• user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('บัญชีผู้ใช้', 'user/login', '', '3.128.30.217', 0, '72e2f143fed5fa525473a5d92c3781fc', 155, 1718440788) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:b7cd3d0733bf16123fdf16568fbde14f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><h1 align=\"center\" style=\"text-align: center; margin: auto 0in\"><span style=\"font-size: x-large\"><sup><strong><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; color: green; font-weight: normal\">อารยธรรมเมโสโปเตเมีย</span></strong><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\'; color: green; font-weight: normal\"><o:p></o:p></span></sup></span></h1>\n<h1 style=\"text-indent: 0.5in; margin: auto 0in\"><span style=\"color: #000000\"><sup><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt; font-weight: normal\">ประมาณ </span><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt; font-weight: normal\">3200-2800 <span lang=\"TH\">ปีก่อนคริสตกาล พวกสุเมเรียนตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ซูเมอร์ (</span><st1:country-region w:st=\"on\"><st1:place w:st=\"on\">Sumer</st1:place></st1:country-region>) <span lang=\"TH\">ทางใต้ของเมโสโปเตเมีย</span> (<span lang=\"TH\">ดินแดนระหว่างแม่น้ำ </span>2 <span lang=\"TH\">สาย คือ แม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส) ปัจจุบันเมโสโปเตเมีย-ซูเมอร์อยู่ในประเทศอิรัก</span><o:p></o:p></span></sup></span></h1>\n<p><sup><strong><u><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; color: black; font-size: 18pt\">ประวัติอารยธรรมเมโสโปเตเมีย เมื่อ </span></u></strong><strong><u><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; color: black; font-size: 18pt\">2000 <span lang=\"TH\">ปีก่อนคริสตศักราช </span></span></u></strong><u><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><o:p></o:p></span></u><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\">จักรวรรดิอัสซีเรียตอนต้น (</span><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\">1800-1375 <span lang=\"TH\">ปีก่อนคริสตศักราช) เมื่อประมาณ </span>2500 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ. พวกอัสซีเรียอาศัยอยู่แถวแม่น้ำไทเกอร์ตอนบน ลักษณะนิสัยเป็นนักรบ เข้มแข็งอดทนต้นเนิดมาจากชนพื้นเมืองหลายเผ่าผสมกัน (นอกจากพวกสุเมเรียน) กับพวกเซมิติคอารยธรรมของพวกเขารับมาจากทางใต้ ชื่อ จักรวรรดิอัสซีเรีย และเมืองอัสสู มาจากชื่อ เทพเจ้าอัสส(</span>Assour = <span lang=\"TH\">เทพเจ้าอันสูงสุด) หลังจากที่ราชวงศ์ที่ </span>3 <span lang=\"TH\">ของเมืองเออร์ล่มสลายอัสซีเรียได้รับชัยชนะตั้งเมืองอัสสูและครองบาบิโลเนียทางตอนเหนือ (ราว </span>1800 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ.) เมื่อพวกฮิตไทท์เข้ามารุกราน ขัดขวางการค้ากับทางเหนือและทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ประชาชนมีรายได้น้อยลง จักรวรรดิอัสซีเรียจึงเสื่อมอำนาจ คนต่างชาติถือโอกาส<span>          </span>เข้ามาครองเมือง คือพระเจ้านาราม-ซิน แห่งเอชนุนนา (กฎหมายของพระองค์มีชื่อมาก) แต่พระเจ้าชามชิ-อาดัดที่ </span>1 (1749-1717 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ.) นำราชบัลลังก์มาคืนได้ ราชอาณาจักรของพระองค์กว้างขยายไปยังดินแดนที่เป็นภูเขาทั้งหมด ส่วนหนึ่งของเมโสโปเตเมียและราชอาณาจักรมารี ทรงสร้างและรักษาสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ พระราชโอรสของพระองค์ชื่อ อิชเม-ดากานที่ </span>1 <span lang=\"TH\">พ่ายแพ้ต่อพระจ้าริม-สิน แห่งลาร์ซา และภายหลังตกเป็นเมืองขึ้นของพระเจ้าฮัมมูราบีแห่งบาบิโลเนีย ประวัติของจักรวรรดิอัสซีเรียก่อน </span>1450 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ.ไม่ค่อยมีผู้ศึกษามากนัก ครั้งสุดท้ายอัสซีเรียกลายเป็นรัฐหนึ่งที่ขึ้นกับอาณาจักรมิตานนี (ในอิรักปัจจุบัน) </span></span></span></sup></p>\n<p>\n<sup><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span lang=\"TH\"></span></span></span></sup>\n</p>\n<p>\n<sup><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span lang=\"TH\"></span></span></span></sup>\n</p>\n<p><sup><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span lang=\"TH\"></span></span></span></sup><sup><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span lang=\"TH\"></span><o:p></o:p></span></span><strong><u><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; color: black; font-size: 18pt\">นครรัฐบาบิโลน </span></u></strong><u><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><o:p></o:p></span></u><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\">1728-1686 <span lang=\"TH\">พระเจ้าฮัมมูราบี แห่งเมืองบาบิโลน </span> <span lang=\"TH\">ตอนพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์นั้นมีนครรัฐ </span>6 <span lang=\"TH\">รัฐ กำลังทำสงครามกัน คือ ลาร์ซา เอชนุนนา บาบิโลน กาทนา จามซาด(เอเลปปัจจุบัน )และอัสสู นครรัฐลาร์ซา มารี และบาบิโลน นั้นร่วมกันทำสงครามต่อต้านนครรัฐเอชนุนนา อีลาม พวกชาวเขาและนครรัฐอัสสูมาเป็นเวลา </span>15 <span lang=\"TH\">ปี เมื่อพระเจ้าฮัมมูราบีได้รับชัยชนะเหนือนครรัฐเพื่อนบ้านแล้ว จึงเกลี้ยกล่อมพระเจ้าริม-สิน แห่งลาร์ซา และ<span>  </span>ซิมริลิมแห่งมารีให้เป็นพวกของพระองค์ พระเจ้าซิมริลิมพระองค์นี้เองที่เป็นผู้ก่อสร้างพระราชวังที่มีชื่อเสียงที่เมืองมารี ณ ที่นี้นักโบราณคดีขุดพบแผ่นดินเหนียวเล่าเรื่องราวต่างๆ ถึง </span>20,000 <span lang=\"TH\">แผ่น ถือเป็นหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญมาก</span><span