ต้นหน้าวัว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Anthurium spp.
วงศ์: Araceae
ชื่อสามัญ: Anthurium
ชื่ออื่น ๆ:
Flamingo flower, Pigg-tail flower, หน้าวัว
ข้อมูลทั่วไปและประวัติ :
หน้า วัวเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกในปี
พ.ศ. 2440 หน้าวัวเป็นไม้ดอกที่มีความสำคัญ
ตลาดต้องการมากใช้ดอกในการตบแต่งหรือปลูกเป็นไม้ประดับในร่ม
เป็นไม้ที่เลี้ยงง่ายมาก สามารถออกดอกได้ตลอดปี
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
หน้าวัวเป็นไม้ค่อนข้างไปทางไม้เลื้อย
เนื่ออ่อนการเจริญมีลักษณะเป็นกอต้นจะโตสูงทิ้งใบล่าง สูงได้ 80-100 ซม.ใบมีลักษณะเป็นรูปร่าง ต่าง ๆกัน
แต่ส่วนมากมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ ใบของหน้าวัวบางชนิดมีใบสวยงามมาก
ลักษณะคล้ายกำมะหยี่ละเอียดเป็นมัน ปลายใบแหลม บริเวณใต้ใบเส้นใบนูนเป็นสันขึ้นมา
ต้นหนึ่งมีใบ4-8 ใบ เมื่อมีใบใหม่จะมีดอกเกิดขึ้นตามมาเสมอ
ดอกหน้าวัวเกิดจากตาที่อยู่เหนือก้านใบ โดยทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าจานรองดอกคือตัวดอก
ตัวดอกที่แท้จริงนั้นมีขนาดเล็กเรียงกันอยู่บนปลีซึ่งเป็นส่วนของก้านดอก ดอกแต่ละดอกจะมีทั้งเกสรตัวผู้
และเกสรตัวเมีย แต่จะบานไม่พร้อมกัน เกสรตัวเมียจะบานก่อน
การปลูกและการดูแลรักษา :
การปลูกหน้าวัวจะต่างจากไม้ดอกชนิดอื่น
วิธีปลูกควรปลูกในกระถาง โดยรองอิฐที่รูระบายน้ำก้นกระถางแล้วใส่เครื่องปลูกประมาณ
1/5 ของความสูง กระถาง
แล้วนำต้นหน้าวัววางบนเครื่องปลูก จากนั้นจึงเติมเครึ่องปลูกรอบ ๆ โคนต้น
ยึดลำต้นให้แน่นอย่าให้ต้นคลอนแคลน และอย่าใส่เครื่องปลูกจนกระทั่งทับยอดหน้าวัว
เพราะจะทำให้ยอดเน่า เมื่อต้นเจริญเติบโต ใบล่างจะร่วงหล่นไป ลำต้นจะสูงพ้นเครื่องปลูกส่วนรากจะเกิดออกจากลำต้นใต้ใบเสมอ
ทำให้รากเจริญเหนือเครื่องปลูกขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นจึงควรเติมเครื่องปลูกให้เครื่องปลูกอยู่ต่ำกว่ายอดเล็กน้อยเสมอ
หน้า วัวต้องการความชื้นในอากาศสูง ควรรดน้ำอย่างน้อยวันละ 2
ครั้งแต่ถ้าวันไหนร้อนจัดควรรดเพิ่มเป็น 3 ครั้งต่อวัน
ในวันที่อากาศร้อนจัดมากๆ ควรทำการพรางแสง มิฉะนั้นใบและต้นหน้าวัวจะไหม้และชะงักการเจริญเติบโต