสระสรงน้ำและพัก ทั้งสององค์พากันหลับไป มีวิทยาธรตนหนึ่งเหาะผ่านมาเห็นพระขรรค์ก็ย่องลงมาขโมยพระขรรค์แล้วเหาะหนี ไป
          เมื่อพระสมุทโฆษและพระนางพินทุมดีตื่นขึ้นมาไม่เห็นพระขรรค์ก็ตกพระทัย เที่ยวค้นหาเท่าไรก็ไม่พบ ต่างเป็นทุกข์เพราะเมื่อไม่มีพระขรรค์ก็ไม่สามารถเหาะกลับบ้านเมืองได้รวด เร็ว จะต้องเดินทางบุกป่าฝ่าหนามกลับไป พระสมุทโฆษทรงปลอบพระนางพินทุมดี แล้วทั้งสองพากันเดินทาง วันหนึ่งพบแม่น้ำขวางกั้น พระสมุทโฆษจึงหาขอนไม้มาให้พระนางพินทุมดีเกาะแล้วพาว่ายน้ำข้ามไป แต่เมื่อถึงกลางแม่น้ำเกิดพายุฝนมืดมิด ขอนไม้ที่เกาะไปหักเป็นสองท่อน ทั้งสององค์ก็พลัดแยกกันไป พระนางพินทุมดีถูกกระแสน้ำพัดไปเกยชายหาดเมืองมัทราษฎร์ หญิงหม้ายใจดีผู้หนึ่งพบเข้าก็พาพระนางไปพัก พระนางก็เล่าความให้ฟังและพระนางได้มอบธำมรงค์
เพชรมีราคามากให้หญิงหม้ายไปช่วยขายโดยจะขอทองคำห้าเล่มเกวียน หญิงหม้ายนำไปขายให้เศรษฐีในเมือง เมื่อพระนางพินทุมดีได้ทองมาแล้วก็ให้สร้างศาลาที่พักคนเดินทางและโรงทาน ในศาลาที่พักคนเดินทางพระนางพินทุมดีได้ให้ช่างมาวาดรูปฝาผนังเป็นเรื่องราว ตั้งแต่พระ
นางอภิเษกสมรสกับพระสมุทโฆษ และการเหาะเดินทางไปเที่ยวป่าหิมพานต์ และภาพสองกษัตริย์เกาะขอนไม้ว่ายน้ำแล้วพายุพัดจนขอนไม้หักเป็นสองท่อนแล้ว สองกษัตริย์ก็พลัดพราก
จากกัน แล้วพระนางพินทุมดีจัดหาคนทำอาหารเลี้ยงคนเดินทางที่มาพักที่ศาลา และให้มีคนคอยสังเกตผู้ที่ชมภาพเขียนฝาผนังที่ศาลา ถ้ามีใครแสดงกิริยาแปลกประหลาดให้รีบไปแจ้งให้พระนางทราบทันที
          ฝ่ายพระสมุทโฆษเมื่อขอนไม้หักกลางม่น้ำและพลัดแยกจากพระนางพินทุมดีก็ลอยออกสู่
ทะเลใหญ่ พระสมุทโฆษว่ายน้ำอยู่ในทะเลถึงเจ็ดวัน พระอินทร์ได้ทรงทราบถึงความทุกข์ยาก
ของพระสมุทโฆษจึงแสดงอิทธิฤทธิ์เหาะตามวิทยาธรที่ขโมยพระขรรค์ของพระสมุทโฆษ และสั่งให้วิทยาธรนำพระขรรค์ไปคืนพระสมุทโฆษที่กลางทะเล เมื่อพระสมุทโฆษได้พระขรรค์คืนก็เหาะจะกลับเมือง ระหว่างทางจึงทรงหยุดพักที่เมืองมัทราษฎร์ เมื่อทรงหาที่พัก ชาวเมืองพากันแนะนำให้ไปพักที่ศาลาคนเดินทางของพระนางพินทุมดี พระสมุมโฆษเมื่อไปถึงที่ศาลาที่พักและได้รับเลี้ยงอาหารแล้วก็ทรงเดินดูภาพ เขียนที่ฝาผนัง เห็นเป็นเรื่องราวเหมือนของพระองค์กับพระนางพินทุมดีก็กรรแสงร่ำไห้และทรง พระสรวลสลับกันไป คนเฝ้าศาลาเห็นมีกิริยาแปลกประหลาดจึงรีบไปแจ้งพระนางพินทุมดี พระนางก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพระสมุทโฆษ จึงรีบออกมาต้อนรับ พระสมุทโฆษทรงปลาบปลื้มยินดีมีความสุข แลังทั้งสองพระองค์ก็เหาะกลับไปเมืองรัมปุระด้วยพระขรรค์ ชาวเมืองรัมปุระและชาวเมืองพรหมปุระก็มีความยินดี และพระเจ้าสีหนรคุตพระบิดาของพระนางพินทุมดีก็อภิเษกให้พระสมุทโฆษครองเมือง รัมปุระ โดยพระองค์ออกผนวช พระเจ้าวินททัตพระบิดาของพระสมุทโฆษก็ทรงออกผนวชด้วย และมอบราชสมบัติเมืองพรหม
ปุระให้แก่พระสมุทโฆษ พระสมุทโฆษและพระนางพินทุมดีก็ปกครองนครทั้งสองด้วยความสุขสืบมา

 

   

 

สร้างโดย: 
นางสาววาสินี เที่ยงน่วม และครูศรีสวาสดิ์ บุนนาค

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 420 คน กำลังออนไลน์