สถานภาพของพระมหากษัตริย์ สาระประวัติศาสตร์ ส32104 ภาคเรียนที่ 2 / 2553
คำถามท้าทายให้นักเรียนเขียนอธิบายแสดงเหตุผลให้ได้ใจความดังนี้
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
1.คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร พระมหากษัตริย์ในฐานะองค์สมมติเทพ พระมหากษัตริย์ทรงดำรงฐานะเป็นสมมติเทพตามติของศาสนาพราหมณ์ ขนบธรรมเนียมประเพณีเกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นสมมติเทพ เช่น การสร้างที่ประทับ พระที่นั่งพระราชวัง การประกอบพิธีต่างๆ การใช้คำราชาศัพท์ เป็นต้น 2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร สมัยกรุงสุโขทัยมีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัย คอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน ราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย เป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก"
ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา อ้างอิง http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1494 http://nucha.chs.ac.th/1.4.htm
พระมหากษัตริย์ในฐานะธรรมราชา ตามคติธรรมราชานั้นถือว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม 10 ประการ และจักรวรรดิวัตร 12 ประการ
อย่างไรก็ตาม โดยขัตติยราชประเพณีแล้วพระมหากษัตริย์ทรงดำรงฐานะประดุจดังสมมติเทพ โดยคติความเชื่อ แต่ในทางปฏิบัติ พระองค์ทรงเป็นธรรมราชา ทำให้ฐานะของพระมหากษัตริย์ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นมีลักษณะของความเป็นผู้นำทางการเมืองที่เหมือนคนธรรมดามากขึ้น แต่พระองค์ก็ยังทรงมีพระราชอำนาจสูงสุดเป็นเจ้าชีวิตของปวงชน เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นจอมทัพ เป็นต้น และพระบรมราชโองการของพระองค์ ผู้ใดจะฝ่าฝืนไม่ได้ ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษอย่างหนัก
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราช โดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจาก สวรรค์ ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์” ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าวหรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกัน ข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์และประชาชนจึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้น
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
กษัตริย์ในสมัยกรุงสุโขทัย ปกครองประชาชนแบบ “พ่อปกครองลูกหรือ ปิตาธิปไตย โดยถือว่ากษัตริย์เป็นเสมือนพ่อของราษฎร ราษฎรจึงเรียกกษัตริย์ว่า “พ่อขุน” ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชโดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าวหรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกันข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมี ศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
มาเป็นตับเลย
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
กษัตริย์ในสมัยกรุงสุโขทัย ปกครองประชาชนแบบ “พ่อปกครองลูกหรือ ปิตาธิปไตย โดยถือว่ากษัตริย์เป็นเสมือนพ่อของราษฎร ราษฎรจึงเรียกกษัตริย์ว่า “พ่อขุน” ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชโดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าวหรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกันข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมี ศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
กษัตริย์ในสมัยกรุงสุโขทัย ปกครองประชาชนแบบ “พ่อปกครองลูกหรือ ปิตาธิปไตย โดยถือว่ากษัตริย์เป็นเสมือนพ่อของราษฎร ราษฎรจึงเรียกกษัตริย์ว่า “พ่อขุน” ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชโดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าวหรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกันข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมี ศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราช โดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจาก สวรรค์ ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์” ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าว หรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกัน ข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์และประชาชนจึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้น
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร กษัตริย์ในสมัยกรุงสุโขทัย ปกครองประชาชนแบบ “พ่อปกครองลูกหรือ ปิตาธิปไตย โดยถือว่ากษัตริย์เป็นเสมือนพ่อของราษฎร ราษฎรจึงเรียกกษัตริย์ว่า “พ่อขุน” ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชโดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าวหรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกันข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมี ศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราช โดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจาก สวรรค์ ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์” ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าว หรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกัน ข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์และประชาชนจึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้น
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร กษัตริย์ในสมัยกรุงสุโขทัย ปกครองประชาชนแบบ “พ่อปกครองลูกหรือ ปิตาธิปไตย โดยถือว่ากษัตริย์เป็นเสมือนพ่อของราษฎร ราษฎรจึงเรียกกษัตริย์ว่า “พ่อขุน” ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชโดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าวหรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกันข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมี ศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราช โดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจาก สวรรค์ ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์” ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าว หรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกัน ข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์และประชาชนจึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้น 2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร กษัตริย์ในสมัยกรุงสุโขทัย ปกครองประชาชนแบบ “พ่อปกครองลูกหรือ ปิตาธิปไตย โดยถือว่ากษัตริย์เป็นเสมือนพ่อของราษฎร ราษฎรจึงเรียกกษัตริย์ว่า “พ่อขุน” ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชโดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าวหรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกันข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมี ศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