lang=\"TH\">กฎหมายฮัมมูราบี บอกให้เราทราบถึงความห่วงใยที่พระเจ้าฮัมมูราบีมีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพลเมืองของพระองค์ กฎหมายนี้ตั้งอยู่บนรากฐานของการกำหนดโทษผู้กระทำผิดการลงโทษสมัยนี้มีการโบยด้วยแซ่ ตัดสินประหารชีวิต (แทงด้วยของแหลม เผาไฟ ถ่วงน้ำ) ภาษาราชการในบาบิโลน คือภาษาอัคคาเดียน รับอิทธิพลทางวรรณคดีจากเมโสโปเตเมีย เทพเจ้าที่สำคัญมีมาร์ดุคแห่งบาบิโลน เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ชามาช เทพแห่งความรักอิชทาร์ กษัตริย์ที่ครองราชย์ต่อจากพระเจ้าฮัมมูราบีเสียดินแดนทางใต้ และทำสงครามกับพวกคาสไซท์และฮูไรท์หลายครั้ง</span> </span></span></sup></p>\n<p>\n<sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"></span></span></sup>\n</p>\n<p>\n<sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"></span></span></sup>\n</p>\n<p><sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"></span></span></sup><sup><strong><u><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. <o:p></o:p></span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\">1531 <span lang=\"TH\">พระเจ้ามูร์ซิลที่ </span>1 <span lang=\"TH\">ของพวกฮิตไทท์ปล้นและเผาบาบิโลน (</span>1530-1160 <span lang=\"TH\">สมัยคาสไซท์ ชาวอิหร่าน )</span></span></span></u></strong></sup><sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\">1160 <span lang=\"TH\">เมืองบาบิโลนถูกปล้นอีกครั้ง และอำนาจของพวกคาสไซท์ก็หมดลงเพราะแพ้ต่อพวกอีลาม (ที่ </span>13) <span lang=\"TH\">จาก </span>1137 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ.เป็นต้นมา บาบิโลนรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งสมัยพระเจ้านาบุโคโดโนซอร์ที่ </span>1 (<span lang=\"TH\">ราชวงศ์ที่ </span>4 <span lang=\"TH\">ของบาบิโลน) ทรงปลดปล่อยบาบิโลนจากพวกอีลาม และทรงตั้งอาณาจักรใหม่ หลังรัชกาลของพระองค์ บาบิโลนก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของอัสซีเรียอีก</span><strong><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-weight: normal\"><o:p></o:p></span></strong></span></span><strong><u><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; color: black; font-size: 18pt\">พวกฮูไรท์</span></u></strong><strong><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; color: black; font-size: 18pt\"> </span></strong></sup><b><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><br />\n</span></b><sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\">ดินแดนเมโสโปเตเมียตอนเหนือ ได้รับการรุกรานจากพวกฮูไรท์ที่มาจากแถวทะเลสาบแวน พวกนี้รุกรานต่อไปในอัสซีเรีย เมโสโปเตเมียทั้งหมด ตุรกี ซีเรีย เลบานอน ปาเลสไตน์ ทุกแห่งที่พวกฮูไรท์เข้าไปอยู่ จะไปในลักษณะชนชั้นเหนือกว่าผู้อื่น (</span>Marjanni<span lang=\"TH\"> </span><span> </span>= <span lang=\"TH\">นักรบ </span>; <span lang=\"TH\">ภาษาอินเดียว่า มารจา = อัศวินหนุ่ม) เป็นเจ้าที่ดิน และที่ดินถือเป็นมรดกสืบสกุล แต่เจ้าของที่ดินมีสิทธิ์ยกให้ใครก็ได้ตามใจชอบ พวกนักรบฮูไรท์ใช้รถเทียมม้าอันเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสูง <span>   </span></span></span></span></sup> </p>\n<p>\n<span><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\"><span></span><u><strong>ด้านศาสนา</strong></u></span></span></span>\n</p>\n<p>\n<span><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\"></span></span></span><sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\"><span>  </span>เทพเจ้าที่สำคัญ คือ เตชุม</span> (<span lang=\"TH\">เทพเจ้าแห่งดินฟ้าอากาศ) เซปาท (เทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์)และคูมาร์บิ</span> (<span lang=\"TH\">บิดาแห่งเทพทั้งหลาย) แต่ชนอารยันชั้นสูงบูชาเทพเจ้าอินเดีย คือ พระอินทร์มิตรา และวรุณ <span> </span></span></span></span></sup>\n</p>\n<p>\n<sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\"><strong><u><span>ด้าน</span>ศิลปะ</u></strong></span></span></span></sup>\n</p>\n<p>\n<sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\">    แผ่นหินสลักภาพนูนต่ำเรียงเป็นแถว และการสร้างบ้านตามยาวแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า</span></span></span></sup>\n</p>\n<p><sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\"></span><o:p></o:p></span></span><span style=\"color: #000000\"><strong><u><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\">จักรวรรดิอัสซีเรียตอนกลาง (</span></u></strong><strong><u><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\">1375-1047 <span lang=\"TH\">ปีก่อนคริสตศักราช)</span></span></u></strong><strong><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"> </span></strong></span></sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><br />\n<span style=\"color: #000000\"><sup>   1390-1364 <span lang=\"TH\">กษัตริย์อัสซีเรีย เอริบา-อาดาด สมทบกับพวกฮิตไทท์ รุกรานอาณาจักรมิตานนี ภายหลังเกิดสงครามครั้งใหญ่เป็นโอกาสให้พวกอาร์เมเนียเข้ามาโจมตี อาณาจักรฮิตไทท์<span>  </span>ล่มสลายลง อำนาจของอัสซีเรียเสื่อม </span>1112-1074 <span lang=\"TH\">พระเจ้าเตกลาธฟาลาซาร์ที่ </span>1 <span lang=\"TH\">เป็นผู้นำอำนาจอัสซีเรียกลับมาเหมือนเดิม จากนั้นทำสงครามขยายดินแดนขึ้นไปทางเหนือ ซีเรียต้องส่งส่วยให้อัสซีเรีย กษัตริย์องค์ต่อมาทำสงครามกับพวกอาร์เมเนีย เทคนิคการทำสงครามรถรบอยู่ตรงกลางพลเดินเท้าและกองเสบียงสวมเกราะ ถือโล่ห์อยู่ตรงปีกซ้ายขวา มีการใช้เหล็กเมื่อประมาณ </span>1200 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ. ช่างตีเหล็กทำอาวุธของพวกฮิตไทท์เดินทางไปในกองทัพด้วย