• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:42e0dacd9bdf795f96788d7ba6d97bc5' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<b> นอซาตอลอัวดัด</b>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"229\" width=\"170\" src=\"/files/u40856/scan0072.jpg\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nที่มา: หนังสือนางในวรรณคดี\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\nลิลิตนิทราชาคริตนี้  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๒  โดยทรงแปลเก็บเนื้อความมาจากนิทาน เรื่อง &quot; The Sleeper Awaken &quot; ซึ่งเป็นนิทานอาหรับโดยไม่ทราบว่าใครแต่ง  และแต่งเมื่อใด</p>\n<p>ความมุ่งหมาย     พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ในงานปีใหม่</p>\n<p>ลักษณะการแต่ง    แต่งเป็นลิลิตสุภาพ  มีร่ายและโคลงสลับกัน</p>\n<p>เนื้อหาสาระ</p>\n<p>เป็นนิทานเรื่องหนึ่งที่นางเซหะระซัดเล่าถวายพระราชา  โดยเล่าว่า...............<br />\nพระเจ้ากาหลิบพระองค์หนึ่งพระนามว่า  พระเจ้าฮารูนอาลราษจิต  เสวยราชสมบัติ ณ กรุงแบกแดด  พระองค์ทรงปลอมเป็นพ่อค้า  เที่ยวสัญจรไปตามเมืองต่างๆอยู่เนืองนิตย์  ประชาชนจึงอยู่เย็น</p>\n<p>เป็นสุขเรื่อยมา  มีทายาทของนายพาณิชผู้มั่งมีคนหนึ่งชื่อ  อาบูหะซัน  เมื่อบิดาสิ้นชีพแล้ว  เขาจึงแบ่งทรัพย์สมบัติออกเป็น ๒ ส่วน  ส่วนหนึ่งซื้อที่ดินเรือกสวนไร่นาและตึกรามบ้านช่องไว้ให้<br />\nคนเช่าอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้เพื่อการสำราญเลี้ยงเพื่อนฝูงและนารี  โดยไม่คิดทำการค้าขายอีกต่อไป  อาบูประพฤติเช่นนี้เป็นเวลา ๑ ปี เงินทองก็หมดสิ้นไป  จึงเที่ยวยืมเงินเพื่อนฝูง แต่กลับต้องผิดหวัง</p>\n<p>เมื่อเพื่อนฝูงหลบหน้า และพากันรังเกียจ  เขาจึงพากเพียรเก็บออมเงินทองเพื่อค้าขายใหม่   ในไม่ช้าเขาก็กลับมามั่งคั่งตามเดิม  เขาได้ตั้งสัตย์ไว้ในใจว่าจะไม่คบเพื่อนฝูงในเมืองแบกแดดอีกเป็นอันขาดและจะคบแต่เพื่อนต่างเมืองเท่านั้น  เพียงคืนเดียว เมื่อพบปะกันอีกก็จะทำเป็นไม่รู้จัก</p>\n<p>วันหนึ่งพระเจ้าฮารูนอาลราษจิต  ปลอมพระองค์เป็นพ่อค้ามาเมืองมุศสุล  มีทาสผิวดำมาด้วยคนหนึ่ง  เมื่อเสด็จมาถึงบ้านอาบูจึงได้รับเชิญให้เข้าไปในบ้านของตน  และบอกว่าจะต้อนรับเพียงคืนเดียว  พระเจ้ากาหลิบเห็นแปลกก็รับเชิญ  ขณะบริโภคอาหารและดื่มสุราอย่างสนุกสนานนั้นพระเจ้ากาหลิบพยายามลวงถามถึง ชีวิตอาบู  และความเป็นไปของคนในแบกแดด อาบูก็เล่าความจริง   ถึงอีแมนซึ่งเป็นอาจารย์และศิษย์ทั้งสี่  ว่าประพฤติตนชั่วช้าและเล่าต่ออีกว่า  หากเขาเป็นพระเจ้ากาหลิบจะจับอีแมนกับศิษย์มาเฆี่ยนประจานให้หลาบจำ  ตกดึกพระเจ้ากาหลิบจึงโรยยาสลบให้อาบูดื่ม  