พระมหากษัตริย์ของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ผ่านกาลเวลามานานนับ 1,000 ปี แม้จะทรงมีพระราชอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ลักษณะการใช้พระราชอำนาจของแต่ละยุคแต่ละสมัยไม่ได้เป็นไปเพื่อกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนแม้แต่น้อย สมัยสุโขทัยเป็นราชธานีก็ทรงใช้อำนาจแบบพ่อปกครองลูก ให้ความยุติธรรมแก่ราษฎรอย่างเสมอหน้า ให้สิทธิเสรีภาพในการค้าขายและส่งเสริมให้ราษฎรคนไทยมั่นคงในพระพุทธศาสนา สมัยอยุธยาเป็นราชธานี แม้จะมีอิทธิพลของวัฒนธรรมในลัทธิพราหมณ์ที่หลั่งไหลมาจากเขมร คือ วัฒนธรรมเทวราชา หรือ เทพสมมติ ก็ไม่ปรากฏว่ามีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดทรงกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนกลับนำประชาชนให้มีความเข้มแข็งและขยายพระราชอาณาจักรออกไปและทรงใช้พระราชอำนาจอยู่ในกรอบของธรรมะ ทั้งลัทธิธรรมศาสตร์และ "ราชศาสตร์" อันได้แก่ กฎมณเฑียรบาล จำกัดการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ป้องกันการกดขี่ข่มเหงใช้อำนาจรังแกและลงโทษประชาชนให้รอบคอบ รัดกุม ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนามาเข้มแข็งขึ้นในหมู่คนไทยก็หันมาใช้อำนาจแบบพระธรรมราชาและจักรพรรดิราชา ภายใต้ทศพิธราชธรรม ราชสังคหวัตถุ และจักรวรรดิวัตร 12 สมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ แม้พระมหากษัตริย์จะยังเป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ก็มิได้ทรงใช้อำนาจกดขี่รังแกประชาชนคนไทยแต่อย่างใด กลับนำคนไทย ต่อสู้ข้าศึกศัตรูกอบกู้บ้านเมืองขึ้นมาจนได้รับการยกย่อง เชื่อถือและถึงกับกราบบังคมทูลให้ทั้ง 2 พระองค์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ในวาระเวลาที่ต่างกัน ได้เกิดวัฒนธรรมอำนาจใหม่ขึ้นมาเป็นอเนกชนนิกรสโมสรสมมติมาถึงปัจจุบัน
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
สมัยกรุงสุโขทัยมีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัย คอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน ราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย เป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก" ส่วน ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
: http://power.manager.co.th/1-10.html
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
ตอบ กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราช โดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าว หรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกัน ข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนาย หรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมีศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการ ให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้พระเจ้าอู่ทอง (พระรามาธิบดีที่ 1) ทรงวางระบบการปกครองดังนี้
ส่วนกลางเป็นแบบจตุสดมภ์ โดยมีเสนาบดี 4 คน คือ ขุนเมือง ขุนวัง ขุนคลัง และขุนนา เป็นผู้ดูแลกิจกรรมหลัก 4 ประการของการบริหารราชการแผ่นดิน มีการแบ่งหัวเมือง 3 ระดับ คือ หัวเมืองชั้นใน หัวเมืองชั้นนอก และเมืองประเทศราช
พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ
พระมหากษัตริย์ของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ผ่านกาลเวลามานานนับ 1,000 ปี แม้จะทรงมีพระราชอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ลักษณะการใช้พระราชอำนาจของแต่ละยุคแต่ละสมัยไม่ได้เป็นไปเพื่อกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนแม้แต่น้อย สมัยสุโขทัยเป็นราชธานีก็ทรงใช้อำนาจแบบพ่อปกครองลูก ให้ความยุติธรรมแก่ราษฎรอย่างเสมอหน้า ให้สิทธิเสรีภาพในการค้าขายและส่งเสริมให้ราษฎรคนไทยมั่นคงในพระพุทธศาสนา
สมัยอยุธยาเป็นราชธานี แม้จะมีอิทธิพลของวัฒนธรรมในลัทธิพราหมณ์ที่หลั่งไหลมาจากเขมร คือ วัฒนธรรมเทวราชา หรือ เทพสมมติ ก็ไม่ปรากฏว่ามีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดทรงกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนกลับนำประชาชนให้มีความเข้มแข็งและขยายพระราชอาณาจักรออกไปและทรงใช้พระราชอำนาจอยู่ในกรอบของธรรมะ ทั้งลัทธิธรรมศาสตร์และ "ราชศาสตร์" อันได้แก่ กฎมณเฑียรบาล จำกัดการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ป้องกันการกดขี่ข่มเหงใช้อำนาจรังแกและลงโทษประชาชนให้รอบคอบ รัดกุม ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนามาเข้มแข็งขึ้นในหมู่คนไทยก็หันมาใช้อำนาจแบบพระธรรมราชาและจักรพรรดิราชา ภายใต้ทศพิธราชธรรม ราชสังคหวัตถุ และจักรวรรดิวัตร 12
สมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ แม้พระมหากษัตริย์จะยังเป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ก็มิได้ทรงใช้อำนาจกดขี่รังแกประชาชนคนไทยแต่อย่างใด กลับนำคนไทย ต่อสู้ข้าศึกศัตรูกอบกู้บ้านเมืองขึ้นมาจนได้รับการยกย่อง เชื่อถือและถึงกับกราบบังคมทูลให้ทั้ง 2 พระองค์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ในวาระเวลาที่ต่างกัน ได้เกิดวัฒนธรรมอำนาจใหม่ขึ้นมาเป็นอเนกชนนิกรสโมสรสมมติมาถึงปัจจุบัน
ด้วยความยึดมั่นในพระพุทธศาสนาและปรัชญาการปกครองต่าง ๆ ที่ มุ่งต่อความมั่นคงของชาติบ้านเมืองและความอยู่ดีมีสุขของราษฎร มิได้มุ่งสั่งสมทรัพย์ศฤงคาร ความร่ำรวย หรือความสุขสบายเหมือนพระมหากษัตริย์ในประเทศอื่น ๆ จึงทำให้คนไทยมีความยึดมั่นจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และแยกจากกันไม่ออก
http://www.idis.ru.ac.th/report/index.php?topic=1194.
http://power.manager.co.th/1-10.html
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
ตอบ ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ เมื่อสิ้นกรุงสุโขทัย พระเจ้าอู่ทองได้สร้างกรุงศรีอยุธยา ศาสนาพราหมณ์เข้ามามีบทบาทอย่างมากโดยอิทธิพลของขอมและละโว้ ซึ่งถือว่ากษัตริย์คือพระผู้เป็นเจ้าอวตารมาเกิด พระเจ้าอู่ทองก็กลายเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ รูปแบบของสถาบันพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาแตกต่างจากสมัยสุโขทัยอย่างมากระบอบการปกครองของอยุธยาเป็นระบอบการปกครองซึ่งพระมหากษัตริย์มีอำนาจเป็นล้นพ้น
สังคมในสมัยอยุธยาขึ้นอยู่กับพระมหากษัตริย์โดยตรง ซึ่งต่างกับสมัยสุโขทัยที่พระมหากษัตริย์ทรงปกครองราษฎรเยี่ยงบิดาปกครองบุตร แต่ในสมัยอยุธยาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าโดยแท้ ตำแหน่งพระมหากษัตริย์เป็นตำแหน่งที่ช่วงชิงกันด้วยอำนาจทางทหาร แนวความคิดเกี่ยวกับพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเทวราชและทรงใช้พระราชอำนาจในฐานะที่ทรงเป็นสมมติเทพ กฎเกณฑ์ตลอดจนขนบประเพณีต่างๆ ได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อรักษาฐานะเทวราชของพระมหากษัตริย์ ทำให้พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอาจเป็นล้นพ้น
อ้างอิง
http://power.manager.co.th/1-10.htm
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