พวกฮิตไทท์เป็นเจ้าของดินแดนที่มีแร่เหล็กมากกฎหมายและการลงโทษ ตัดหรือเจาะหู ตัดริมฝีปากและนิ้ว ตัดอวัยวะเพศชาย ยางมะตอยราดหน้าให้เสียโฉม</span></sup></span></span> </p>\n<p>\n<span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><sup><b><u><span lang=\"TH\">ด้านเศรษฐกิจ</span></u></b><span lang=\"TH\"><span> </span></span></sup></span></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><sup><span lang=\"TH\"><span>    </span></span></sup></span></span><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><sup><span lang=\"TH\">การ</span></sup></span></span><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><sup><span lang=\"TH\">ค้าแบ่งระหว่างวัด กษัตริย์ และขุนนาง การเกษตรกรรมรุ่งเรืองมาก มีการพัฒนาเทคนิคการไถนา</span></sup></span></span>\n</p>\n<p><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><sup><span lang=\"TH\"></span><o:p></o:p></sup></span></span><sup><strong><u><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; color: black; font-size: 18pt\">ประวัติอารยธรรมเมโสโปเตเมีย เมื่อ </span></u></strong><strong><u><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; color: black; font-size: 18pt\">1000 <span lang=\"TH\">ปีก่อนคริสตศักราช </span></span></u></strong></sup><sup><span><span lang=\"TH\">      </span></span></sup><sup><span><span><u><strong><span lang=\"TH\"></span></strong></u></span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\">พระเจ้าอัสสูร์นาซิปาลที่ </span></span></sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><sup>2 <span lang=\"TH\"><span> </span>ขึ้นครองราชบัลลังก์ (</span>883-859 <span lang=\"TH\">ปีกอ่นค.ศ.) พระองค์ได้ชื่อว่า เป็นกษัตริย์ที่เหี้ยมโหดที่สุดของอัสซีเรีย ทรงขยายอาณาเขตไปกว้างไกลด้วยการทำสงครามกับเพื่อนบ้าน ทรงนำวิธีการทำสงครามแบบใช้กองทัพม้า เป็นครั้งแรก ทรงมีวิธีที่เหี้ยมโหดในการทำให้คนยอมรับพระองค์ คือ การทรมานร่างกายด้วยวิธีต่างๆ หรือไม่ก็ฆ่าเสียให้ หมดสิ้น เมืองหลวงย้ายจากอัสซีเรียมาที่กาลาห์(เหนือเมืองอัสสู) ซึ่งพระองค์ก็ทรงสร้างพระราชวัง และนำเชลยสงครามมาไว้ที่นี่ โอรสของพระองค์ คือ พระเจ้าซาลมานาสาร์ที่ </span>3 (858-824 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ.) ทรงสนพระทัยซีเรียและปาเลสไตน์เพราะต้องการควบคุมเส้นทางการค้าจากแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติสมายังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทรงโจมตีเมืองดามัส <span> </span>(เมืองหลวงของซีเรียปัจจุบัน) แต่ไม่สำเร็จ ขณะนั้นที่เมืองนี้มีชาวอาร์เมเนียอยู่มาก ตอนนี้เองที่ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวถึงพวกมีดส์และพวกเปอร์เซีย (</span>835 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ.) ปลายสมัยของพระองค์ ซามสิ-อาดัด ผู้เป็นโอรสก่อกบฎ แต่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจาก บาบิโลเนียจึงทำการสำเร็จ และขึ้นเป็นกษัตริย์ซามสิ-อาดัด ที่ </span>5 <span lang=\"TH\">และจากการช่วยเหลือนี้เองที่ทำให้อัสซีเรียต่อต้านพวกมีดส์ที่เข้ามารุกรานไว้ได้ ตอนนั้นพวกมีดส์ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ แถวทะเลสาบอูร์เมีย</span> (<span lang=\"TH\">ปัจจุบันอยู่ในอิหร่านตอนเหนือใกล้ทะเลสาบวาน) </span>810-806 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ.</span><br />\n<span lang=\"TH\">พระเจ้าเซริรามิส (ซามมูรามาท) ครองราชย์ทรงมีชื่อเสียงทั้งในและนอกประเทศ กษัตริย์ต่อจากพระองค์ทำสงครามกับพวกบาบิโลเนีย พวกมีดส์และโดยเฉพาะกับพวกอาณาจักรอูราตู(ที่ทะเลสาบวาน ปัจจุบันอยู่ในตุรกีตะวันตก)</span>745-724<span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ.พระเจ้าเตกลาธฟาลาซาร์<span>  </span>ที่ </span>3<span lang=\"TH\"> ทรงตั้งอาณาจักรอัสซีเรียอันยิ่งใหญ่ปราบเจ้าครองนครรัฐต่างๆและทรงทำอาณาจักรให้เข้มแข็ง ทรงได้ชัยชนะเหนือพระเจ้าซาร์ดูร์ที่ </span>2 <span lang=\"TH\">แห่งอูราตู และ รุกรานซีเรียตอนเหนือ ดามัส และกาซา <span> </span>พระองค์กลายเป็นกษัตริย์ของบาบิโลนภายใต้พระนามว่า พระเจ้าปูลูกษัตริย์ต่อจากพระองค์ คือ พระเจ้าซาลมานาสาร์ที่ </span>5 <span lang=\"TH\">ทรงไม่ลงรอยกับพวกพระ จึงถูกลอบปลงพระชนม์ที่ซามารี (เหนือเยรูซาเล็ม) </span>772-705 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ. พระเจ้าซาร์กอนที่ </span>2 (Sharroukin = <span lang=\"TH\">กษัตริย์ผู้ทรงธรรม) ทรงฟื้นฟูด้านศาสนาและ</span><u><o:p></o:p></u></sup></span></span><b><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><br />\n</span></b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><sup>ให้พวกพระมีอภิสิทธิ์เหมือนเดิมเช่นเดียวกับเชื้อพระวงศ์ ทรงชนะพวกนครรัฐของฮิตไทท์ ได้ครองอูราตู ทำสงครามกับพวกมีดส์ ขยายอำนาจเหนือบาบิโลน ชนะต่ออียิปต์ที่<span>                  </span>เมืองราเฟีย (เมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งอยู่บนคาบสมุทรซีนาย) ทรงสร้างเมืองหลวง ที่ ดูร์-ซาร์รูคิน (หรือ โฆร์สาบัด เหนือเมืองกาลาห์) โอรสของพระองค์ คือ พระเจ้าเซนนาเซริม (</sup></span></span><sup><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\">704-618 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ.) เป็นกษัตริย์ที่มีอำนาจเด็ดขาด เมื่อ </span>701 <span lang=\"TH\">ปีก่อน ค.