• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:d9ebcf203d7241b3b0e7184d181491a3' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><span class=\"Apple-style-span\" style=\"widows: 2; text-transform: none; text-indent: 0px; border-collapse: separate; font: medium Tahoma; white-space: normal; orphans: 2; letter-spacing: normal; color: #000000; word-spacing: 0px; -webkit-border-horizontal-spacing: 0px; -webkit-border-vertical-spacing: 0px; -webkit-text-decorations-in-effect: none; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px\"><span class=\"Apple-style-span\" style=\"font-family: Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif; color: #2b3220; font-size: 12px\"></span></span></p>\n<p style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; margin-left: 0cm; font-size: 12pt; margin-right: 0cm\">\n<span lang=\"TH\" style=\"line-height: 14px; font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\"></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"160\" width=\"411\" src=\"/files/u40601/m88.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n<p>\n</p>\n<p><span lang=\"TH\" style=\"line-height: 14px; font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\"></span></p>\n<p style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; margin-left: 0cm; font-size: 12pt; margin-right: 0cm\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\"> <a href=\"/node/81851\"><strong><img height=\"260\" width=\"443\" src=\"/files/u40601/121________________________.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 169px; height: 79px\" /></strong></a>             <a href=\"/node/83859\"><img height=\"259\" width=\"442\" src=\"/files/u40601/121____________.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 187px; height: 78px\" /></a>            <a href=\"/node/83860\"><strong><img height=\"260\" width=\"443\" src=\"/files/u40601/121_________.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 174px; height: 81px\" /></strong></a><strong> </strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\" class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: 17px; margin: 0cm 0cm 10pt; font-family: Calibri, sans-serif; font-size: 11pt\">\n<span style=\"line-height: 14px; font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\"><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif\"><a href=\"/node/85985\"><img height=\"257\" width=\"440\" src=\"/files/u40601/1122.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 170px; height: 62px\" /></a>                   <a href=\"/node/85986\"><img height=\"257\" width=\"440\" src=\"/files/u40601/1133.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 169px; height: 66px\" /> </a><a href=\"/node/83860\"></a></span></span>\n</p>\n<p>ผู้หญิงที่มีอาการปวดประจำเดือนรุนแรง หรือเริ่มปวดครั้งแรกเมื่ออายุมากกว่า ๒๕ ปีขึ้นไป อาจมีความผิดปกติของมดลูกหรือเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกราน สาเหตุที่พบบ่อยอันหนึ่งก็คือเยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน<br />\nผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมีบุตรยาก ควรคิดถึงสาเหตุข้อนี้เป็นอันดับแรกๆ<span style=\"line-height: 14px; font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\"><o:p></o:p></span> </p>\n<p style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; margin-left: 0cm; font-size: 12pt; margin-right: 0cm\">\n<b></b>\n</p>\n<p><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\">สาเหตุ</span></b><span