ตอบ พระมหากษัตริย์ของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ผ่านกาลเวลามานานนับ 1,000 ปี แม้จะทรงมีพระราชอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ลักษณะการใช้พระราชอำนาจของแต่ละยุคแต่ละสมัยไม่ได้เป็นไปเพื่อกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนแม้แต่น้อย สมัยสุโขทัยเป็นราชธานีก็ทรงใช้อำนาจแบบพ่อปกครองลูก ให้ความยุติธรรมแก่ราษฎรอย่างเสมอหน้า ให้สิทธิเสรีภาพในการค้าขายและส่งเสริมให้ราษฎรคนไทยมั่นคงในพระพุทธศาสนา สมัยอยุธยาเป็นราชธานี แม้จะมีอิทธิพลของวัฒนธรรมในลัทธิพราหมณ์ที่หลั่งไหลมาจากเขมร คือ วัฒนธรรมเทวราชา หรือ เทพสมมติ ก็ไม่ปรากฏว่ามีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดทรงกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนกลับนำประชาชนให้มีความเข้มแข็งและขยายพระราชอาณาจักรออกไปและทรงใช้พระราชอำนาจอยู่ในกรอบของธรรมะ ทั้งลัทธิธรรมศาสตร์และ "ราชศาสตร์" อันได้แก่ กฎมณเฑียรบาล จำกัดการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ป้องกันการกดขี่ข่มเหงใช้อำนาจรังแกและลงโทษประชาชนให้รอบคอบ รัดกุม ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนามาเข้มแข็งขึ้นในหมู่คนไทยก็หันมาใช้อำนาจแบบพระธรรมราชาและจักรพรรดิราชา ภายใต้ทศพิธราชธรรม ราชสังคหวัตถุ และจักรวรรดิวัตร 12 สมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ แม้พระมหากษัตริย์จะยังเป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ก็มิได้ทรงใช้อำนาจกดขี่รังแกประชาชนคนไทยแต่อย่างใด กลับนำคนไทย ต่อสู้ข้าศึกศัตรูกอบกู้บ้านเมืองขึ้นมาจนได้รับการยกย่อง เชื่อถือและถึงกับกราบบังคมทูลให้ทั้ง 2 พระองค์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ในวาระเวลาที่ต่างกัน ได้เกิดวัฒนธรรมอำนาจใหม่ขึ้นมาเป็นอเนกชนนิกรสโมสรสมมติมาถึงปัจจุบัน
2.2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ สมัยกรุงสุโขทัยมีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัย คอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน ราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย เป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก" ส่วน
ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
webcache.googleusercontent.com/
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร พระมหากษัตริย์ของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ผ่านกาลเวลามานานนับ 1,000 ปี แม้จะทรงมีพระราชอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ลักษณะการใช้พระราชอำนาจของแต่ละยุคแต่ละสมัยไม่ได้เป็นไปเพื่อกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนแม้แต่น้อย สมัยสุโขทัยเป็นราชธานีก็ทรงใช้อำนาจแบบพ่อปกครองลูก ให้ความยุติธรรมแก่ราษฎรอย่างเสมอหน้า ให้สิทธิเสรีภาพในการค้าขายและส่งเสริมให้ราษฎรคนไทยมั่นคงในพระพุทธศาสนา สมัยอยุธยาเป็นราชธานี แม้จะมีอิทธิพลของวัฒนธรรมในลัทธิพราหมณ์ที่หลั่งไหลมาจากเขมร คือ วัฒนธรรมเทวราชา หรือ เทพสมมติ ก็ไม่ปรากฏว่ามีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดทรงกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนกลับนำประชาชนให้มีความเข้มแข็งและขยายพระราชอาณาจักรออกไปและทรงใช้พระราชอำนาจอยู่ในกรอบของธรรมะ ทั้งลัทธิธรรมศาสตร์และ "ราชศาสตร์" อันได้แก่ กฎมณเฑียรบาล จำกัดการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ป้องกันการกดขี่ข่มเหงใช้อำนาจรังแกและลงโทษประชาชนให้รอบคอบ รัดกุม ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนามาเข้มแข็งขึ้นในหมู่คนไทยก็หันมาใช้อำนาจแบบพระธรรมราชาและจักรพรรดิราชา ภายใต้ทศพิธราชธรรม ราชสังคหวัตถุ และจักรวรรดิวัตร 12 สมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ แม้พระมหากษัตริย์จะยังเป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ก็มิได้ทรงใช้อำนาจกดขี่รังแกประชาชนคนไทยแต่อย่างใด กลับนำคนไทย ต่อสู้ข้าศึกศัตรูกอบกู้บ้านเมืองขึ้นมาจนได้รับการยกย่อง เชื่อถือและถึงกับกราบบังคมทูลให้ทั้ง 2 พระองค์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ในวาระเวลาที่ต่างกัน ได้เกิดวัฒนธรรมอำนาจใหม่ขึ้นมาเป็นอเนกชนนิกรสโมสรสมมติมาถึงปัจจุบัน 2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร กษัตริย์กรุงสุโขทัย ปกครองประชาชนแบบ “พ่อปกครองลูก” หรือ “ปิตาธิปไตย” โดยถือว่ากษัตริย์เป็นเสมือนพ่อของราษฎร ราษฎรจึงเรียกกษัตริย์ว่า“พ่อขุน” ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง กรุงศรีอยุธยา สถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชโดยสมบูรณ์แบบคืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียวโดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า“ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าวหรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกันข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลาจึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมีศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร พระมหากษัตริย์ของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ผ่านกาลเวลามานานนับ 1,000 ปี แม้จะทรงมีพระราชอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ลักษณะการใช้พระราชอำนาจของแต่ละยุคแต่ละสมัยไม่ได้เป็นไปเพื่อกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนแม้แต่น้อย สมัยสุโขทัยเป็นราชธานีก็ทรงใช้อำนาจแบบพ่อปกครองลูก ให้ความยุติธรรมแก่ราษฎรอย่างเสมอหน้า ให้สิทธิเสรีภาพในการค้าขายและส่งเสริมให้ราษฎรคนไทยมั่นคงในพระพุทธศาสนา สมัยอยุธยาเป็นราชธานี แม้จะมีอิทธิพลของวัฒนธรรมในลัทธิพราหมณ์ที่หลั่งไหลมาจากเขมร คือ วัฒนธรรมเทวราชา หรือ เทพสมมติ ก็ไม่ปรากฏว่ามีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดทรงกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนกลับนำประชาชนให้มีความเข้มแข็งและขยายพระราชอาณาจักรออกไปและทรงใช้พระราชอำนาจอยู่ในกรอบของธรรมะ ทั้งลัทธิธรรมศาสตร์และ "ราชศาสตร์" อันได้แก่ กฎมณเฑียรบาล จำกัดการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ป้องกันการกดขี่ข่มเหงใช้อำนาจรังแกและลงโทษประชาชนให้รอบคอบ รัดกุม ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนามาเข้มแข็งขึ้นในหมู่คนไทยก็หันมาใช้อำนาจแบบพระธรรมราชาและจักรพรรดิราชา ภายใต้ทศพิธราชธรรม ราชสังคหวัตถุ และจักรวรรดิวัตร 12 สมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ แม้พระมหากษัตริย์จะยังเป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ก็มิได้ทรงใช้อำนาจกดขี่รังแกประชาชนคนไทยแต่อย่างใด กลับนำคนไทย ต่อสู้ข้าศึกศัตรูกอบกู้บ้านเมืองขึ้นมาจนได้รับการยกย่อง เชื่อถือและถึงกับกราบบังคมทูลให้ทั้ง 2 พระองค์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ในวาระเวลาที่ต่างกัน ได้เกิดวัฒนธรรมอำนาจใหม่ขึ้นมาเป็นอเนกชนนิกรสโมสรสมมติมาถึงปัจจุบัน 2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร กษัตริย์กรุงสุโขทัย ปกครองประชาชนแบบ “พ่อปกครองลูก” หรือ “ปิตาธิปไตย” โดยถือว่ากษัตริย์เป็นเสมือนพ่อของราษฎร ราษฎรจึงเรียกกษัตริย์ว่า“พ่อขุน” ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง กรุงศรีอยุธยา สถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชโดยสมบูรณ์แบบคืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียวโดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า“ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าวหรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกันข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลาจึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมีศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
1.คำว่า “สมมติเทพ” มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร?