ศ. ทรงทำให้แคว้นยูดา (เมืองหลวง คือ เยรูซาเล็ม) เข้ามาอยู่ในอำนาจ ทรงทำลาย<span> </span>บาบิโลน ทรงขยายเมืองนินิฟ ซึ่งเป็นเมืองแรกของนครรัฐของพระองค์ด้วยการเกณฑ์ทหารในกองทัพมาเป็นจำนวนมาก</span> (<span lang=\"TH\">สร้างกำแพง </span>2 <span lang=\"TH\">ชั้น สูง </span>25 <span lang=\"TH\">เมตร มีหอสังเกตการณ์ </span>15 <span lang=\"TH\">หอ) <span> </span>มีการขุดคลองยาวถึง </span>50 <span lang=\"TH\">กิโลเมตร เพื่อให้คนมีน้ำใช้ทั่วถึง มีสะพานส่งน้ำยาว </span>280 <span lang=\"TH\">เมตร และกว้าง </span>22 <span lang=\"TH\">เมตร ความที่ทรงเป็นกษัตริย์ที่เข้มงวด จึงมีคนลอบปลงพระชนม์ โอรสองค์สุดท้องคือ พระเจ้าอัสสาร์ฮาดดอน (</span>680-669 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ.) ขึ้นครองราชย์และทรงสร้างบาบิโลนใหม่ ทรงทำสัมพันธไมตรีกับพวกซิธ</span> (<span lang=\"TH\">เชื้อสายเดียวกับพวกอิหร่าน)ขับไล่<span> </span>ซิมเมเรียน (จากรัสเซียตอนใต้) ออกไปและรบชนะอียิปต์ได้ดินแดนจนถึงนูเบียนับเป็น สมัยที่อาณาจักรอัสซีเรียกว้างขวางที่สุด</span>668-626 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ. พระเจ้าอัสสูร์บานิปาลทำลายเมืองธีบส์ของอียิปต์แต่เป็นเพราะอียิปต์อยู่ไกลมากจึงไม่อาจปกครองได้ ประกอบกับพระเชษฐาที่ครองบาบิโลนก่อกบฎโดยได้รับความร่วมมือจากศัตรูของอัสสูร์ <span> </span></span>648 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ. ทรงยึดบาบิโลนไว้ในอำนาจ</span> 639 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ. ทำลายซูส (อีลาม) ทรงสร้างหอสมุดใหญ่ที่นินิฟ (มีแผ่นดินเหนียวบันทึกถึง </span>22,000 <span lang=\"TH\">แผ่น เป็นบทกวี วรรณคดี ประวัติศาสตร์ ปรัชญา การแพทย์ <span> </span>ดาราศาสตร์ รายการสินค้าและบัญชี) ต่อมามีเรื่องไม่สงบในประเทศและพวกซีธเข้ามาบุกรุกทำให้บ้านเมืองเสื่อม พระเจ้าซียาซาร์แห่งมีเดีย (มีดส์) และพระเจ้านาโบโปลาสซาร์แห่งบาบิโลนยึดอำนาจและทำลายเมืองทุกเมืองของพวกอัสซีเรีย ประชากรถูกฆ่าตายหมด</span></span></span></sup></p>\n<p><o:p></o:p><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><o:p><span style=\"color: #000000\"> </span></o:p></span><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><o:p><span style=\"color: #000000\"> </span></o:p></span><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><o:p><span style=\"color: #000000\"> </span></o:p></span><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\">งานศิลปกรรม พระราชวังขนาดมหึมาพร้อมงานประติมากรรมตกแต่งที่ได้สัดส่วนกับขนาดของสถาปัตยกรรม มีที่เมืองนินิฟ กาลาห์ ดูร์-ซาร์รูคิน และอัสสูร์ (ภาพการล่าสัตว์ สงคราม และเทพเจ้า) ภาพเล่าเรื่องราวเป็นภาพประติมากรรมแบบนูนต่ำ<strong><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-weight: normal\">จักรวรรดิ<span>                                     </span>บาบิโลเนียตอนปลาย (</span></strong></span><strong><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt; font-weight: normal\">625-539 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ.) </span></span></strong><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\">พวกคาลเดี้ยนพยายามชนะบาบิโลเนียจนสำเร็จหลังรัชกาลพระเจ้าอัสสูร์บานิปาล</span></span><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><sup>625-605 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ. พระเจ้านาโบโปลาสซาร์ทรงเป็นกษัตริย์ครองบาบิโลน อีลาม เมโสโปเตเมียตะวันตก ซีเรีย และปาเลสไตน์ </span>604-562 <span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ. พระเจ้านาบุโคโดโนซอร์ที่ </span>2 <span lang=\"TH\">ทรงเป็นนักการทูตที่ชาญฉลาด อาณาจักรของพระองค์รุ่งเรืองที่สุด ทรงขยายเมืองบาบิโลน สร้างถนนยาวหลายสาย สร้างประตูอิชทาร์ สร้างวัดอีสากิล สร้างพระราชวังที่งามที่สุด มีหอคอยเป็นชั้นๆ เรียกว่า อีเทเมนานกิ (หรือ ที่เรารู้จักกันในชื่อว่าหอบาเบล สูงถึง </span>90 <span lang=\"TH\">เมตร) <span> </span>สมัยนี้ผู้มีอิทธิพลมีอำนาจเท่าเทียมกัน </span> 598<span lang=\"TH\"> </span><span> </span><span lang=\"TH\">ปีก่อนค.ศ. ทรงครองเยรูซาเล็มตามข้อตกลงระหว่างแคว้นยูดาและอียิปต์</span> (<span lang=\"TH\"> ยิวอพยพออกจากประเทศเป็นครั้งแรก<span>  </span>) <span> </span></span>587 <span lang=\"TH\"><span> </span>ปีก่อน ค.ศ. ทำลายเยรูซาเล็ม ต่อจากนั้นบ้านเมืองเสื่อมเพราะกษัตริย์ขัดแย้งกับสาวกของพวกเทพเจ้ามาร์ดุก ฝ่ายหลังเลือกพระเจ้านาโบนิดให้เป็นกษัตริย์ (</span>553-539 <span lang=\"TH\">ปีก่อน ค.ศ.) ทรงได้ชื่อว่าเป็น &quot; นักโบราณคดีบนบัลลังก์ &quot; แต่ต่อมาไม่ลงรอยกับพวกพระทรงจำต้องออกจากบาบิโลนไป บาลธาซาร์เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทำหน้าที่แทนเป็นเวลา </span>10 <span lang=\"TH\"><span> </span>ปี </span>539 <span lang=\"TH\"><span> </span>ปีก่อนค.ศ. พระเจ้าซิรุสที่ </span>2<span lang=\"TH\"> แห่งเปอร์เซียยึดบาบิโลน<span> </span>บาบิโลนกลายเป็นเมืองหนึ่งของเปอร์เซีย</span> 331 <span lang=\"TH\">ปีก่อน ค.ศ. พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งกรีกยึดบาบิโลน   บาบิโลนรับอารยธรรมกรีกเฮเลนิสติก</span></sup></span></span></p>\n<p>\n<span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><span style=\"color: #000000\"><sup><o:p></o:p></sup></span></span></p>\n<h1 style=\"margin: auto 0in\"><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt; font-weight: normal\">\n<p><o:p><span style=\"color: #000000\"></span></o:p></p></span></h1>\n<h1 style=\"margin: auto 0in\"><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt; font-weight: normal\"><o:p><span style=\"color: #000000\"><sup> </sup></span></o:p></span></h1>\n<p><span style=\"font-family: \'Angsana New\'; font-size: 18pt\"><o:p><span style=\"color: #000000\"> </span></o:p></span> </p>\n', created = 1718440799, expire = 1718527199, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:b7cd3d0733bf16123fdf16568fbde14f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