style=\"font-size: 10pt\"> <span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">เยื่อบุผิวมดลูกปกติจะอยู่บนผิวภายในโพรงมดลูก<br />\nซึ่งจะงอกหนาและมีเลือดคั่ง แล้วสลายตัวเป็นเลือดประจำเดือน เป็นวงจรตามการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศทุกเดือน<br />\nผู้หญิงบางคนจะมีเยื่อบุผิวมดลูกบางส่วนงอกอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น ไปอยู่ในผนังกล้ามเนื้อมดลูกหรือในรังไข่<br />\nท่อรังไข่ ลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ หรือตามเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกราน</span><o:p></o:p></span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 10pt\">ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุและกลไก ของการเกิดโรคนี้ที่แน่ชัด<br />\nสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากมีเยื่อบุผิวมดลูกที่ปนอยู่ในเลือดประจำเดือนไหลย้อน ผ่านท่อรังไข่เข้าไปฝังตัวอยู่ตามที่ต่างๆ<br />\nภายในช่องท้องโดยที่กลไกภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยบกพร่องไม่สามารถขจัดเนื้อ เยื่อแปลกปลอมพวกนี้ออกไป<br />\nบ้างก็สันนิษฐานว่า เซลล์ของเยื่อบุภายในช่องท้อง เกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เหมือนเยื่อบุผิวมดลูก<br />\nนอกจากนี้ยังพบว่าผู้หญิงที่มีมารดาหรือพี่น้องเป็นโรคนี้ มีโอกาสเป็นเยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่มากกว่าผู้หญิง<br />\nทั่วไปถึง ๖ เท่า จึงเชื่อว่าโรคนี้อาจถ่ายทอดทางพันธุกรรม เยื่อบุผิวมดลูกที่งอกผิดที่เหล่านี้<br />\nมีลักษณะการเปลี่ยนแปลง (หนาตัว มีเลือดคั่ง และเลือดออก) เป็นวงจรทุกเดือนเช่นเดียวกับเยื่อบุผิวส่วนที่อยู่ภายในโพรงมดลูก<br />\nแต่เนื่องจากมันฝังอยู่ในเนื้อเยื่อ เลือดที่ออกจึงคั่งอยู่ภายใน และเกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อโดยรอบจนเกิดเป็นพังผืดดึงรั้งอยู่ภายใน<br />\nช่องท้องทำให้เกิดอาการปวดท้องเรื้อรัง ในกรณีที่เป็นเยื่อบุผิวมดลูกงอกที่เยื่อหุ้มรังไข่<br />\nมักจะกลายเป็นถุงน้ำหรือซิสต์ (</span><span style=\"font-size: 10pt\">cyst)<span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">ขนาดเท่าไข่ไก่หรือผลส้มที่มีเลือดคั่งอยู่ข้างใน นานๆ เข้าเลือดเหล่านี้กลายเป็นสีเข้มคล้ายช็อกโกแลต<br />\nจึงเรียกว่า<span class=\"Apple-converted-space\"> </span></span><b><span style=\"font-family: Tahoma, sans-serif\">&quot;<span lang=\"TH\">ถุงน้ำช็อกโกแลต&quot;</span></span></b><span class=\"Apple-converted-space\"> </span>(chocolate cyst)<span lang=\"TH\">ซึ่งอาจทำให้มีอาการปวดท้องรุนแรงได้</span><o:p></o:p></span><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\">อาการ</span></b><b><span style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\"> </span></b><span style=\"font-size: 10pt\"><span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">บางคนอาจไม่มีอาการและแพทย์ตรวจพบโดยบังเอิญขณะตรวจเช็กสุขภาพ<br />\nหรือเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น หรือมาปรึกษาปัญหามีบุตรยาก บางคนอาจมีอาการปวดประจำเดือน<br />\nซึ่งจะเป็นรุนแรงในช่วงวันท้ายๆ ของประจำเดือน<br />\nอาการปวดประจำเดือนอาจเกิดขึ้นเมื่ออายุมากกว่า ๒๕ ปี โดยก่อนหน้านี้ไม่มีอาการปวดประจำเดือนมาก่อน<br />\nบางคนอาจมีเลือดประจำเดือนออกมากกว่าปกติ หรือกะปริดกะปรอย บางคนอาจมีอาการเจ็บปวดขณะหรือหลังร่วมเพศ<br />\nในรายที่มีเยื่อบุผิวมดลูกงอกที่ลำไส้ใหญ่ จะมีอาการเจ็บปวดขณะถ่ายอุจจาระ หรือถ่ายเป็นเลือดขณะมีประจำเดือน<br />\nในรายที่มีเยื่อบุผิวมดลูกงอกที่กระเพาะปัสสาวะจะมีอาการเจ็บปวดขณะถ่าย ปัสสาวะ<br />\nในรายที่เป็นถุงน้ำช็อกโกแลต ถ้าเกิดการแตกของถุงน้ำจะมีอาการปวดท้องรุนแรงได้<br />\nประมาณร้อยละ ๖๐-๗๐ ของผู้ป่วยโรคนี้จะมีประวัติว่ายังไม่เคยมีบุตรมาก่อน</span><o:p></o:p></span><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\">การดูแลตนเอง</span></b><span style=\"font-size: 10pt\"> <span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">ผู้ที่มีอาการปวดประจำเดือนรุนแรง<br />\nหรือเริ่มปวดครั้งแรกหลังอายุ ๒๕ ปี มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง หรือมีอาการอื่นๆ<br />\nที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ หรือมีบุตรยาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด</span><br />\n<span lang=\"TH\">เมื่อตรวจพบว่า เป็นโรคนี้ ขอให้สบายใจได้ว่า<br />\nเป็นภาวะที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง ซึ่งมีทางเยียวยาให้ทุเลาหรือหายได้<br />\nและควรปฏิบัติตัวดังนี้</span><o:p></o:p></span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 10pt\">๑.</span><span style=\"font-size: 10pt\"> <span lang=\"TH\">ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง</span><br />\n<span lang=\"TH\">๒.</span> <span lang=\"TH\">กินยาบรรเทาปวด หรือยาที่แพทย์สั่ง</span><br />\n<span lang=\"TH\">๓.</span> <span lang=\"TH\">ออกกำลังกายเป็นประจำ<br />\nอาจช่วยลดอาการปวดได้</span><o:p></o:p></span><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\">การรักษา</span></b><span style=\"font-size: 10pt\"> <span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">เมื่อตรวจพบว่าเป็นเยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่<br />\nแพทย์จะให้การรักษาโดยพิจารณาจากความรุนแรงของโรค ดังนี้</span><o:p></o:p></span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 10pt\">๑.</span><span style=\"font-size: 10pt\"> <span lang=\"TH\">ถ้า มีอาการเพียงเล็กน้อย จะให้ยาบรรเทาปวด เช่น พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน ทรามาดอล<br />\n(</span>tra-madol)<span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">เป็นต้น กินเป็นครั้งคราวเวลาปวด และนัดมาติดตามดูอาการเป็นระยะๆ</span><o:p></o:p></span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 10pt\">๒.</span><span style=\"font-size: 10pt\"> <span lang=\"TH\">ถ้ามีอาการรุนแรงปานกลางจะให้ยา ฮอร์โมน เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด<br />\nยาโพรเจสเตอโรน ดานาซอล (</span>danazol)<span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">เป็นต้น นานอย่างน้อย</span> <br />\n<span lang=\"TH\">๖ เดือน เพื่อลดการปวด และปรับดุลฮอร์โมนในร่างกายซึ่งอาจช่วยให้มีบุตรได้</span><o:p></o:p></span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 10pt\">๓. ในรายที่เป็นรุนแรงมาก<br />\nหรือต้องการมีบุตร หรือใช้ยาบำบัดไม่ได้ผล แพทย์ก็อาจรักษาด้วยการผ่าตัด ในปัจจุบันจะใช้วิธีสอดกล้องเข้าไปในช่องท้อง<br />\nและทำการผ่าตัดผ่านกล้องที่สอด ในรายที่เป็นมากอาจผ่าตัดเปิดช่องท้องแบบวิธีดั้งเดิม<br />\nการผ่าตัดมีวิธีการหลากหลายขึ้นกับลักษณะของโรคที่พบ เช่น ตัดเอาถุงน้ำ</span><span style=\"font-size: 10pt\"><span class=\"Apple-converted-space\"> </span>(cyst)<span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">ออกไป เลาะพังผืดที่ติดรั้ง<br />\nเป็นต้น ในรายที่อายุมากหรือไม่ต้องการมีบุตรแล้ว แพทย์อาจทำการผ่าตัดมดลูก และรังไข่<br />\n๒ ข้างออกไป จะช่วยให้อาการปวดหายไปได้ หลังผ่าตัดอาจจำเป็นต้องกินฮอร์โมนทดแทนไปสักระยะหนึ่ง</span><o:p></o:p></span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 10pt\">๔.