ตอบ การดำรงฐานะของเจ้าชีวิตเจ้าแผ่นดินของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตมี รูปแบบการใช้อำนาจรัฐาธิปัตย์แตกต่างกันไปบ้างตามกาลสมัย แต่ก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งพระราชอำนาจสูงสุดเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของผู้คนตลอดทั่วพระราชอาณาจักร และทรงเป็นผู้นำทางจิตใจของคนไทยโดยไม่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลากว่า 1,000 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน สมัยกรุงสุโขทัย มีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็น ผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัย คอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน ราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย เป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก" ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา หลังจากพระนเรศวรมหาราชทรงขับไล่พม่าข้าศึกไปจากกรุงศรีอยุธยาแล้ว พระเจ้าแผ่นดินในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็หันไปบำรุงด้านศาสนา ศิลปวัฒนธรรม มิได้บำรุงด้านทหารให้เข้มแข็งเหมือนเดิม มินานก็เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 แก่พม่าอีกครั้งหนึ่ง จนอยุธยาต้องล่มสลายลงเมื่อ พ.ศ. 2310 สมัยพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ต้องใช้พระราชอำนาจเด็ดขาดกอบกู้บ้านเมือง ขับไล่ศัตรูจนสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี กอบกู้เอกราชได้สำเร็จ ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงรักษาความเป็นธรรมราชาด้วยแต่พระองค์ก็ทรงครองราชย์อยู่ในช่วงเวลาอันสั้น สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ความเป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน เปลี่ยนแปลงรูปแบบอีกครั้ง จากเทพสมมติ มาเป็น "อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ" คือ เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ประชาชนทั้งปวงยอมรับ ด้วยการที่ข้าราชการและราษฎรทั้งปวงพร้อมกันกราบทูลวิงวอนเชิญสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกขึ้นครองราชย์สมบัติ นอกจากประชาชนจะยอมรับในองค์พระมหากษัตริย์แล้ว ประชาชนยังมีความเชื่ออีกว่า พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จะต้องทรงตั้งมั่นในหลักธรรมะ คือ ทศพิธราชธรรม สังคหวัตถุ และ จักรวรรดิวัตร ที่จะทรงใช้ในการทรงคุ้มครองและทำประโยชน์ให้แก่แผ่นดินและราษฎร
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ แตกต่างกัน คือ
1. พระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยา
เมื่อปลายกรุงสุโขทัย พระเจ้าอู่ทองได้สร้างกรุงศรีอยุธยา ศาสนาพราหมณ์เข้ามามีบทบาทอย่างมากโดยเฉพาะอิทธิพลของขอมและละโว้ ซึ่งถือว่ากษัตริย์คือพระผู้เป็นเจ้าอวตารมาเกิด พระเจ้าอู่ทองก็กลายเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 รูปแบบของสถาบันพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาแตกต่างจากสมัยสุโขทัยอย่างมาก ระบอบการปกครองของอยุธยาเป็นระบอบการปกครองซึ่งพระมหากษัตริย์มีอำนาจเป็นล้นพ้น สังคมในสมัยอยุธยาขึ้นอยู่กับพระมหากษัตริย์โดยตรง ซึ่งต่างกับสมัยสุโขทัยที่พระมหากษัตริย์ทรงปกครองราษฎรเยี่ยงบิดาปกครองบุตร แต่ในสมัยอยุธยาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าโดยแท้ ตำแหน่งพระมหากษัตริย์เป็นตำแหน่งที่ช่วงชิงกันด้วยอำนาจทางทหาร แนวความคิดเกี่ยวกับพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเทวราชและทรงใช้พระราชอำนาจในฐานะที่ทรงเป็นสมมติเทพ
2.พระมหากษัตริย์ไทยสมัยสุโขทัย
สุโขทัยเป็นนครหลวงแห่งแรกของประชาชนเชื้อสายไทย สังคมไทยในยุคนี้มีลักษณะเป็นสังคมเผ่า มีความเกี่ยวพันและผูกพันกันอย่างหนาแน่นในสายโลหิต อาณาเขตของสุโขทัยในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์ประกอบด้วยเมืองสุโขทัยและศรีสัชชนาลัยเท่านั้น ต่อมาได้ขยายกว้างขวางขึ้นในสมัย พ่อขุนรามคำแหง ความสัมพันธ์ของประชาชนก็มีลักษณะเป็นความสัมพันธ์ทางใจอันเกิดจากความรู้สึกว่าเป็นคนสายเลือดเดียวกัน และอยู่ภายใต้การปกครองโดย “พ่อขุน” องค์เดียวกัน ตามหลักฐานศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช แนวคิดเกี่ยวกับพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในสมัยสุโขทัยนี้ทรงเป็นผู้ครองนคร ซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิเหนืออาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง สิทธิการเป็นพระมหากษัตริย์สืบทอดโดยการสืบสันตติวงศ์ ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงตัวผู้ปกครองแผ่นดิน พระมหากษัตริย์ยังคงเป็นพระมหากษัตริย์ของชาวพุทธแท้ๆ ไม่มีคตินิยมแบบพราหมณ์เข้ามาปะปน พอสิ้นรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงจนถึงรัชกาลกษัตริย์องค์ต่อๆ มา เช่น พระมหาธรรมราชาลิไทย อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์เริ่มเข้ามา กษัตริย์เริ่มเป็นเทพยดา แต่ก็ยังยึดศาสนาพุทธอยู่ จึงเป็นแค่ “ธรรมราชา” ซึ่งเป็นคำในศาสนาพุทธ เหมือนที่ใช้เรียกพระเจ้าอโศก แต่หลังจากนั้นมาเริ่มเป็น “รามาธิบดี”
อ้างอิง
http://power.manager.co.th/1-10.html
http://www.chaoprayanews.com
http://www.thaipoliticsgovernment.org
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร พระมหากษัตริย์ของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ผ่านกาลเวลามานานนับ 1,000 ปี แม้จะทรงมีพระราชอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ลักษณะการใช้พระราชอำนาจของแต่ละยุคแต่ละสมัยไม่ได้เป็นไปเพื่อกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนแม้แต่น้อย สมัยสุโขทัยเป็นราชธานีก็ทรงใช้อำนาจแบบพ่อปกครองลูก ให้ความยุติธรรมแก่ราษฎรอย่างเสมอหน้า ให้สิทธิเสรีภาพในการค้าขายและส่งเสริมให้ราษฎรคนไทยมั่นคงในพระพุทธศาสนา สมัยอยุธยาเป็นราชธานี แม้จะมีอิทธิพลของวัฒนธรรมในลัทธิพราหมณ์ที่หลั่งไหลมาจากเขมร คือ วัฒนธรรมเทวราชา หรือ เทพสมมติ ก็ไม่ปรากฏว่ามีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดทรงกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนกลับนำประชาชนให้มีความเข้มแข็งและขยายพระราชอาณาจักรออกไปและทรงใช้พระราชอำนาจอยู่ในกรอบของธรรมะ ทั้งลัทธิธรรมศาสตร์และ "ราชศาสตร์" อันได้แก่ กฎมณเฑียรบาล จำกัดการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ป้องกันการกดขี่ข่มเหงใช้อำนาจรังแกและลงโทษประชาชนให้รอบคอบ รัดกุม ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนามาเข้มแข็งขึ้นในหมู่คนไทยก็หันมาใช้อำนาจแบบพระธรรมราชาและจักรพรรดิราชา ภายใต้ทศพิธราชธรรม ราชสังคหวัตถุ และจักรวรรดิวัตร 12 สมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ แม้พระมหากษัตริย์จะยังเป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ก็มิได้ทรงใช้อำนาจกดขี่รังแกประชาชนคนไทยแต่อย่างใด กลับนำคนไทย ต่อสู้ข้าศึกศัตรูกอบกู้บ้านเมืองขึ้นมาจนได้รับการยกย่อง เชื่อถือและถึงกับกราบบังคมทูลให้ทั้ง 2 พระองค์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ในวาระเวลาที่ต่างกัน ได้เกิดวัฒนธรรมอำนาจใหม่ขึ้นมาเป็นอเนกชนนิกรสโมสรสมมติมาถึงปัจจุบัน 2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร สมัยกรุงสุโขทัย มีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัย คอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน ราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย เป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก" สมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