เมื่ออาบูสิ้นสติจึงสั่งทาสให้แบกอาบูเข้าวังทันที</p>\n<p>พระเจ้ากาหลิบจึงสั่งให้แต่งเครื่องทรงอาบูอย่างกษัตริย์  และกำชับขุนนางให้ปฏิบัติกับอาบูเหมือนปฏิบัติกับพระองค์  ครั้งรุ่งขึ้นอาบูตื่นจึงคิดว่าตนฝันไป  แต่เหล่าสนมและอำมาตย์ยืนยันว่าเขาคือกาหลิบจริงๆ  อาบูจึงเคลิ้มว่าตนเป็นกาหลิบจึงๆบ้าง  เมื่อเสด็จออกว่าการ อาบูกาหลิบก็ตัดสินข้อราชการได้ถูกต้อง  พร้อมสั่งพวกนครบาลไปจับตัวอีแมนและศิษย์ทั้งสี่มาลงโทษประจาน และสั่งให้นำทองคำพันลิ่มไปมอบให้นางจอบแก้วผู้เป็นมารดาด้วย</p>\n<p>ตกค่ำเมื่อเสวยพระกระยาหาร  นางกำนัลนามว่าฟองไข่มุกลอบวางยาสลบลงในถ้วยสุราเมื่ออาบูสิ้นสติแล้วพระ เจ้ากาหลิบจึงรับสั่งให้เปลี่ยนชุด  และให้ทาสดำแบกไปส่งบ้านเดิมของเขา</p>\n<p>รุ่งขึ้นอาบูตื่นขึ้นเวลาบ่าย  ยังคงเพ้อพกถึงความสนุกสนานในวัง ครั้งมารดามาเตือนว่าตนเองคืออาบูก็กลับทุบตีมารดา  ชาวบ้านจึงจับเขาไปส่งโรงพยาบาลโรคจิต    อาบูถูกโบยตีสาหัสจึงมีสติเช่นเดิม</p>\n<p>หลังจากนั้นอีกเดือนหนึ่งพระเจ้ากาหลิบจึงปลอมพระองค์มาหาอาบูใหม่  และทรงกระทำเช่นเดิมอีกนครั้งนี้อาบูเกิดสนุกสนานจนลุกขึ้นมาเต้นรำกับสนม กำนัล  พระเจ้ากาหลิบซึ่งแอบทอดพระเนตรอยู่สุดจะกลั้นได้พระสรวลลั่นออกมา  เมื่ออาบูทราบว่ามิตรของตนคือ พระเจ้ากาหลิบ ก็เข้าไปขอพระราชทานอภัยโทษ  กาหลิบจึงตั้งให้อาบูอยู่รับราชการในสำนักพร้อมทั้งพระราชทานนางนอซาตอลอัวดัดให้เป็นภรรยาของอาบูด้วย </p>\n<p>อาบูกับอัวดัดอยู่กินกันอย่างมีความสุข  ทั้งสองใช้สอยเงินอย่างฟุ่มเฟือยไม่นานเงินพระราชทานก็หมดลง  อาบูจึงออกอุบายว่าตนจะไปทูลพระเจ้ากาหลิบว่านางอัวดัดตายเพื่อจะได้รับพระราชทานเงินปลงศพ  ส่วนนางอัวดัดก็ให้ไปทูลพระนางโซบิเดว่าอาบูตายจะได้รับพระราชทานเงินเช่น กัน  ในที่สุดพระเจ้ากาหลิบและพระนางโซบิเดจึงเสด็จมาที่เรือนอาบูทั้งสองจึง แกล้งทำเป็นตาย    \n</p>\n<p>\nพระเจ้ากาหลิบตรัสว่าถ้าใครบอกว่าตายก่อนจะได้ทองพันลิ่ม พอสิ้นเสียงตรัสอาบูและอัวดัดก็ลุกขึ้นทั้งคู่  พร้อมกับทูลว่าตายก่อน  สองกษัตริย์และคนทั้งหลายพากันขบขันครื้นเครงอาบูและอัวดัดได้รับอภัยโทษและได้รับทองอีกคนละพันลิ่ม\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"43\" width=\"550\" src=\"/files/u40856/lineth_bar.gif\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/81959\"><img height=\"80\" width=\"132\" src=\"/files/u40856/home.jpg\" /></a>   <a href=\"/node/85529\"><img height=\"80\" width=\"207\" src=\"/files/u40856/girl.jpg\" /></a> \n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1720397559, expire = 1720483959, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:42e0dacd9bdf795f96788d7ba6d97bc5' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