รูปภาพของ chompoonuch

อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

ประมาณ 3200-2800 ปีก่อนคริสตกาล พวกสุเมเรียนตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ซูเมอร์ (Sumer) ทางใต้ของเมโสโปเตเมีย (ดินแดนระหว่างแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส) ปัจจุบันเมโสโปเตเมีย-ซูเมอร์อยู่ในประเทศอิรัก

ประวัติอารยธรรมเมโสโปเตเมีย เมื่อ 2000 ปีก่อนคริสตศักราช จักรวรรดิอัสซีเรียตอนต้น (1800-1375 ปีก่อนคริสตศักราช) เมื่อประมาณ 2500 ปีก่อนค.ศ. พวกอัสซีเรียอาศัยอยู่แถวแม่น้ำไทเกอร์ตอนบน ลักษณะนิสัยเป็นนักรบ เข้มแข็งอดทนต้นเนิดมาจากชนพื้นเมืองหลายเผ่าผสมกัน (นอกจากพวกสุเมเรียน) กับพวกเซมิติคอารยธรรมของพวกเขารับมาจากทางใต้ ชื่อ จักรวรรดิอัสซีเรีย และเมืองอัสสู มาจากชื่อ เทพเจ้าอัสส(Assour = เทพเจ้าอันสูงสุด) หลังจากที่ราชวงศ์ที่ 3 ของเมืองเออร์ล่มสลายอัสซีเรียได้รับชัยชนะตั้งเมืองอัสสูและครองบาบิโลเนียทางตอนเหนือ (ราว 1800 ปีก่อนค.ศ.) เมื่อพวกฮิตไทท์เข้ามารุกราน ขัดขวางการค้ากับทางเหนือและทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ประชาชนมีรายได้น้อยลง จักรวรรดิอัสซีเรียจึงเสื่อมอำนาจ คนต่างชาติถือโอกาส          เข้ามาครองเมือง คือพระเจ้านาราม-ซิน แห่งเอชนุนนา (กฎหมายของพระองค์มีชื่อมาก) แต่พระเจ้าชามชิ-อาดัดที่ 1 (1749-1717 ปีก่อนค.ศ.) นำราชบัลลังก์มาคืนได้ ราชอาณาจักรของพระองค์กว้างขยายไปยังดินแดนที่เป็นภูเขาทั้งหมด ส่วนหนึ่งของเมโสโปเตเมียและราชอาณาจักรมารี ทรงสร้างและรักษาสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ พระราชโอรสของพระองค์ชื่อ อิชเม-ดากานที่ 1 พ่ายแพ้ต่อพระจ้าริม-สิน แห่งลาร์ซา และภายหลังตกเป็นเมืองขึ้นของพระเจ้าฮัมมูราบีแห่งบาบิโลเนีย ประวัติของจักรวรรดิอัสซีเรียก่อน 1450 ปีก่อนค.ศ.ไม่ค่อยมีผู้ศึกษามากนัก ครั้งสุดท้ายอัสซีเรียกลายเป็นรัฐหนึ่งที่ขึ้นกับอาณาจักรมิตานนี (ในอิรักปัจจุบัน)

