โรคหนองในและการติดเชื้อ
โรคหนองในและการติดเชื้อ Chlamydia (หนองในเทียม ) เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นบ่อย เมื่อติดโรคเกิดขึ้นแล้วไม่ว่าหญิงและชายจะไม่มีอาการในตอนแรกๆ อาการแสดงจะปรากฏให้เห็น 2 วันถึง 3 สัปดาห์หลังจากสัมผัสโรค
อาการแสดงอาจจะมีดังนี้
• มีสารคัดหลั่งจากช่องคลอดในเพศหญิง และ ปลายอวัยวะเพศของเพศชาย
คล้ายหนอง
• มีอาการเจ็บหรือปัสสาวะบ่อย
• ปวดที่อวัยวะเพศหรือในช่องท้อง
• มีอาการแสบร้อน หรือ คันในช่องคลอด
• บวมแดง บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
• มีเลือดทางช่องคลอดเป็นช่วงๆ ทั้งโรคหนองในและการติดเชื้อ Chlamydia
สำหรับเพศหญิงสามารถก่อให้เกิดการอักเสบในอุ้งเชิงกราน ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่มดลูก
ท่อรังไข่ และ รังไข่ ซึ่งการติดเชื้อนี้ก่อให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้
อาการของการอักเสบ ในอุ้งเชิงกรานที่พบได้บ่อย คือ มีไข้
คลื่นไส้และอาเจียน และปวดท้องน้อย ซึ่งอาจจะนำไปสู่การปวดในอุ้งเชิงกรานระยะยาวได้
หูดหงอนไก่
(Human papillomavirus (HPV)) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยอีกชนิดหนึ่ง
HPV เป็นเชื้อไวรัส ซึ่งมีมากกว่า 100 สายพันธ์
บางสายพันธ์สามารถติดต่อจากบุคคลหนึ่งไปอีกบุคคลหนึ่งทางเพศสัมพันธ์ เช่นเดียวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
ที่มักไม่มีอาการแสดง บางสายพันธ์จะก่อให้เกิดหูดได้
สำหรับเพศหญิง หูดสามารถมองเห็นได้ที่อวัยวะสืบพันธ์ด้านนอก
ช่องคลอด ปากมดลูก และ ทวารหนัก สำหรับเพศชายสามารถเกิดได้ที่ องคชาติ ลูกอัณฑะ
ทวารหนัก หรือ อวัยวะที่อยู่ใกล้เคียงอวัยวะสืบพันธ์ บางครั้งหูดสามารถหายได้เอง แต่ถ้าไม่หาย
ก็ยังมีการรักษาอีกหลายอย่างที่สามารถรักษาได้ อย่างไรก็ตาม ยาที่มีขายตามท้องตลาดที่ใช้รักษาหูดนั้นไม่สามารถใช้รักษาหูดที่อวัยวะเพศ
ได้ ถึงแม้ว่าจะกำจัดหูดออกได้แต่ไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสออกได้ เพราะเชื้อสามารถอยู่ในร่างกายได้เป็นเดือนเป็นปี
โดยไม่มีอาการแสดง
บาง สายพันธ์ของ HPV สามารถนำไปสู่การเกิดมะเร็งที่ทวารหนัก
อวัยวะเพศ ช่องคลอด ปากมดลูกและองคชาติ ทั้งในเพศหญิงและเพศชายได้ ซึ่งมีไม่กี่สายพันธ์นัก
แต่อย่างไรก็ตาม
มะเร็งปากมดลูกก็สามารถที่จะตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก และรักษาได้
ซิฟิลิส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ “spirochete” ถ้าเป็นแล้วไม่รักษาจะเกิดการติดเชื้อไปทั่วร่างกายและจะทำให้อาจถึงแก่
ชีวิตได้ ส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการแสดง แต่อาการแรกเริ่มคือเกิดแผลเรียบบริเวณที่เกิดการติดเชื้อ
และ ไม่ทำให้เกิดอาการปวด
ซิฟิลิสในระยะแรกสามารถรักษาได้ง่าย อาการที่จะเกิดได้คือเป็นแผลขอบแข็งและผื่นคัน
การติดต่อจากผู้ที่สัมผัสเชื้อไปสู่บุคคลอื่นนั้นเกิดจากการสัมผัสที่แผลโดย ตรง
แผลที่เกิดขึ้นมักจะเกิดที่อวัยวะเพศ ช่องคลอด หรือทวารหนัก ในบางรายอาจจะเกิดที่บริเวณริมฝีปากและในปาก
ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาการแสดงอาจหายไป แต่เชื้อโรคยังคงมีอยู่
อาการจะกลับมาเป็นอีกในช่วงปีถัดไป และเชื้อกระจายไปทั่วร่างกายได้
