นางนพมาศ
นางนพมาศ
ที่มา: หนังสือนางในวรรณคดี
นางนพมาศ เป็นสตรีมีชื่อกึ่งตำนาน กึ่งประวัติ ไม่แน่ชัดว่าเป็นบุคคลจริง ตามเรื่องเล่า นางนพมาศเป็นธิดาพราหมณ์โชตรัตน์กับนางเรวดี พราหมณ์โชตรัตน์รับราชการในสมเด็จพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัย ตำแหน่งพระศรีมโหสถ มีหน้าที่ดูแลกิจการตกแต่งพระนครจัดงานพระราชพีสิบสองเดือน พระศรีมโหสถให้ธิดาเล่าเรียนวิชาการต่างๆ ทั้งอ่านเขียน ภาษาไทย ภาษาสันสกฤต คัมภีร์ต่างๆ ตำราโหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ ทั้งยังให้หัดแต่งบทร้อยกรอง ท่องสุภาษิตต่างๆ เรียนรู้ถึงพระราชพิธีสิบสองเดือน งานของสตรีมิได้ละเลย นางนพมาศมีความสามารถในการร้อยมาลัย แกะสลักผลไม้ต่างๆ สติปัญญาดี หน้าตางดงาม เป็นที่เลื่องลือว่าถึงพร้อมด้วยรูปสมบั
ติ ปัญญาสมบัติ และทรัพย์สมบัติ จน
มีผู้แต่งเพลงขับยอเกียรตินพมาศไปทั่ว
วันหนึ่ง หญิงขับร้องในพระราชวังได้ขับเพลงพิณยอเกียรตินางนพมาศขึ้น พระร่วงได้ทรงสดับจึงสนพระทัยไถ่ถามขึ้น ท้าวจันทรนาถภักดี นางพระกำนัลผู้ใหญ่จึงกราบบังคมทูลว่า นางนพมาศนี้มีตัวตนจริง เป็นธิดาพระศรีมโหสถ จึงโปรดให้นำนางขึ้นถวายตัวเป็นพระสนม ขณะนั้นนพมาศอายุได้ 17 ปี แต่ถ้านับตามเดือนอายุเพียง 15 ปี 8 เดือน กับ 24 วัน
นางนพมาศมีความรู้และขยันประดิษฐ์คิดทำสิ่งต่างๆ ไม่อยู่เฉย เมื่อถึงพระราชพิธีจองเปรียงในวันเพ็ญเดือนสิบสอง นางก็คิดทำโคมเป็นรูปดอกบัว ตกแต่งด้วยผลไม้แกะสลักเป็นรูปนกยูง หงส์ และสัตว์สวยงามอื่นๆ เป็นที่ต้องพระราชหฤทัย จึงโปรดให้ทำกระทงรูปดอกโกมุทหรือดอกบัวบูชา และนิยมทำสืบต่อมาในงานลอยพระประทีป ที่เรียกกันว่างานลอยกระทงนั่นเอง
นอกจากกระทงรูปดอกบัวแล้ว นางนพมาศยังได้คิดทำพานขันหมาก ร้อยดอกไม้เป็นรูปพานสองชั้นรองขันตัวพานสองชั้นใช้ดอกไม้สีเหลือง ซ้อนสลับประดับดอกไม้สีแดงสีขาวและสีอื่นๆประสานกันเป็นระบาย ใส่หมากที่อบจนหอม มีตาข่ายดอกไม้คลุม ถวายสมเด็จพระร่วงเจ้าทรงใช้ในพระราชพิธีสนานใหญ่ นั่นคือพิธีเดือน 5 ทรงออกรับเครื่องราชบรรณาการที่บรรดาท้าวพระยาเมืองขึ้น ขุนนาง เศรษฐี และผู้มีตระกูลต่างๆนำมาถวาย พานขันหมากนี้ใส่หมากที่พระร่วงเจ้าทรงหยิบพระราชทานแก่ผู้มาเข้าเฝ้า เมื่อทอดพระเนตรเห็นพานดอกไม้ของนางนพมาศก็โปรดว่างาม ควรเป็นแบบอย่างในแผ่นดินต่อไป และพระราชทานพานขันหมากสำหรับพระมหาอุปราช เป็นเกียรติแก่นางนพมาศ รับสั่งว่าต่อไปผู้ใดจะทำพิธีมงคลให้จัดพานขันหมากตามแบบของนางนพมาศนี้สืบไป
ถึงเดือน 8 มีพระราชพิธีเข้าพรรษา นางนพมาสก็คิดทำพนมพระวรรษา คือพุ่มดอกไม้ทองตกแต่งงดงามสำหรับบูชาพระ เป็นแบบอย่างสืบมา
นางนพมาสรับราชการเป็นที่โปรดปราน จึงได้รับพระราชทานตำแหน่งเป็นพระสนมเอกขนานนามว่า ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เชื่อกันว่านางได้แต่งหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ว่าด้วยประวัติของตนเองและเกี่ยวกับพระราชพิธีพราหมณ์ คือพระราชพิธี 12 เดือน ไว้อย่างละเอียดแต่หนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์นี้ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่า อาจจะไม่ใช่หนังสือที่แต่งในสมัยสุโขทัยจริง เพราะภาษาและข้อความหลายอย่างน่าจะอยู่ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ประมาณรัชกาลที่3 ข้อถกเถียงนี้ยังไม่เป็นที่ยุติ ตำราประวัติวรรณคดีปัจจุบันยังจัดให้เป็นวรรณคดีในสมัยสุโขทัย สมเด็จพระร่วงเจ้าในหนังสือเล่มนี้ น่าจะเป็นพระเจ้าลิไท ผู้ทรงพระราชนิพนธ์ไตรภูมิพระร่วง
มีข้อสันนิษฐานที่พอจะเชื่อได้ว่า เดิมทีคงมีหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์จริง เพราะรายละเอียดพระราชพิธีเป็นแบบแผนอย่างเก่าก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา นักโบราณคดีถือว่ามีคุณค่าแต่ฉบับเดิมคงจะสูญหายไปมากจึงมีผู้แต่งเพิ่มเติมขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ผู้แต่งใหม่มิได้ระมัดระวังข้อเท็จจริงเท่าที่ควร จึงมีข้อบอกพร่องให้สังเกตได้หลายแห่ง
ชื่อนางนพมาศนี้จึงปรากฏมาในปัจจุบัน ถึงวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสอง ก็มีงานลอยกระทง มีการประกวดนางนพมาศกันมาจนถึงทุกวันนี้