นครรัฐบาบิโลน 1728-1686 พระเจ้าฮัมมูราบี แห่งเมืองบาบิโลน  ตอนพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์นั้นมีนครรัฐ 6 รัฐ กำลังทำสงครามกัน คือ ลาร์ซา เอชนุนนา บาบิโลน กาทนา จามซาด(เอเลปปัจจุบัน )และอัสสู นครรัฐลาร์ซา มารี และบาบิโลน นั้นร่วมกันทำสงครามต่อต้านนครรัฐเอชนุนนา อีลาม พวกชาวเขาและนครรัฐอัสสูมาเป็นเวลา 15 ปี เมื่อพระเจ้าฮัมมูราบีได้รับชัยชนะเหนือนครรัฐเพื่อนบ้านแล้ว จึงเกลี้ยกล่อมพระเจ้าริม-สิน แห่งลาร์ซา และ  ซิมริลิมแห่งมารีให้เป็นพวกของพระองค์ พระเจ้าซิมริลิมพระองค์นี้เองที่เป็นผู้ก่อสร้างพระราชวังที่มีชื่อเสียงที่เมืองมารี ณ ที่นี้นักโบราณคดีขุดพบแผ่นดินเหนียวเล่าเรื่องราวต่างๆ ถึง 20,000 แผ่น ถือเป็นหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญมากกฎหมายฮัมมูราบี บอกให้เราทราบถึงความห่วงใยที่พระเจ้าฮัมมูราบีมีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพลเมืองของพระองค์ กฎหมายนี้ตั้งอยู่บนรากฐานของการกำหนดโทษผู้กระทำผิดการลงโทษสมัยนี้มีการโบยด้วยแซ่ ตัดสินประหารชีวิต (แทงด้วยของแหลม เผาไฟ ถ่วงน้ำ) ภาษาราชการในบาบิโลน คือภาษาอัคคาเดียน รับอิทธิพลทางวรรณคดีจากเมโสโปเตเมีย เทพเจ้าที่สำคัญมีมาร์ดุคแห่งบาบิโลน เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ชามาช เทพแห่งความรักอิชทาร์ กษัตริย์ที่ครองราชย์ต่อจากพระเจ้าฮัมมูราบีเสียดินแดนทางใต้ และทำสงครามกับพวกคาสไซท์และฮูไรท์หลายครั้ง

ค.ศ. 1531 พระเจ้ามูร์ซิลที่ 1 ของพวกฮิตไทท์ปล้นและเผาบาบิโลน (1530-1160 สมัยคาสไซท์ ชาวอิหร่าน )1160 เมืองบาบิโลนถูกปล้นอีกครั้ง และอำนาจของพวกคาสไซท์ก็หมดลงเพราะแพ้ต่อพวกอีลาม (ที่ 13) จาก 1137 ปีก่อนค.ศ.เป็นต้นมา บาบิโลนรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งสมัยพระเจ้านาบุโคโดโนซอร์ที่ 1 (ราชวงศ์ที่ 4 ของบาบิโลน) ทรงปลดปล่อยบาบิโลนจากพวกอีลาม และทรงตั้งอาณาจักรใหม่ หลังรัชกาลของพระองค์ บาบิโลนก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของอัสซีเรียอีกพวกฮูไรท์
ดินแดนเมโสโปเตเมียตอนเหนือ ได้รับการรุกรานจากพวกฮูไรท์ที่มาจากแถวทะเลสาบแวน พวกนี้รุกรานต่อไปในอัสซีเรีย เมโสโปเตเมียทั้งหมด ตุรกี ซีเรีย เลบานอน ปาเลสไตน์ ทุกแห่งที่พวกฮูไรท์เข้าไปอยู่ จะไปในลักษณะชนชั้นเหนือกว่าผู้อื่น (Marjanni  = นักรบ ; ภาษาอินเดียว่า มารจา = อัศวินหนุ่ม) เป็นเจ้าที่ดิน และที่ดินถือเป็นมรดกสืบสกุล แต่เจ้าของที่ดินมีสิทธิ์ยกให้ใครก็ได้ตามใจชอบ พวกนักรบฮูไรท์ใช้รถเทียมม้าอันเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสูง    

ด้านศาสนา

  เทพเจ้าที่สำคัญ คือ เตชุม (เทพเจ้าแห่งดินฟ้าอากาศ) เซปาท (เทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์)และคูมาร์บิ (บิดาแห่งเทพทั้งหลาย) แต่ชนอารยันชั้นสูงบูชาเทพเจ้าอินเดีย คือ พระอินทร์มิตรา และวรุณ  

ด้านศิลปะ

    แผ่นหินสลักภาพนูนต่ำเรียงเป็นแถว และการสร้างบ้านตามยาวแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า

จักรวรรดิอัสซีเรียตอนกลาง (1375-1047 ปีก่อนคริสตศักราช)
   1390-1364 กษัตริย์อัสซีเรีย เอริบา-อาดาด สมทบกับพวกฮิตไทท์ รุกรานอาณาจักรมิตานนี ภายหลังเกิดสงครามครั้งใหญ่เป็นโอกาสให้พวกอาร์เมเนียเข้ามาโจมตี อาณาจักรฮิตไทท์  ล่มสลายลง อำนาจของอัสซีเรียเสื่อม 1112-1074 พระเจ้าเตกลาธฟาลาซาร์ที่ 1 เป็นผู้นำอำนาจอัสซีเรียกลับมาเหมือนเดิม จากนั้นทำสงครามขยายดินแดนขึ้นไปทางเหนือ ซีเรียต้องส่งส่วยให้อัสซีเรีย กษัตริย์องค์ต่อมาทำสงครามกับพวกอาร์เมเนีย เทคนิคการทำสงครามรถรบอยู่ตรงกลางพลเดินเท้าและกองเสบียงสวมเกราะ ถือโล่ห์อยู่ตรงปีกซ้ายขวา มีการใช้เหล็กเมื่อประมาณ 1200 ปีก่อนค.ศ. ช่างตีเหล็กทำอาวุธของพวกฮิตไทท์เดินทางไปในกองทัพด้วย พวกฮิตไทท์เป็นเจ้าของดินแดนที่มีแร่เหล็กมากกฎหมายและการลงโทษ ตัดหรือเจาะหู ตัดริมฝีปากและนิ้ว ตัดอวัยวะเพศชาย ยางมะตอยราดหน้าให้เสียโฉม