เริมที่อวัยวะเพศ คนหลายล้านคนเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสเริม
อาการแสดงที่เกิดขึ้นคือเป็นแผลรอบๆ อวัยวะเพศ แผลที่เกิดขึ้นจะมองเห็นเป็นจุดแดงๆ
เป็นตุ่มหรือ แผลพุพอง อาการอาจเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาไม่กี่วัน หรือ นานเป็นสัปดาห์
อาการแสดงอาจจะหายไป แต่เชื้อไวรัสยังคงอยู่ในร่างกาย การเกิดแผลอาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีกเรื่อยๆ
ซึ่งมักจะเกิดขึ้นซ้ำที่เดิม
การ รักษายังคงเป็นแค่รักษาตามอาการ แต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ ดังนั้นเมื่อร่างกายเกิดการติดเชื้อแล้ว
เป็นไปได้มากที่จะมีการแพร่เชื้อไปสู่บุคคลอื่นโดยที่ตัวเองไม่ทราบ
การติดเชื้อ HIV ( Human
immunodeficiency virus ) เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคเอดส์ (AIDS
- acquired immunodeficiency syndrome)
อัตรา การติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย
เชื้อ HIV จะเข้าผ่านทางกระแสเลือด โดยทางสารคัดหลั่ง
โดยปกติแล้วจะเป็นเลือด หรือ อสุจิ เมื่อเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ไวรัสจะเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้เกิดโรค
นำไปสู่โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ที่อาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้
โรคนี้ จะก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ มากมายเช่น การติดเชื้อ หรือ
มะเร็ง ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ถาวร แต่เป็นการรักษาเพื่อยืดเวลาการเกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องได้
การติดเชื้อทางช่องคลอด ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อพยาธิช่องคลอด (Trichomonas) เกิดจากเชื้อปรสิตที่สามารถแพร่กระจายได้ทางการมีเพศสัมพันธ์ แต่เชื้อนี้สามารถรักษาได้
บางรายอาจจะไม่มีอาการแสดง แต่เมื่อมีอาการแสดงเกิดขึ้น
อาการที่พบคือมีสารคัดหลั่งทางช่องคลอด มีอาการคันภายในช่องคลอดและบวมแดง
ไวรัสตับอักเสบ เป็นการติดเชื้อที่ตับโดยมีสาเหตุจากเชื้อไวรัส โดยที่ไวรัสตับอักเสบชนิด
B และ C สามารถถ่ายทอดได้ทางเพศสัมพันธ์ เชื้อสามารถแพร่กระจายได้โดยตรงจากสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ที่ติดเชื้อ
ได้แก่ เลือด อสุจิ น้ำจากช่องคลอด ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบชนิด B
แต่สำหรับไวรัส C นั้นยังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกัน
ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิด B หรือ C
สามารถหายได้เป็นปกติ แต่ก็มีบางส่วนที่พัฒนาไปเป็นโรคตับชนิดเรื้อรัง
ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสุขภาพระยะยาว โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กับการตั้งครรภ์ การตรวจเพื่อหาเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์จะทำทุกรายในช่วงการตั้งครรภ์อยู่แล้ว
แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดคือการรักษาในช่วงแรกที่ตรวจพบเพื่อลดโอกาส เสี่ยงสำหรับทารกการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ในระยะตั้งครรภ์สามารถก่อให้เกิด
อันตรายต่อทารกในครรภ์ได้