นอซาตอลอัวดัด

 นอซาตอลอัวดัด

ที่มา: หนังสือนางในวรรณคดี

 

ลิลิตนิทราชาคริตนี้  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๒  โดยทรงแปลเก็บเนื้อความมาจากนิทาน เรื่อง " The Sleeper Awaken " ซึ่งเป็นนิทานอาหรับโดยไม่ทราบว่าใครแต่ง  และแต่งเมื่อใด

ความมุ่งหมาย     พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ในงานปีใหม่

ลักษณะการแต่ง    แต่งเป็นลิลิตสุภาพ  มีร่ายและโคลงสลับกัน

เนื้อหาสาระ

เป็นนิทานเรื่องหนึ่งที่นางเซหะระซัดเล่าถวายพระราชา  โดยเล่าว่า...............
พระเจ้ากาหลิบพระองค์หนึ่งพระนามว่า  พระเจ้าฮารูนอาลราษจิต  เสวยราชสมบัติ ณ กรุงแบกแดด  พระองค์ทรงปลอมเป็นพ่อค้า  เที่ยวสัญจรไปตามเมืองต่างๆอยู่เนืองนิตย์  ประชาชนจึงอยู่เย็น

เป็นสุขเรื่อยมา  มีทายาทของนายพาณิชผู้มั่งมีคนหนึ่งชื่อ  อาบูหะซัน  เมื่อบิดาสิ้นชีพแล้ว  เขาจึงแบ่งทรัพย์สมบัติออกเป็น ๒ ส่วน  ส่วนหนึ่งซื้อที่ดินเรือกสวนไร่นาและตึกรามบ้านช่องไว้ให้
คนเช่าอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้เพื่อการสำราญเลี้ยงเพื่อนฝูงและนารี  โดยไม่คิดทำการค้าขายอีกต่อไป  อาบูประพฤติเช่นนี้เป็นเวลา ๑ ปี เงินทองก็หมดสิ้นไป  จึงเที่ยวยืมเงินเพื่อนฝูง แต่กลับต้องผิดหวัง

เมื่อเพื่อนฝูงหลบหน้า และพากันรังเกียจ  เขาจึงพากเพียรเก็บออมเงินทองเพื่อค้าขายใหม่   ในไม่ช้าเขาก็กลับมามั่งคั่งตามเดิม  เขาได้ตั้งสัตย์ไว้ในใจว่าจะไม่คบเพื่อนฝูงในเมืองแบกแดดอีกเป็นอันขาดและจะคบแต่เพื่อนต่างเมืองเท่านั้น  เพียงคืนเดียว เมื่อพบปะกันอีกก็จะทำเป็นไม่รู้จัก

วันหนึ่งพระเจ้าฮารูนอาลราษจิต  ปลอมพระองค์เป็นพ่อค้ามาเมืองมุศสุล  มีทาสผิวดำมาด้วยคนหนึ่ง  เมื่อเสด็จมาถึงบ้านอาบูจึงได้รับเชิญให้เข้าไปในบ้านของตน  และบอกว่าจะต้อนรับเพียงคืนเดียว  พระเจ้ากาหลิบเห็นแปลกก็รับเชิญ  ขณะบริโภคอาหารและดื่มสุราอย่างสนุกสนานนั้นพระเจ้ากาหลิบพยายามลวงถามถึง ชีวิตอาบู  และความเป็นไปของคนในแบกแดด อาบูก็เล่าความจริง   ถึงอีแมนซึ่งเป็นอาจารย์และศิษย์ทั้งสี่  ว่าประพฤติตนชั่วช้าและเล่าต่ออีกว่า  หากเขาเป็นพระเจ้ากาหลิบจะจับอีแมนกับศิษย์มาเฆี่ยนประจานให้หลาบจำ  ตกดึกพระเจ้ากาหลิบจึงโรยยาสลบให้อาบูดื่ม  เมื่ออาบูสิ้นสติจึงสั่งทาสให้แบกอาบูเข้าวังทันที