ด้านเศรษฐกิจ 

    การค้าแบ่งระหว่างวัด กษัตริย์ และขุนนาง การเกษตรกรรมรุ่งเรืองมาก มีการพัฒนาเทคนิคการไถนา

ประวัติอารยธรรมเมโสโปเตเมีย เมื่อ 1000 ปีก่อนคริสตศักราช       พระเจ้าอัสสูร์นาซิปาลที่  ขึ้นครองราชบัลลังก์ (883-859 ปีกอ่นค.ศ.) พระองค์ได้ชื่อว่า เป็นกษัตริย์ที่เหี้ยมโหดที่สุดของอัสซีเรีย ทรงขยายอาณาเขตไปกว้างไกลด้วยการทำสงครามกับเพื่อนบ้าน ทรงนำวิธีการทำสงครามแบบใช้กองทัพม้า เป็นครั้งแรก ทรงมีวิธีที่เหี้ยมโหดในการทำให้คนยอมรับพระองค์ คือ การทรมานร่างกายด้วยวิธีต่างๆ หรือไม่ก็ฆ่าเสียให้ หมดสิ้น เมืองหลวงย้ายจากอัสซีเรียมาที่กาลาห์(เหนือเมืองอัสสู) ซึ่งพระองค์ก็ทรงสร้างพระราชวัง และนำเชลยสงครามมาไว้ที่นี่ โอรสของพระองค์ คือ พระเจ้าซาลมานาสาร์ที่ 3 (858-824 ปีก่อนค.ศ.) ทรงสนพระทัยซีเรียและปาเลสไตน์เพราะต้องการควบคุมเส้นทางการค้าจากแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติสมายังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทรงโจมตีเมืองดามัส  (เมืองหลวงของซีเรียปัจจุบัน) แต่ไม่สำเร็จ ขณะนั้นที่เมืองนี้มีชาวอาร์เมเนียอยู่มาก ตอนนี้เองที่ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวถึงพวกมีดส์และพวกเปอร์เซีย (835 ปีก่อนค.ศ.) ปลายสมัยของพระองค์ ซามสิ-อาดัด ผู้เป็นโอรสก่อกบฎ แต่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจาก บาบิโลเนียจึงทำการสำเร็จ และขึ้นเป็นกษัตริย์ซามสิ-อาดัด ที่ 5 และจากการช่วยเหลือนี้เองที่ทำให้อัสซีเรียต่อต้านพวกมีดส์ที่เข้ามารุกรานไว้ได้ ตอนนั้นพวกมีดส์ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ แถวทะเลสาบอูร์เมีย (ปัจจุบันอยู่ในอิหร่านตอนเหนือใกล้ทะเลสาบวาน) 810-806 ปีก่อนค.ศ.
พระเจ้าเซริรามิส (ซามมูรามาท) ครองราชย์ทรงมีชื่อเสียงทั้งในและนอกประเทศ กษัตริย์ต่อจากพระองค์ทำสงครามกับพวกบาบิโลเนีย พวกมีดส์และโดยเฉพาะกับพวกอาณาจักรอูราตู(ที่ทะเลสาบวาน ปัจจุบันอยู่ในตุรกีตะวันตก)745-724ปีก่อนค.ศ.พระเจ้าเตกลาธฟาลาซาร์  ที่ 3 ทรงตั้งอาณาจักรอัสซีเรียอันยิ่งใหญ่ปราบเจ้าครองนครรัฐต่างๆและทรงทำอาณาจักรให้เข้มแข็ง ทรงได้ชัยชนะเหนือพระเจ้าซาร์ดูร์ที่ 2 แห่งอูราตู และ รุกรานซีเรียตอนเหนือ ดามัส และกาซา  พระองค์กลายเป็นกษัตริย์ของบาบิโลนภายใต้พระนามว่า พระเจ้าปูลูกษัตริย์ต่อจากพระองค์ คือ พระเจ้าซาลมานาสาร์ที่ 5 ทรงไม่ลงรอยกับพวกพระ จึงถูกลอบปลงพระชนม์ที่ซามารี (เหนือเยรูซาเล็ม) 772-705 ปีก่อนค.ศ. พระเจ้าซาร์กอนที่ 2 (Sharroukin = กษัตริย์ผู้ทรงธรรม) ทรงฟื้นฟูด้านศาสนาและ