คำว่า สมมติเทพ มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
http://www.dhammajak.net/board/files/re_exposure_of_resize_of_resize_of_paragraph_115.jpg
สมัยกรุงสุโขทัย มีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก พระมหากษัตริย์จะมีพระนามขึ้นต้นว่า "พ่อขุน" มีความของใกล้ชิดระหว่างกษัตริย์กับประชาชนมาก หลังจากรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแล้ว พระมหากษัตริย์สุโขทัยมีพระนามขึ้นต้นว่า "พญา" เพื่อยกฐานะกษัตริย์ให้สูงขึ้น ในรัชกาลพญาลิไท พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ เฟื่องฟูมาก จึงมีแนวคิด ธรรมราชา ตามคติพุทธขึ้นมา ทำให้พระนามขึ้นต้นพระมหากษัตริย์ตั้งแต่รัชกาลพญาลิไทเรียกว่า "พระมหาธรรมราชา" ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะฉะนั้นคำว่า สมมติเทพ กับพระมหากษัตริย์ จึงมีความสัมพันธ์กันดังนี้ เมื่อประเทศไทยใช้สมมติเทพนั้น ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชนชั้น ของพระมหากษัตริย์และประชาชน มากขึ้น 2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร สมัยสุโขทัย (พ.ศ. 1781 - 1981)
ได้รับคติพราหมณ์มาจากขอม เรียกว่า เทวราชา หรือ สมมติเทพ
หมายถึงพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเทพมาอวตารเพื่อปกครองมวลมนุษย์
ทำให้ชนชั้นกษัตริย์มีสิทธิอำนาจมากที่สุดในอาณาจักรและห่างเหินจากชนชั้น
ประชาชนมากขึ้น คำขึ้นต้นพระนามเรียกว่า "สมเด็จ" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย
พระราชอำนาจด้านการปกครองถูกโอนมาเป็นของรัฐบาลพลเรือนและทหาร
พระมหากษัตริย์จะทรงใช้พระราชอำนาจผ่านฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ
การปกครองเป็นแบบพ่อปกครองลูก ผู้ปกครองคือพระมหากษัตริย์ คำนำหน้าของ
พระมหากษัตริย์ไทยในสมัยนั้นจึงใช้คำว่า "พ่อขุน" ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน
ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่ความเชื่อว่า
พระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
- ในสมัยอยุธยาพระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ(ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่างๆเช่น พระอิศวร พระพรหมพระนารายณ์พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้นเช่นพระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนาคนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ความเป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดินเปลี่ยนแปลงรูปแบบอีกครั้ง จากเทพสมมติ มาเป็น "อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ" คือเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ประชาชนทั้งปวงยอมรับด้วยการที่ข้าราชการและราษฎรทั้งปวงพร้อมกันกราบทูลวิงวอนเชิญสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกขึ้นครองราชสมบัตินอกจากประชาชนจะยอมรับในองค์พระมหากษัตริย์แล้วประชาชนยังมีความเชื่ออีกว่าพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จะต้องทรงตั้งมั่นในหลักธรรมะ คือทศพิธราชธรรม สังคหวัตถุ และจักรวรรดิวัตรที่จะทรงใช้ในการทรงคุ้มครองและทำประโยชน์ให้แก่แผ่นดินและราษฎร
2.พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
- แตกต่าง พระมหากษัตริย์ของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้ผ่านกาลเวลามานานนับ 1,000 ปี แม้จะทรงมีพระราชอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่ลักษณะการใช้พระราชอำนาจของแต่ละยุคแต่ละสมัยไม่ได้เป็นไปเพื่อกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนแม้แต่น้อยสมัยสุโขทัยเป็นราชธานีก็ทรงใช้อำนาจแบบพ่อปกครองลูกให้ความยุติธรรมแก่ราษฎรอย่างเสมอหน้าให้สิทธิเสรีภาพในการค้าขายและส่งเสริมให้ราษฎรคนไทยมั่นคงในพระพุทธศาสนา
สมัยอยุธยาเป็นราชธานีแม้จะมีอิทธิพลของวัฒนธรรมในลัทธิพราหมณ์ที่หลั่งไหลมาจากเขมร คือ วัฒนธรรมเทวราชา หรือ เทพสมมติก็ไม่ปรากฏว่ามีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดทรงกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชนกลับนำประชาชนให้มีความเข้มแข็งและขยายพระราชอาณาจักรออกไปและทรงใช้พระราชอำนาจอยู่ในกรอบของธรรมะทั้งลัทธิธรรมศาสตร์และ "ราชศาสตร์" อันได้แก่ กฎมณเฑียรบาลจำกัดการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ป้องกันการกดขี่ข่มเหงใช้อำนาจรังแกและลงโทษประชาชนให้รอบคอบ รัดกุมต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนามาเข้มแข็งขึ้นในหมู่คนไทยก็หันมาใช้อำนาจแบบพระธรรมราชาและจักรพรรดิราชาภายใต้ทศพิธราชธรรม ราชสังคหวัตถุ และจักรวรรดิวัตร 12
http://power.manager.co.th/1-10.html
1.คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
- พระมหากษัตริย์ในฐานะองค์สมมติเทพพระมหากษัตริย์ทรงดำรงฐานะเป็นสมมติเทพตามติของศาสนาพราหมณ์ขนบธรรมเนียมประเพณีเกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นสมมติเทพเช่น การสร้างที่ประทับ พระที่นั่งพระราชวัง การประกอบพิธีต่างๆ การใช้คำราชาศัพท์เป็นต้น
พระมหากษัตริย์ในฐานะธรรมราชาตามคติธรรมราชานั้นถือว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม 10ประการ และจักรวรรดิวัตร 12 ประการ
อย่างไรก็ตามโดยขัตติยราชประเพณีแล้วพระมหากษัตริย์ทรงดำรงฐานะประดุจดังสมมติเทพโดยคติความเชื่อ แต่ในทางปฏิบัติ พระองค์ทรงเป็นธรรมราชาทำให้ฐานะของพระมหากษัตริย์ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นมีลักษณะของความเป็นผู้นำทางการเมืองที่เหมือนคนธรรมดามากขึ้นแต่พระองค์ก็ยังทรงมีพระราชอำนาจสูงสุดเป็นเจ้าชีวิตของปวงชน เป็นพระเจ้าแผ่นดินเป็นจอมทัพ เป็นต้น และพระบรมราชโองการของพระองค์ ผู้ใดจะฝ่าฝืนไม่ได้ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษอย่างหนัก
http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1494
2.พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
สมัยกรุงสุโขทัยมีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัยคอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากันราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขายเป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก"
ในสมัยอยุธยาพระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่างๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่นพระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนาคนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
http://nucha.chs.ac.th/1.4.htm
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
ตอบ ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและ
ได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ
(ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูป
สิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์
พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น
เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
หลังจากพระนเรศวรมหาราชทรงขับไล่พม่าข้าศึกไปจากกรุงศรีอยุธยาแล้ว
พระเจ้าแผ่นดินในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็หันไปบำรุงด้านศาสนา ศิลปวัฒนธรรม
มิได้บำรุงด้านทหารให้เข้มแข็งเหมือนเดิม
มินานก็เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 แก่พม่าอีกครั้งหนึ่ง
จนอยุธยาต้องล่มสลายลงเมื่อ พ.ศ. 2310
สมัยพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์
ต้องใช้พระราชอำนาจเด็ดขาดกอบกู้บ้านเมือง
ขับไล่ศัตรูจนสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี กอบกู้เอกราชได้สำเร็จ
ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงรักษาความเป็นธรรมราชาด้วยแต่พระองค์ก็ทรงครองราชย์อยู่ในช่วงเวลาอันสั้น
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ความเป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน เปลี่ยนแปลงรูปแบบอีกครั้ง จากเทพสมมติ มาเป็น "อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ"
คือ เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ประชาชนทั้งปวงยอมรับ
ด้วยการที่ข้าราชการและราษฎรทั้งปวงพร้อมกันกราบทูลวิงวอนเชิญสมเด็จเจ้า
พระยามหากษัตริย์ศึกขึ้นครองราชสมบัติ
นอกจากประชาชนจะยอมรับในองค์พระมหากษัตริย์แล้ว
ประชาชนยังมีความเชื่ออีกว่า
พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จะต้องทรงตั้งมั่นในหลักธรรมะ คือ ทศพิธราชธรรม สังคหวัตถุ และ จักรวรรดิวัตร ที่จะทรงใช้ในการทรงคุ้มครองและทำประโยชน์ให้แก่แผ่นดินและราษฎร
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัย และ สมัยอยุธยามีความแตกต่างกัน ดังนี้
พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัย
สุโขทัย
เป็นนครหลวงแห่งแรกของประชาชนเชื้อสายไทย
สังคมไทยในยุคนี้มีลักษณะเป็นสังคมเผ่า
มีความเกี่ยวพันและผูกพันกันอย่างหนาแน่นในสายโลหิต
อาณาเขตของสุโขทัยในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์ประกอบด้วย
เมืองสุโขทัยและศรีสัชชนาลัยเท่านั้น ต่อ
มาได้ขยายกว้างขวางขึ้นในสมัยพ่อขุนรามคำแหง
ความสัมพันธ์ของประชาชนก็มีลักษณะเป็นความสัมพันธ์ทางใจอันเกิดจากความ
รู้สึกว่าเป็นคนสายเลือดเดียวกันและอยู่ภายใต้การปกครองโดย " พ่อขุน " องค์เดียวกัน ตามหลักฐานศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช แนว
คิดเกี่ยวกับพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในสมัยสุโขทัยนี้ทรงเป็นผู้ครอง
นคร ซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิเหนืออาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง
สิทธิการเป็นพระมหากษัตริย์สืบทอดโดยการสืบสันตติวงศ์
ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงตัวผู้ปกครองแผ่นดิน
พระมหากษัตริย์ยังคงเป็นของชาวพุทธแท้ๆ ไม่มีคตินิยมแบบพราหมณ์เข้ามาปะปน
พอสิ้นรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงจนถึงรัชกาลกษัตริย์องค์ต่อๆมา เช่น
พระมหาธรรมราชาลิไท อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์เริ่มเข้ามา
กษัตริย์เริ่มเป็นเทพยดา แต่ก็ยังยึดศาสนาพุทธอยู่ จึงเป็นแค่ " ธรรมราชา " ซึ่งเป็นคำในศาสนาพุทธ เหมือนที่ใช้เรียกพระเจ้าอโศก แต่หลังจากนั้นเริ่มเป็น " รามาธิบดี "ด้วย
ความยึดมั่นในพระพุทธศาสนาและปรัชญาการปกครองต่าง ๆ ที่
มุ่งต่อความมั่นคงของชาติบ้านเมืองและความอยู่ดีมีสุขของราษฎร
มิได้มุ่งสั่งสมทรัพย์ศฤงคาร ความร่ำรวย
หรือความสุขสบายเหมือนพระมหากษัตริย์ในประเทศอื่น ๆ
จึงทำให้คนไทยมีความยึดมั่นจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และแยกจากกัน
ไม่ออก
พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยา
เมื่อปลายกรุงสุโขทัย พระเจ้าอู่ทองได้สร้างกรุงศรีอยุธยา
ศาสนาพราหมณ์เข้ามามีบทบาทอย่างมากโดยเฉพาะอิทธิพลของขอมและละโว้
ซึ่งถือว่ากษัตริย์คือพระผู้เป็นเจ้าอวตารมาเกิด
พระเจ้าอู่ทองก็กลายเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
รูปแบบของสถาบันพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาแตกต่างจากสมัยสุโขทัยอย่างมาก
ระบอบการปกครองของอยุธยาเป็นระบอบการปกครองซึ่งพระมหากษัตริย์มีอำนาจเป็น
ล้นพ้นสังคมในสมัยอยุธยาขึ้นอยู่กับพระมหากษัตริย์โดยตรง
ซึ่งต่างกับสมัยสุโขทัยที่พระมหากษัตริย์ทรงปกครองราษฎรเยี่ยงบิดาปกครอง
บุตร แต่ในสมัยอยุธยาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าโดยแท้
ตำแหน่งพระมหากษัตริย์เป็นตำแหน่งที่ช่วงชิงกันด้วยอำนาจทางทหาร
แนวความคิดเกี่ยวกับพราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเทวราชและทรงใช้พระ
ราชอำนาจในฐานะที่ทรงเป็นสมมติเทพอาณาจักรอยุธยา เป็นอาณาจักรของไทยในอดีต
มีหลักฐานของการเป็นเมืองในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่
16 – 18 โดยมีร่องรอยของที่ตั้งเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุ
และเรื่องราวเหตุการณ์ในลักษณะตำนาน พงศาวดารไปจนถึงศิลาจารึก
ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานร่วมสมัยที่ใกล้เคียงเหตุการณ์มากที่สุด
ว่าก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ใน พ.ศ. 1893 นั้น
ได้มีบ้านเมืองตั้งอยู่ก่อนแล้ว มีชื่อเรียกว่า เมืองอโยธยา หรือ
อโยธยาศรีรามเทพนคร หรือ เมืองพระราม
มีที่ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเกาะ
เมืองอยุธยาเป็นเมืองที่มีความเจริญทางการเมืองการปกครอง
และมีวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองแห่งหนึ่ง
สรุป
, ทั้งสองสมัยนี้ มีความแตกต่างกันคือ สมัยสุโขทัย
ก็จะปกครองแบบพ่อปกครองลูก เพราะว่าสมัยนั้น ผู้คนยังไม่มาก และ
ปกครองในลักษณะนี้ เป็นการปกครองที่พระมหากษัตริย์จะมีความผูกพันธ์ กับ
ประชาชนเป็นอย่างมาก ส่วนสมัยอยุธยา จะปกครองแบบสมมติเทพ !
ซึ่งมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ข้อมูลอ้างอิงจาก ; http://www.chaoprayanews.com/2009/03/26
http://power.manager.co.th/1-10.html
จัดทำโดย
นายธันย์ศรุต พิชิตศักดิ์ประภา เลขที่ 17 ม.5/8
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
http://power.manager.co.th/1-10.html
พระมหากษัตริย์สมัยกรุงสุโขทัย
1. คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร สมัยกรุงสุโขทัย มีการปกครองแบบพ่อปกครองลูกพระมหากษัตริย์จะมีพระนามขึ้นต้นว่า "พ่อขุน" มีความใกล้ชิดระหว่างกษัตริย์กับประชาชนมาก หลังจากรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแล้ว พระมหากษัตริย์สุโขทัยมีพระนามขึ้นต้นว่า "พญา" เพื่อยกฐานะกษัตริย์ให้สูงขึ้น ในรัชกาลพญาลิไท พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ เฟื่องฟูมาก จึงมีแนวคิด ธรรมราชา ตามคติพุทธขึ้นมา ทำให้พระนามขึ้นต้นของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่รัชกาลพญาลิไทเรียกว่า "พระมหาธรรมราชา" ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ได้รับคติพราหมณ์มาจากขอม เรียกว่า เทวราชา หรือ สมมติเทพ
หมายถึงพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเทพมาอวตารเพื่อปกครองมวลมนุษย์
ทำให้ชนชั้นกษัตริย์มีสิทธิอำนาจมากที่สุดในอาณาจักรและห่างเหินจากชนชั้น
ประชาชนมากขึ้น คำขึ้นต้นพระนามเรียกว่า "สมเด็จ" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
สมัยสุโขทัย (พ.ศ.
