เวียงกุมกาม ดินแดนใต้พิภพแห่งล้านนา
ม้าดอกรักกับลุงป๋อง อดีตอบต.ที่หันมาเป็นสารถีและไกด์ ควบก็อบ ๆ.. พาย้อนเวลาย่ำไปบนดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองและล่มสลาย จมหายกลายเป็นเมืองใต้ดิน
เป็นเวลากว่า 700 ปีที่เวียงกุมกามแห่งล้านนาถูกสร้างขึ้นในสมัยพญามังราย (พ.ศ.1804-1854) เพื่อเป็นเมืองหลวงใหม่แทนที่เวียงหริภุญไชย โดยเลือกหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมแม่น้ำปิง (ปิงห่าง) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางการคมนาคมและศูนย์กลางทางการค้า
มีฐานะเป็นเมืองหลวงได้ไม่นานพญามังรายได้ย้ายมาสร้างเวียงที่เชียงใหม่เพราะมองเห็นที่ตั้งที่เหมาะสมกว่า
ใช่ว่าเวียงกุมกามจะสิ้นสลายลงหลังจากที่พญามังรายย้ายเมือง แต่ยังเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องอีกสองร้อยกว่าปี (พ.ศ.1854-2101) มาสิ้นสลายลงเพราะถูกน้ำท่วมใหญ่เมื่อตอนพม่าปกครองล้านนา (พ.ศ.2101-2317)
เสียดายในช่วงนั้นไม่มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ถึงเหตุการณ์นี้ เท่าที่มีหลักฐานมีการตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นว่า เกิดน้ำท่วมใหญ่พ.ศ.2200 เป็นปีที่พระแสนเมืองผู้ครองเมืองเชียงใหม่เพิ่งกลับจากอังวะหลังถูกพม่ากักตัวไว้ 3 ปี เมื่อเมืองเชียงใหม่ขาดคนปกครอง การดูแลฝายในแม่น้ำปิงไม่ได้รับการเอาใจใส่เหมือนตอนที่บ้านเมืองปรกติสุข อาจเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมได้ เนื่องจากการดูแลฝายในแม่น้ำปิง เป็นงานใหญ่ที่ควบคุมโดยกษัตริย์
เวียงกุมกามถูกปล่อยให้จมตะกอนและทิ้งร้างเป็นเมืองใต้ดิน ด้วยความระส่ำระสายของสถานการณ์บ้านเมืองในยุคนั้น ทั้งข้าวของแพง อีกทั้งเมืองเชียงใหม่ยังถูกรุมเร้าจากกองทัพพม่าและกองทัพอยุธยา
ถูกฝังอยู่ใต้ตะกอนดิน ทิ้งร้างมาหลายร้อยปี จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 เริ่มกลับมามีสภาพเป็นชุมชนในชื่อบ้านช้างค้ำ
บริเวณวัดกานโถมหรือวัดช้างค้ำ ในอดีตถือเป็นศูนย์กลางเวียงกุมกาม ดังจะเห็นได้จากหลักฐานการขุดค้นพบพระพุทธรูปปูนปั้น ศิลาจารึกเก่า เศษภาชนะดินเผา หม้อดินเผา และพระพิมพ์ดินเผาจำนวนมาก
ก่อนหน้านั้นคนในชุมชนแห่งนี้นับถือต้นไม้เดื่อ เพราะขอลูกได้ดังใจ แม้ต้นไม่เดื่อจะตายก็ยังมีคนไปสักการะบูชาไม่ขาด ต่อเนื่องมาถึงสมัยพญามังรายตั้งเวียงกุมกาม มีพระมหากัสปเถระและภิกษุรวม 5 รูป มาตั้งสำนักบำเพ็ญธรรมกันที่นี่ พญามังรายจึงทรงสร้างวัดกานโถมขึ้น แล้วปลูกต้นศรีมหาโพธิ์แทนต้นมะเดื่อที่ตายไป ปัจจุบันในวัดกานโถมยังมีต้นโพธิ์อยู่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นที่พญามังรายทรงปลูก
นครใต้พิภพกำเนิดขึ้นบนผืนดินอีกครั้ง แม้ไม่งามสง่าเช่นวันที่รุ่งเรือง แต่ได้หวนให้นึกถึงความรุ่งเรืองในครั้งอดีต เมื่อมีการขุดแต่งบูรณะโบราณสถาน 20 วัด ระหว่างพ.ศ.2527-2545
หนึ่งในภาพการค้นพบที่น่าทึ่ง เช่น วิหารและอุโบสถวัดปู่เปี้ย อยู่ลึกลงไปในพื้นดินราว 1.5-2 เมตร ขณะที่ด้านบนคือสวนลำใย เช่นเดียวกับอีกหลายวัดที่จมอยู่ใต้ดินในพื้นที่ของชาวบ้านที่มีทั้งบ้านเรือน เรือกสวนไร่นา ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่กำแพงคันดินเวียงกุมกามถูกทำลายลงไปด้วย ดังนั้นเวลาไปชมอาจต้องสร้างจินตนาการบวกข้อมูลที่รับฟังจากไกด์บรรยายจะนึกภาพชัดขึ้น
วัดแรกของเวียง คือ วัดเจดีย์เหลี่ยม (วัดกู่คำ) เป็นวัดที่พญามังรายสร้างเพื่อบรรจุอัฐิมเหสีของพระองค์ เมื่อช่างพม่าเข้ามาบูรณะ จึงปรากฏศิลปะในแนวของพม่าผสมผสานอย่างที่เห็น ส่วนวัดอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน เช่น วัดอีก้าง วัดพระธาตุขาว วัดกู่ป้าด้อม วัดพระเจ้าองค์ดำ วัดพญามังราย วัดหัวหนอง
การกลับมาของเวียงกุมกาม ใช่ว่าจะมีแค่วัดปรากฏขึ้นหลังจากอยู่ใต้ดินมานานกว่า 300 ปี วันดีคืนดีชาวบ้านก็ได้ยินเสียงกลองโบราณและเสียงผู้คนกรีดร้อง!
เวียงกุมกามอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร อยู่ในเขตอำเภอสารภี ตำบลท่าวังตาล
ติดต่อศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกามก่อนเข้าชม เวลา 08.30-17.00 น. โทร.0-5327-7322 มีบริการทั้งรถม้า จักรยาน และรถราง
อยากเข้าใจเวียงกุมกามอย่างลึกซึ้ง แนะนำให้อ่าน “เวียงกุมกาม” การศึกษาประวัติศาสตร์ชุมชนโบราณในล้านนา” โดยศาสตราจารย์ สรัสวดี อ๋องสกุล ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (จำหน่ายที่เวียงกุมกาม) ศึกษาวิจัยระหว่างปี 2529-2532 และพิมพ์เผยแพร่เมื่อปี 2537
จะได้รับทั้งข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และภาพถ่ายก่อนหน้าที่เวียงกุมกามจะกลับมางามสง่าอีกครั้ง