ให้พวกพระมีอภิสิทธิ์เหมือนเดิมเช่นเดียวกับเชื้อพระวงศ์ ทรงชนะพวกนครรัฐของฮิตไทท์ ได้ครองอูราตู ทำสงครามกับพวกมีดส์ ขยายอำนาจเหนือบาบิโลน ชนะต่ออียิปต์ที่                  เมืองราเฟีย (เมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งอยู่บนคาบสมุทรซีนาย) ทรงสร้างเมืองหลวง ที่ ดูร์-ซาร์รูคิน (หรือ โฆร์สาบัด เหนือเมืองกาลาห์) โอรสของพระองค์ คือ พระเจ้าเซนนาเซริม (704-618 ปีก่อนค.ศ.) เป็นกษัตริย์ที่มีอำนาจเด็ดขาด เมื่อ 701 ปีก่อน ค.ศ. ทรงทำให้แคว้นยูดา (เมืองหลวง คือ เยรูซาเล็ม) เข้ามาอยู่ในอำนาจ ทรงทำลาย บาบิโลน ทรงขยายเมืองนินิฟ ซึ่งเป็นเมืองแรกของนครรัฐของพระองค์ด้วยการเกณฑ์ทหารในกองทัพมาเป็นจำนวนมาก (สร้างกำแพง 2 ชั้น สูง 25 เมตร มีหอสังเกตการณ์ 15 หอ)  มีการขุดคลองยาวถึง 50 กิโลเมตร เพื่อให้คนมีน้ำใช้ทั่วถึง มีสะพานส่งน้ำยาว 280 เมตร และกว้าง 22 เมตร ความที่ทรงเป็นกษัตริย์ที่เข้มงวด จึงมีคนลอบปลงพระชนม์ โอรสองค์สุดท้องคือ พระเจ้าอัสสาร์ฮาดดอน (680-669 ปีก่อนค.ศ.) ขึ้นครองราชย์และทรงสร้างบาบิโลนใหม่ ทรงทำสัมพันธไมตรีกับพวกซิธ (เชื้อสายเดียวกับพวกอิหร่าน)ขับไล่ ซิมเมเรียน (จากรัสเซียตอนใต้) ออกไปและรบชนะอียิปต์ได้ดินแดนจนถึงนูเบียนับเป็น สมัยที่อาณาจักรอัสซีเรียกว้างขวางที่สุด668-626 ปีก่อนค.ศ. พระเจ้าอัสสูร์บานิปาลทำลายเมืองธีบส์ของอียิปต์แต่เป็นเพราะอียิปต์อยู่ไกลมากจึงไม่อาจปกครองได้ ประกอบกับพระเชษฐาที่ครองบาบิโลนก่อกบฎโดยได้รับความร่วมมือจากศัตรูของอัสสูร์  648 ปีก่อนค.ศ. ทรงยึดบาบิโลนไว้ในอำนาจ 639 ปีก่อนค.ศ. ทำลายซูส (อีลาม) ทรงสร้างหอสมุดใหญ่ที่นินิฟ (มีแผ่นดินเหนียวบันทึกถึง 22,000 แผ่น เป็นบทกวี วรรณคดี ประวัติศาสตร์ ปรัชญา การแพทย์  ดาราศาสตร์ รายการสินค้าและบัญชี) ต่อมามีเรื่องไม่สงบในประเทศและพวกซีธเข้ามาบุกรุกทำให้บ้านเมืองเสื่อม พระเจ้าซียาซาร์แห่งมีเดีย (มีดส์) และพระเจ้านาโบโปลาสซาร์แห่งบาบิโลนยึดอำนาจและทำลายเมืองทุกเมืองของพวกอัสซีเรีย ประชากรถูกฆ่าตายหมด

   งานศิลปกรรม พระราชวังขนาดมหึมาพร้อมงานประติมากรรมตกแต่งที่ได้สัดส่วนกับขนาดของสถาปัตยกรรม มีที่เมืองนินิฟ กาลาห์ ดูร์-ซาร์รูคิน และอัสสูร์ (ภาพการล่าสัตว์ สงคราม และเทพเจ้า) ภาพเล่าเรื่องราวเป็นภาพประติมากรรมแบบนูนต่ำจักรวรรดิ                                     บาบิโลเนียตอนปลาย (625-539 ปีก่อนค.ศ.) พวกคาลเดี้ยนพยายามชนะบาบิโลเนียจนสำเร็จหลังรัชกาลพระเจ้าอัสสูร์บานิปาล625-605 ปีก่อนค.ศ. พระเจ้านาโบโปลาสซาร์ทรงเป็นกษัตริย์ครองบาบิโลน อีลาม เมโสโปเตเมียตะวันตก ซีเรีย และปาเลสไตน์ 604-562 ปีก่อนค.ศ. พระเจ้านาบุโคโดโนซอร์ที่ 2 ทรงเป็นนักการทูตที่ชาญฉลาด อาณาจักรของพระองค์รุ่งเรืองที่สุด ทรงขยายเมืองบาบิโลน สร้างถนนยาวหลายสาย สร้างประตูอิชทาร์ สร้างวัดอีสากิล สร้างพระราชวังที่งามที่สุด มีหอคอยเป็นชั้นๆ เรียกว่า อีเทเมนานกิ (หรือ ที่เรารู้จักกันในชื่อว่าหอบาเบล สูงถึง 90 เมตร)  สมัยนี้ผู้มีอิทธิพลมีอำนาจเท่าเทียมกัน  598  ปีก่อนค.ศ. ทรงครองเยรูซาเล็มตามข้อตกลงระหว่างแคว้นยูดาและอียิปต์ ( ยิวอพยพออกจากประเทศเป็นครั้งแรก  )  587  ปีก่อน ค.ศ. ทำลายเยรูซาเล็ม ต่อจากนั้นบ้านเมืองเสื่อมเพราะกษัตริย์ขัดแย้งกับสาวกของพวกเทพเจ้ามาร์ดุก ฝ่ายหลังเลือกพระเจ้านาโบนิดให้เป็นกษัตริย์ (553-539 ปีก่อน ค.ศ.) ทรงได้ชื่อว่าเป็น " นักโบราณคดีบนบัลลังก์ " แต่ต่อมาไม่ลงรอยกับพวกพระทรงจำต้องออกจากบาบิโลนไป บาลธาซาร์เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทำหน้าที่แทนเป็นเวลา 10  ปี 539  ปีก่อนค.ศ. พระเจ้าซิรุสที่ 2 แห่งเปอร์เซียยึดบาบิโลน บาบิโลนกลายเป็นเมืองหนึ่งของเปอร์เซีย 331 ปีก่อน ค.ศ. พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งกรีกยึดบาบิโลน   บาบิโลนรับอารยธรรมกรีกเฮเลนิสติก

 

 

สร้างโดย: 
พัชรินทร์ จรรยา เลขที่4,ชมภูนุช เหมทานนท์ เลขที่10,วรดา อินทรักษ์ เลขที่22,เจณรงค์ ทองอร่าม เลขที่25,มนัสวรรณ ศรีวิเศษ เลขที่29 ม.6/2

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 670 คน กำลังออนไลน์