1781 - 1981) การปกครองเป็นแบบพ่อปกครองลูก ผู้ปกครองคือพระมหากษัตริย์
คำนำหน้าของ พระมหากษัตริย์ไทยในสมัยนั้นจึงใช้คำว่า "พ่อขุน" สมัยอยุธยา (พ.ศ.
1893 - 2310) เริ่มต้นเมื่อพระเจ้าอู่ทอง
ทรงตั้งกรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานีเมื่อราวปี พ.ศ. 1893
คำที่ใช้เรียกพระเจ้าอู่ทองมิได้เรียก
"พ่อขุน"อย่างที่เรียกกันมาครั้งสุโขทัย แต่เรียกว่า "สมเด็จ
พระพุทธเจ้าอยู่หัว"พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะเทวราชหรือสมมติเทพ เป็นองค์รัฐาธิปัตย์ ปกครองแผ่นดิน
อ้างอิงhttp://forum.mthai.com/
http://th.wikipedia.org/wiki/
1.คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราช โดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าว หรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกัน ข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนาย หรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมีศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการ ให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้ 2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร สมัยกรุงสุโขทัย มีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัย คอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน ราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย เป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก" สมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา ที่มา http://www.idis.ru.ac.th/report/index.php?topic=1194.0 http://power.manager.co.th/1-10.html
1. “สมมติเทพ” มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร?
ตอบการ
ดำรงฐานะของเจ้าชีวิตเจ้าแผ่นดินของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตมีรูปแบบการใช้
อำนาจรัฐาธิปัตย์แตกต่างกันไปบ้างตามกาลสมัยแต่ก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งพระราช
อำนาจสูงสุดเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของผู้คนตลอดทั่วพระราชอาณาจักรและทรง
เป็นผู้นำทางจิตใจของคนไทยโดยไม่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลากว่า 1,000 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
สมัย
กรุงสุโขทัย มีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน"เป็นเจ้าชีวิต -
เจ้าแผ่นดิน
ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุขปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัยคอยปก
ป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากันราษฎรมีสิทธิในการ
ร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์
และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขายเป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ
"พ่อปกครองลูก"
ใน
สมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต -
เจ้าแผ่นดินทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่
มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหา
กษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ
(ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูป
สิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่างๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม
พระนารายณ์พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพ
พรหมเหล่านั้น เช่นพระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน
"พระมหากษัตริย์"
ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนาคนไทยเชื่อว่า
พระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา"
เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระ
พุทธศาสนา
หลัง
จากพระนเรศวรมหาราชทรงขับไล่พม่าข้าศึกไปจากกรุงศรีอยุธยาแล้วพระเจ้าแผ่น
ดินในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็หันไปบำรุงด้านศาสนา
ศิลปวัฒนธรรมมิได้บำรุงด้านทหารให้เข้มแข็งเหมือนเดิม
มินานก็เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 แก่พม่าอีกครั้งหนึ่งจนอยุธยาต้องล่มสลายลงเมื่อ พ.ศ. 2310
สมัย
พระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ต้องใช้พระราชอำนาจเด็ดขาดกอบกู้
บ้านเมือง
ขับไล่ศัตรูจนสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีกอบกู้เอกราชได้สำเร็จขณะเดียวกัน
พระองค์ก็ทรงรักษาความเป็นธรรมราชาด้วยแต่พระองค์ก็ทรงครองราชย์อยู่ในช่วง
เวลาอันสั้น
สมัย
กรุงรัตนโกสินทร์ ความเป็นเจ้าชีวิต -
เจ้าแผ่นดินเปลี่ยนแปลงรูปแบบอีกครั้ง จากเทพสมมติ มาเป็น
"อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ"
คือเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ประชาชนทั้งปวงยอมรับด้วยการที่ข้าราชการและราษฎร
ทั้งปวงพร้อมกันกราบทูลวิงวอนเชิญสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกขึ้นครอง
ราชย์สมบัตินอกจากประชาชนจะยอมรับในองค์พระมหากษัตริย์แล้ว
ประชาชนยังมีความเชื่ออีกว่าพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จะต้องทรงตั้งมั่นใน
หลักธรรมะ คือ ทศพิธราชธรรมสังคหวัตถุ และ
จักรวรรดิวัตรที่จะทรงใช้ในการทรงคุ้มครองและทำประโยชน์ให้แก่แผ่นดินและ
ราษฎร
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร?
ตอบ แตกต่างกัน คือ
1.พระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยา
เมื่อ
ปลายกรุงสุโขทัยพระเจ้าอู่ทองได้สร้างกรุงศรีอยุธยาศาสนาพราหมณ์เข้ามามี
บทบาทอย่างมากโดยเฉพาะอิทธิพลของขอมและละโว้ซึ่งถือว่ากษัตริย์คือพระผู้
เป็นเจ้าอวตารมาเกิดพระเจ้าอู่ทองก็กลายเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 รูป
แบบของสถาบันพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาแตกต่างจากสมัยสุโขทัยอย่างมากระบอบ
การปกครองของอยุธยาเป็นระบอบการปกครองซึ่งพระมหากษัตริย์มีอำนาจเป็นล้นพ้น
สังคม
ในสมัยอยุธยาขึ้นอยู่กับพระมหากษัตริย์โดยตรงซึ่งต่างกับสมัยสุโขทัยที่พระ
มหากษัตริย์ทรงปกครองราษฎรเยี่ยงบิดาปกครองบุตรแต่ในสมัยอยุธยาเป็นความ
สัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าโดยแท้ตำแหน่งพระมหากษัตริย์เป็นตำแหน่งที่ช่วง
ชิงกันด้วยอำนาจทางทหารแนวความคิดเกี่ยวกับพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ทรง
เป็นเทวราชและทรงใช้พระราชอำนาจในฐานะที่ทรงเป็นสมมติเทพ
2.พระมหากษัตริย์ไทยสมัยสุโขทัย
สุโขทัย
เป็นนครหลวงแห่งแรกของประชาชนเชื้อสายไทยสังคมไทยในยุคนี้มีลักษณะเป็นสังคม
เผ่ามีความเกี่ยวพันและผูกพันกันอย่างหนาแน่นในสายโลหิตอาณาเขตของสุโขทัยใน
สมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์ประกอบด้วยเมืองสุโขทัยและศรี
สัชชนาลัยเท่านั้นต่อมาได้ขยายกว้างขวางขึ้นในสมัย พ่อขุนรามคำแหง
ความสัมพันธ์ของประชาชนก็มีลักษณะเป็นความสัมพันธ์ทางใจอันเกิดจากความ
รู้สึกว่าเป็นคนสายเลือดเดียวกันและอยู่ภายใต้การปกครองโดย “พ่อขุน” องค์เดียวกันตามหลักฐานศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
แนว
คิดเกี่ยวกับพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในสมัยสุโขทัยนี้ทรงเป็นผู้ครอง
นครซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิเหนืออาณาประชาราษฎร์ทั้งปวงสิทธิการเป็นพระมหา
กษัตริย์สืบทอดโดยการสืบสันตติวงศ์ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงตัวผู้ปกครองแผ่น
ดินพระมหากษัตริย์ยังคงเป็นพระมหากษัตริย์ของชาวพุทธแท้ๆไม่มีคตินิยมแบบ
พราหมณ์เข้ามาปะปน
พอสิ้นรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงจนถึงรัชกาลกษัตริย์องค์ต่อๆมา เช่น
พระมหาธรรมราชาลิไทย
อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์เริ่มเข้ามากษัตริย์เริ่มเป็นเทพยดา
แต่ก็ยังยึดศาสนาพุทธอยู่ จึงเป็นแค่ “ธรรมราชา” ซึ่งเป็นคำในศาสนาพุทธเหมือนที่ใช้เรียกพระเจ้าอโศก แต่หลังจากนั้นมาเริ่มเป็น “รามาธิบดี”
อ้างอิง
http://power.manager.co.th/1-10.htmlhttp://www.chaoprayanews.com
http://www.thaipoliticsgovernment.org
1.คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราช โดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าว หรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกัน ข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนาย หรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมีศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการ ให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