</span><span style=\"font-size: 10pt\"> <span lang=\"TH\">ในรายที่ ต้องการมีบุตร มีวิธีการรักษาต่างๆ เช่น การใช้ฮอร์โมนบำบัด<br />\nการผสมเทียม</span><span class=\"Apple-converted-space\"> </span>(<span lang=\"TH\">เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว หรือการทำกิฟต์)<br />\nการผ่าตัดแก้ไขพยาธิสภาพ ในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น วิธีการบำบัดเหล่านี้มักจะช่วยให้ผู้ป่วยมีบุตรได้<br />\nส่วนโอกาสมากน้อยขึ้นกับความรุนแรงของโรค</span><o:p></o:p></span><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\">ภาวะแทรกซ้อน</span></b><span style=\"font-size: 10pt\"> <span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">โรคนี้ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอันตรายร้ายแรง</span></span></p>\n<p><span lang=\"TH\">ภาวะ แทรกซ้อนที่พบบ่อยก็คือ ภาวะมีบุตรยาก หรือเป็นหมัน<br />\nซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ ๖๐-๗๐ ของ</span> <span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">ผู้ที่เป็นโรคนี้<br />\nสาเหตุสันนิษฐานว่ามีได้หลายอย่าง เช่น มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของระบบอวัยวะสืบพันธุ์<br />\nการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เป็นต้น นอกจากนี้ ถ้าก้อนของเยื่อบุผิวมดลูกโตมากก็อาจ<br />\nทำให้เกิดภาวะอุดกั้นของลำไส้ หรือทางเดินปัสสาวะได้ทำให้มีอาการขับถ่ายลำบาก</span><o:p></o:p> </p>\n<p align=\"center\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; margin-left: 0cm; font-size: 12pt; margin-right: 0cm\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\">                 </span>\n</p>\n<p><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\">การดำเนินโรค</span></b><b><span style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\"> </span></b><span style=\"font-size: 10pt\"><span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">ถ้าไม่ได้รับการรักษา ก็จะมีอาการปวดท้อง<br />\nเรื้อรัง</span><span class=\"Apple-converted-space\"> </span>(<span lang=\"TH\">โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนอันตรายร้ายแรงตามมา) บางคนอาจทุเลาหลังเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน<br />\n(วัยทอง) การรักษาจะช่วยให้อาการทุเลาหรือหายขาดได้ และช่วยให้มีบุตรได้ แต่บางคนหลังผ่าตัดมดลูกแล้วก็ยังอาจมีอาการกำเริบก็ได้</span><o:p></o:p></span><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\">การป้องกัน</span></b><span style=\"font-size: 10pt\"> <span class=\"Apple-converted-space\"> </span><span lang=\"TH\">เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้<br />\nจึงยังบอกไม่ได้ว่าจะหาทางป้องกันอย่างไร สำหรับผู้ที่ตรวจพบว่าเป็นโรคนี้ สามารถป้องกันการเกิดอาการกำเริบได้<br />\nโดยการกินยาคุมกำเนิด การออกกำลังกาย และการทำให้เกิดการตั้งครรภ์</span><span class=\"Apple-converted-space\"> </span>(<span lang=\"TH\">การตั้งครรภ์จะป้องกันไม่ให้อาการกำเริบหรือลดความรุนแรงของอาการได้)</span><o:p></o:p></span><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\">ความชุก</span></b><span style=\"font-size: 10pt\">  <span lang=\"TH\">พบ ได้ประมาณร้อยละ ๗-๑๐<br />\nของหญิงวัยเจริญพันธุ์ ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยหมดประจำเดือน แต่จะพบมากในช่วงอายุ<br />\n๒๕-๓๕ ปี พบได้ประมาณร้อยละ ๓๕ ของผู้หญิงที่มีบุตรยาก หรือเป็นหมัน ผู้ที่มีมารดาหรือพี่น้องเป็นเยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่มีโอกาสเป็นโรคนี้มาก<br />\nเป็น ๖ เท่าของผู้ที่ไม่มีประวัติโรคนี้ในครอบครัว</span><o:p></o:p></span><span style=\"line-height: 14px; font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: 10pt\"><o:p> </o:p></span> </p>\n', created = 1727054878, expire = 1727141278, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:d9ebcf203d7241b3b0e7184d181491a3' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

เยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่

                           

                  

ผู้หญิงที่มีอาการปวดประจำเดือนรุนแรง หรือเริ่มปวดครั้งแรกเมื่ออายุมากกว่า ๒๕ ปีขึ้นไป อาจมีความผิดปกติของมดลูกหรือเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกราน สาเหตุที่พบบ่อยอันหนึ่งก็คือเยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมีบุตรยาก ควรคิดถึงสาเหตุข้อนี้เป็นอันดับแรกๆ

สาเหตุ  เยื่อบุผิวมดลูกปกติจะอยู่บนผิวภายในโพรงมดลูก
ซึ่งจะงอกหนาและมีเลือดคั่ง แล้วสลายตัวเป็นเลือดประจำเดือน เป็นวงจรตามการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศทุกเดือน
ผู้หญิงบางคนจะมีเยื่อบุผิวมดลูกบางส่วนงอกอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น ไปอยู่ในผนังกล้ามเนื้อมดลูกหรือในรังไข่
ท่อรังไข่ ลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ หรือตามเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกราน
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุและกลไก ของการเกิดโรคนี้ที่แน่ชัด
สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากมีเยื่อบุผิวมดลูกที่ปนอยู่ในเลือดประจำเดือนไหลย้อน ผ่านท่อรังไข่เข้าไปฝังตัวอยู่ตามที่ต่างๆ
ภายในช่องท้องโดยที่กลไกภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยบกพร่องไม่สามารถขจัดเนื้อ เยื่อแปลกปลอมพวกนี้ออกไป
บ้างก็สันนิษฐานว่า เซลล์ของเยื่อบุภายในช่องท้อง เกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เหมือนเยื่อบุผิวมดลูก
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้หญิงที่มีมารดาหรือพี่น้องเป็นโรคนี้ มีโอกาสเป็นเยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่มากกว่าผู้หญิง
ทั่วไปถึง ๖ เท่า จึงเชื่อว่าโรคนี้อาจถ่ายทอดทางพันธุกรรม เยื่อบุผิวมดลูกที่งอกผิดที่เหล่านี้
มีลักษณะการเปลี่ยนแปลง (หนาตัว มีเลือดคั่ง และเลือดออก) เป็นวงจรทุกเดือนเช่นเดียวกับเยื่อบุผิวส่วนที่อยู่ภายในโพรงมดลูก
แต่เนื่องจากมันฝังอยู่ในเนื้อเยื่อ เลือดที่ออกจึงคั่งอยู่ภายใน และเกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อโดยรอบจนเกิดเป็นพังผืดดึงรั้งอยู่ภายใน
ช่องท้องทำให้เกิดอาการปวดท้องเรื้อรัง ในกรณีที่เป็นเยื่อบุผิวมดลูกงอกที่เยื่อหุ้มรังไข่
มักจะกลายเป็นถุงน้ำหรือซิสต์ (
cyst) ขนาดเท่าไข่ไก่หรือผลส้มที่มีเลือดคั่งอยู่ข้างใน นานๆ เข้าเลือดเหล่านี้กลายเป็นสีเข้มคล้ายช็อกโกแลต
จึงเรียกว่า 
"ถุงน้ำช็อกโกแลต" (chocolate cyst)ซึ่งอาจทำให้มีอาการปวดท้องรุนแรงได้
อาการ  บางคนอาจไม่มีอาการและแพทย์ตรวจพบโดยบังเอิญขณะตรวจเช็กสุขภาพ
หรือเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น หรือมาปรึกษาปัญหามีบุตรยาก บางคนอาจมีอาการปวดประจำเดือน
ซึ่งจะเป็นรุนแรงในช่วงวันท้ายๆ ของประจำเดือน
อาการปวดประจำเดือนอาจเกิดขึ้นเมื่ออายุมากกว่า ๒๕ ปี โดยก่อนหน้านี้ไม่มีอาการปวดประจำเดือนมาก่อน
บางคนอาจมีเลือดประจำเดือนออกมากกว่าปกติ หรือกะปริดกะปรอย บางคนอาจมีอาการเจ็บปวดขณะหรือหลังร่วมเพศ
ในรายที่มีเยื่อบุผิวมดลูกงอกที่ลำไส้ใหญ่ จะมีอาการเจ็บปวดขณะถ่ายอุจจาระ หรือถ่ายเป็นเลือดขณะมีประจำเดือน
ในรายที่มีเยื่อบุผิวมดลูกงอกที่กระเพาะปัสสาวะจะมีอาการเจ็บปวดขณะถ่าย ปัสสาวะ
ในรายที่เป็นถุงน้ำช็อกโกแลต ถ้าเกิดการแตกของถุงน้ำจะมีอาการปวดท้องรุนแรงได้
ประมาณร้อยละ ๖๐-๗๐ ของผู้ป่วยโรคนี้จะมีประวัติว่ายังไม่เคยมีบุตรมาก่อน
การดูแลตนเอง  ผู้ที่มีอาการปวดประจำเดือนรุนแรง
หรือเริ่มปวดครั้งแรกหลังอายุ ๒๕ ปี มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง หรือมีอาการอื่นๆ
ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ หรือมีบุตรยาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด

เมื่อตรวจพบว่า เป็นโรคนี้ ขอให้สบายใจได้ว่า
เป็นภาวะที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง ซึ่งมีทางเยียวยาให้ทุเลาหรือหายได้
และควรปฏิบัติตัวดังนี้
๑. ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง
๒. กินยาบรรเทาปวด หรือยาที่แพทย์สั่ง
๓. ออกกำลังกายเป็นประจำ
อาจช่วยลดอาการปวดได้
การรักษา  เมื่อตรวจพบว่าเป็นเยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่
แพทย์จะให้การรักษาโดยพิจารณาจากความรุนแรงของโรค ดังนี้
๑. ถ้า มีอาการเพียงเล็กน้อย จะให้ยาบรรเทาปวด เช่น พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน ทรามาดอล
(
tra-madol) เป็นต้น กินเป็นครั้งคราวเวลาปวด และนัดมาติดตามดูอาการเป็นระยะๆ
๒. ถ้ามีอาการรุนแรงปานกลางจะให้ยา ฮอร์โมน เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด
ยาโพรเจสเตอโรน ดานาซอล (
danazol) เป็นต้น นานอย่างน้อย 
๖ เดือน เพื่อลดการปวด และปรับดุลฮอร์โมนในร่างกายซึ่งอาจช่วยให้มีบุตรได้
๓. ในรายที่เป็นรุนแรงมาก
หรือต้องการมีบุตร หรือใช้ยาบำบัดไม่ได้ผล แพทย์ก็อาจรักษาด้วยการผ่าตัด ในปัจจุบันจะใช้วิธีสอดกล้องเข้าไปในช่องท้อง
และทำการผ่าตัดผ่านกล้องที่สอด ในรายที่เป็นมากอาจผ่าตัดเปิดช่องท้องแบบวิธีดั้งเดิม
การผ่าตัดมีวิธีการหลากหลายขึ้นกับลักษณะของโรคที่พบ เช่น ตัดเอาถุงน้ำ
 (cyst) ออกไป เลาะพังผืดที่ติดรั้ง
เป็นต้น ในรายที่อายุมากหรือไม่ต้องการมีบุตรแล้ว แพทย์อาจทำการผ่าตัดมดลูก และรังไข่
๒ ข้างออกไป จะช่วยให้อาการปวดหายไปได้ หลังผ่าตัดอาจจำเป็นต้องกินฮอร์โมนทดแทนไปสักระยะหนึ่ง
๔. ในรายที่ ต้องการมีบุตร มีวิธีการรักษาต่างๆ เช่น การใช้ฮอร์โมนบำบัด
การผสมเทียม
 (เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว หรือการทำกิฟต์)
การผ่าตัดแก้ไขพยาธิสภาพ ในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น วิธีการบำบัดเหล่านี้มักจะช่วยให้ผู้ป่วยมีบุตรได้
ส่วนโอกาสมากน้อยขึ้นกับความรุนแรงของโรค
ภาวะแทรกซ้อน  โรคนี้ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอันตรายร้ายแรง

ภาวะ แทรกซ้อนที่พบบ่อยก็คือ ภาวะมีบุตรยาก หรือเป็นหมัน
ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ ๖๐-๗๐ ของ
  ผู้ที่เป็นโรคนี้
สาเหตุสันนิษฐานว่ามีได้หลายอย่าง เช่น มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของระบบอวัยวะสืบพันธุ์
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เป็นต้น นอกจากนี้ ถ้าก้อนของเยื่อบุผิวมดลูกโตมากก็อาจ
ทำให้เกิดภาวะอุดกั้นของลำไส้ หรือทางเดินปัสสาวะได้ทำให้มีอาการขับถ่ายลำบาก

                

การดำเนินโรค  ถ้าไม่ได้รับการรักษา ก็จะมีอาการปวดท้อง
เรื้อรัง
 (โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนอันตรายร้ายแรงตามมา) บางคนอาจทุเลาหลังเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
(วัยทอง) การรักษาจะช่วยให้อาการทุเลาหรือหายขาดได้ และช่วยให้มีบุตรได้ แต่บางคนหลังผ่าตัดมดลูกแล้วก็ยังอาจมีอาการกำเริบก็ได้
การป้องกัน  เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้
จึงยังบอกไม่ได้ว่าจะหาทางป้องกันอย่างไร สำหรับผู้ที่ตรวจพบว่าเป็นโรคนี้ สามารถป้องกันการเกิดอาการกำเริบได้
โดยการกินยาคุมกำเนิด การออกกำลังกาย และการทำให้เกิดการตั้งครรภ์
 (การตั้งครรภ์จะป้องกันไม่ให้อาการกำเริบหรือลดความรุนแรงของอาการได้)
ความชุก  พบ ได้ประมาณร้อยละ ๗-๑๐
ของหญิงวัยเจริญพันธุ์ ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยหมดประจำเดือน แต่จะพบมากในช่วงอายุ
๒๕-๓๕ ปี พบได้ประมาณร้อยละ ๓๕ ของผู้หญิงที่มีบุตรยาก หรือเป็นหมัน ผู้ที่มีมารดาหรือพี่น้องเป็นเยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่มีโอกาสเป็นโรคนี้มาก
เป็น ๖ เท่าของผู้ที่ไม่มีประวัติโรคนี้ในครอบครัว
 

สร้างโดย: 
ครูกัลยารัตน์ และ อภิญญา

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 308 คน กำลังออนไลน์