พระเจ้ากาหลิบจึงสั่งให้แต่งเครื่องทรงอาบูอย่างกษัตริย์  และกำชับขุนนางให้ปฏิบัติกับอาบูเหมือนปฏิบัติกับพระองค์  ครั้งรุ่งขึ้นอาบูตื่นจึงคิดว่าตนฝันไป  แต่เหล่าสนมและอำมาตย์ยืนยันว่าเขาคือกาหลิบจริงๆ  อาบูจึงเคลิ้มว่าตนเป็นกาหลิบจึงๆบ้าง  เมื่อเสด็จออกว่าการ อาบูกาหลิบก็ตัดสินข้อราชการได้ถูกต้อง  พร้อมสั่งพวกนครบาลไปจับตัวอีแมนและศิษย์ทั้งสี่มาลงโทษประจาน และสั่งให้นำทองคำพันลิ่มไปมอบให้นางจอบแก้วผู้เป็นมารดาด้วย

ตกค่ำเมื่อเสวยพระกระยาหาร  นางกำนัลนามว่าฟองไข่มุกลอบวางยาสลบลงในถ้วยสุราเมื่ออาบูสิ้นสติแล้วพระ เจ้ากาหลิบจึงรับสั่งให้เปลี่ยนชุด  และให้ทาสดำแบกไปส่งบ้านเดิมของเขา

รุ่งขึ้นอาบูตื่นขึ้นเวลาบ่าย  ยังคงเพ้อพกถึงความสนุกสนานในวัง ครั้งมารดามาเตือนว่าตนเองคืออาบูก็กลับทุบตีมารดา  ชาวบ้านจึงจับเขาไปส่งโรงพยาบาลโรคจิต    อาบูถูกโบยตีสาหัสจึงมีสติเช่นเดิม

หลังจากนั้นอีกเดือนหนึ่งพระเจ้ากาหลิบจึงปลอมพระองค์มาหาอาบูใหม่  และทรงกระทำเช่นเดิมอีกนครั้งนี้อาบูเกิดสนุกสนานจนลุกขึ้นมาเต้นรำกับสนม กำนัล  พระเจ้ากาหลิบซึ่งแอบทอดพระเนตรอยู่สุดจะกลั้นได้พระสรวลลั่นออกมา  เมื่ออาบูทราบว่ามิตรของตนคือ พระเจ้ากาหลิบ ก็เข้าไปขอพระราชทานอภัยโทษ  กาหลิบจึงตั้งให้อาบูอยู่รับราชการในสำนักพร้อมทั้งพระราชทานนางนอซาตอลอัวดัดให้เป็นภรรยาของอาบูด้วย

อาบูกับอัวดัดอยู่กินกันอย่างมีความสุข  ทั้งสองใช้สอยเงินอย่างฟุ่มเฟือยไม่นานเงินพระราชทานก็หมดลง  อาบูจึงออกอุบายว่าตนจะไปทูลพระเจ้ากาหลิบว่านางอัวดัดตายเพื่อจะได้รับพระราชทานเงินปลงศพ  ส่วนนางอัวดัดก็ให้ไปทูลพระนางโซบิเดว่าอาบูตายจะได้รับพระราชทานเงินเช่น กัน  ในที่สุดพระเจ้ากาหลิบและพระนางโซบิเดจึงเสด็จมาที่เรือนอาบูทั้งสองจึง แกล้งทำเป็นตาย    

พระเจ้ากาหลิบตรัสว่าถ้าใครบอกว่าตายก่อนจะได้ทองพันลิ่ม พอสิ้นเสียงตรัสอาบูและอัวดัดก็ลุกขึ้นทั้งคู่  พร้อมกับทูลว่าตายก่อน  สองกษัตริย์และคนทั้งหลายพากันขบขันครื้นเครงอาบูและอัวดัดได้รับอภัยโทษและได้รับทองอีกคนละพันลิ่ม

 

   

 

 

สร้างโดย: 
นางสาววาสินี เที่ยงน่วม และครูศรีสวาสดิ์ บุนนาค

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 449 คน กำลังออนไลน์