สมัยกรุงสุโขทัย มีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัย คอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน ราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย เป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก"
สมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
ที่มา
http://power.manager.co.th/1-10.html
1.คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราช โดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าว หรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกัน ข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนาย หรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมีศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการ ให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
สมัยกรุงสุโขทัย มีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัย คอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน ราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย เป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก"
สมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
ที่มา
http://power.manager.co.th/1-10.html
1.คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราช โดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าว หรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกัน ข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนาย หรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมีศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการ ให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
สมัยกรุงสุโขทัย มีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัย คอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน ราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย เป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก"
สมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
ที่มา
http://power.manager.co.th/1-10.html
1.คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
กรุงศรีอยุธยาสถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราช โดยสมบูรณ์แบบ คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าว หรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกัน ข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนาย หรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมีศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการ ให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
สมัยกรุงสุโขทัย มีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัย คอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน ราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย เป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก"
สมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
ที่มา
http://power.manager.co.th/1-10.html
1.คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
พระมหากษัตริย์ในฐานะองค์สมมติเทพ พระมหากษัตริย์ทรงดำรงฐานะเป็นสมมติเทพตามติของศาสนาพราหมณ์ ขนบธรรมเนียมประเพณีเกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นสมมติเทพ เช่น การสร้างที่ประทับ พระที่นั่งพระราชวัง การประกอบพิธีต่างๆ การใช้คำราชาศัพท์ เป็นต้น
พระมหากษัตริย์ในฐานะธรรมราชา ตามคติธรรมราชานั้นถือว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม 10 ประการ และจักรวรรดิวัตร 12 ประการ
อย่างไรก็ตาม โดยขัตติยราชประเพณีแล้วพระมหากษัตริย์ทรงดำรงฐานะประดุจดังสมมติเทพ โดยคติความเชื่อ แต่ในทางปฏิบัติ พระองค์ทรงเป็นธรรมราชา ทำให้ฐานะของพระมหากษัตริย์ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นมีลักษณะของความเป็นผู้นำทางการเมืองที่เหมือนคนธรรมดามากขึ้น แต่พระองค์ก็ยังทรงมีพระราชอำนาจสูงสุดเป็นเจ้าชีวิตของปวงชน เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นจอมทัพ เป็นต้น และพระบรมราชโองการของพระองค์ ผู้ใดจะฝ่าฝืนไม่ได้ ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษอย่างหนัก
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
สมัยกรุงสุโขทัยมีพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "พ่อขุน" เป็นเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ครองนครที่ดูแลทุกข์สุข ปกครองบ้านเมืองให้อยู่อย่างปลอดภัย คอยปกป้องดูแลราษฎรให้มีความสุขได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน ราษฎรมีสิทธิในการร้องทุกข์ต่อพระมหากษัตริย์ และมีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย เป็นการปกครองเยี่ยงบิดากับบุตร หรือ "พ่อปกครองลูก"
ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าชีวิต - เจ้าแผ่นดิน ทรงเป็นสมมติเทพของคนไทยตามอิทธิพลลัทธิมหายานปนลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระจักรพรรดิและได้มีการยกฐานะพระมหากษัตริย์เท่ากับพระอินทร์ ผู้เป็นใหญ่ในเทวภูมิ (ราชบัลลังก์ของพระมหากษัตริย์เหมือนแท่นบัลลังก์ของพระอินทร์ประดับด้วยรูปสิงห์และครุฑตามความเชื่อในเทพต่าง ๆ เช่น พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนามของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์จึงทรงพระนามตามชื่อเทพพรหมเหล่านั้น เช่น พระนารายณ์มหาราช พระรามาธิบดี) ขณะเดียวกัน "พระมหากษัตริย์" ในสมัยอยุธยาก็ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา คนไทยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ของตนคือพระ "ธรรมราชา" เป็นผู้มีพระบรมเดชานุภาพทรงความเข้มแข็งเด็ดขาดควบคู่ไปกับทรงต้องบำรุงพระพุทธศาสนา
อ้างอิง
http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1494
http://nucha.chs.ac.th/1.4.htm
1.คำว่า"สมมติเทพ"มีความสัมพันธ์กับสถานภาพของพระมหากษัตริย์อย่างไร
สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือ สมบูรณาญาสิทธิราชโดยสมบูรณ์แบบ
คืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว โดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจาก สวรรค์ ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า “ระบบเทวสิทธิ์” ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าว
หรือ “เจ้าปกครองไพร่
ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกัน ข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์
และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนาย หรือศักดินาขึ้น
2. พระมหากษัตริย์สมัยสุโขทัยกับสมัยอยุธยามีพระราชอำนาจแตกต่างกันอย่างไร
กษัตริย์กรุงสุโขทัย ปกครองประชาชนแบบ “พ่อปกครองลูก” หรือ “ปิตาธิปไตย” โดยถือว่ากษัตริย์เป็นเสมือนพ่อของราษฎร ราษฎรจึงเรียกกษัตริย์ว่า“พ่อขุน” ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครอง
กรุงศรีอยุธยา สถาปนา เมื่อปี พ.ศ.1893 โดยพระเจ้าอู่ทอง(พระรามาธิบดีที่ 1) สมัยกรุงศรีอยุธยามีการปกครองแบบราชาธิปไตยหรือสมบูรณาญาสิทธิราชโดยสมบูรณ์แบบคืออำนาจอยู่ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียวโดยเชื่อถือตามคติพราหมณ์ตามแบบพวกเขมรว่ากษัตริย์เป็นผู้ได้รับอำนาจจากสวรรค์ฐานะของกษัตริย์จึงเป็น “สมมติเทพ” ทรงมีอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของใครก็ได้จึงเรียกระบบการปกครองนี้ว่า“ระบบเทวสิทธิ์”(Divine Right) ลักษณะการปกครองเป็นแบบนายปกครองบ่าวหรือ “เจ้าปกครองไพร่ ฐานะของกษัตริย์กับประชาชนจึงห่างไกลกันข้าราชบริพารเป็นสื่อกลางระหว่างกษัตริย์ และประชาชน จึงเกิดเป็นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาขึ้นระบบเจ้าขุนมูลนายหรือศักดินาเกิดขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาอยู่ในสภาวะสงครามตลอดเวลาจึงจำเป็นต้องให้พลเมืองทุกคนอยู่ในสังกัดของเจ้าขุนมูลนายเพื่อว่าเมื่อมีศึกสงครามพระมหากษัตริย์จะได้สั่งการให้เจ้าขุนมูลนายเกณฑ์ไพร่พลมาช่วยทำสงครามป้องกันบ้านเมืองได้
ที่มา : http://www.atriumtech.com/cgi -bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/library/topic/K1975129/K1975129.html
http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/soc4/so31-4-2.htm