• user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('AREA ร่วมจัดงาน “ซื้อบ้านอย่างรอบรู้” ครั้งที่ 8', 'node/97428', '', '18.117.158.141', 0, 'fb3770f495f9256f859030c43f8c3cf7', 218, 1716028894) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:c656a9a9393194bc7ffa4112eaec2cc2' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div>\n10 ประเด็นที่ขาดเหตุผลในการชุมนุมปิดมาบตาพุดที่ไม่ชอบธรรม<br />\n <br />\nดร.โสภณ พรโชคชัย*<br />\n <br />\n             ในวันนี้ (30 กันยายน) จะมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มาชุมนุมนัยว่าเพื่อปิดนิคมดังกล่าว  ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ไม่เห็นด้วย และเห็นว่าข้ออ้างในการชุมนุมไม่ชอบธรรม จึงขอแสดงความเห็นเพื่อหาทางออกดังนี้:\n</div>\n<div>\n             1. กลุ่มนี้ชอบอ้างประชาชน แต่ในความเป็นจริง ประชาชนส่วนใหญ่ทุกสาขาอาชีพถึง 65.3% ในมาบตาพุดต้องการให้อุตสาหกรรมขยายตัวต่อไป นี่แสดงชัดเจนว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวนี้ ไม่ได้ฟังเสียงของประชาชนแต่อย่างใด  กลุ่มผู้ชุมนุมมักจะอ้างคนยากจน แต่จากการสำรวจพบว่ากลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยยิ่งไม่คิดจะย้ายออกจากมาบตาพุด เพราะพวกตนทำงานบริการต่าง ๆ หากเศรษฐกิจมาบตาพุดเสียหาย คนจนต่างหากที่จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักก่อน\n</div>\n<div>\n             2. กลุ่มนี้ชอบอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 ซึ่งกำหนดให้มีการแต่งตั้ง “องค์การอิสระ” ซึ่งอาจเป็นการแต่งตั้งเฉพาะผู้ที่คุ้นเคย และไม่เป็นกลาง และยิ่งระบุให้แต่งตั้งเฉพาะผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพ ย่อมเป็นการผิดแต่แรก เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาระดับชาติ จำเป็นต้องมีผู้รู้ทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การผังเมือง ฯลฯ มาพิจารณาให้รอบด้าน รัฐบาลจึงควรแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้\n</div>\n<div>\n             3. กลุ่มนี้มักอ้างความเห็นของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ซึ่งมีที่มาที่ชอบกล โดยผู้แทนฝ่ายประชาชนนั้นกลับไม่มีผู้แทนของประชาชนชาวมาบตาพุดแม้แต่คนเดียว ผู้แทนฝ่ายประชาชนประกอบด้วย นายแพทย์คนหนึ่งที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและบ้านอยู่นนทบุรี อีกคนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในด้านที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทั้งสองคนนี้น่าจะเป็นกรรมการฝ่ายผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่าผู้แทนประชาชน  นอกจากนี้อีก 2 คนต่างเป็นเอ็นจีโอ คนหนึ่งขณะได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองแห่งหนึ่ง เป็นคนจังหวัดระยอง แต่ไม่ใช่มาบตาพุด ส่วนอีกคนเป็นคนชุมพรแต่มีบ้านอยู่กรุงเทพมหานคร  ดังนั้นจึงถือเป็นการแต่งตั้งที่ไม่มีมาตรฐาน โดยขาดตัวแทนประชาชนมาบตาพุด ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่เลย เป็นการไม่นำพาต่อระบอบประชาธิปไตย ไม่ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง\n</div>\n<div>\n             4. กลุ่มนี้ชอบอ้างกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชน ซึ่งอาจดำเนินการไปอย่างไม่เป็นกลาง หากมีอคติอาจรับฟังแต่กลุ่มกฎหมู่ หรืออาจฟังความเพียงข้างเดียวต่อกลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์ หรือมีอคติต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม กระบวนการที่สมควรจึงควรเป็นการสำรวจความเห็นของประชาชนหรือการทำประชามติของประชาชนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ  แต่คนกลุ่มนี้ไม่ยอมทำเพราะไม่ต้องการรับฟังเสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการอุตสาหกรรม\n</div>\n<div>\n             5. กลุ่มนี้ชอบอ้างข้อยกเว้น เช่น อ้าง “ลุงน้อย” เป็นมะเร็ง แต่ผลสำรวจพบว่า กลุ่มที่เชื่อว่าป่วยหนักหรือเสียชีวิตเพราะมลพิษ มีเพียง 0.69% เท่านั้น  ทางราชการยังพบว่าสาเหตุหลักของการตายของประชาชนในจังหวัดระยอง เป็นเพราะปัจจัยภายนอก เช่น อุบัติเหตุ ฆ่าตัวตาย ถูกฆ่าตาย ถึง 15%  รองลงมาคือมะเร็งและเนื้องอก 12.7% อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้ยังกลับมีสัดส่วนต่ำกว่าระดับทั่วประเทศ  นอกจากนี้จากการเปรียบเทียบจำนวนประชากรที่ป่วยทั่วประเทศมีอยู่ประมาณ 18.16%   ในขณะที่ในมาบตาพุด มีประชากรที่ “เจ็บป่วยเล็กน้อย” ในการอยู่อาศัยในพื้นที่เพียง 9.83% เท่านั้น\n</div>\n<div>\n             6. การพบแก๊สรั่วหรือมลพิษต่าง ๆ ย่อมมีบ้าง แต่ถือเป็นส่วนน้อย โรงงานอยู่รวม ๆ กันในนิคมอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ย่อมมีปัญหาบ้าง ซึ่งต้องแก้ไขเพื่อไม่ให้ละเมิดประชาชน แต่ในความเป็นจริง โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเหล่านี้มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงกว่าโรงงานทั่วไปเสียอีก ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจหาพนักงานมาทำงานได้นับแสน ๆ เช่นนี้  พนักงานโรงงานแต่ละคนต่างก็มีการศึกษาดี มีรายได้เดือนละนับหมื่นนับแสนบาท ไม่ใช่ “สาวฉันทนา” ทั่วไป  ดังนั้นจึงนำข้อยกเว้นเหล่านี้มาเป็นข้ออ้างไม่ได้\n</div>\n<div>\n             7. กลุ่มนี้ชอบอ้างสิทธิชุมชน แต่ไม่ฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน บางทีถึงกับอ้างว่าประชาชนชาวมาบตาพุดมาอยู่ก่อนโรงงาน ทั้งที่ที่ดินแถบนี้ถูกเวนคืนมาเพื่อตั้งโรงงานตั้งแต่เกือบ 30 ปีที่แล้ว เจ้าของที่ดินเดิมก็ได้รับค่าเวนคืน ย้ายไปหมดแล้ว แต่หากมีความจำเป็นต้องขยายอุตสาหกรรม ทางราชการก็มีความจำเป็นต้องแก้ผังเมืองใหม่ มีการซื้อที่ดินเวนคืนที่ดินตามความจำเป็น  หากมีมลพิษจริง ชาวบ้านย่อมยินดีรับค่าทดแทน ซึ่งรัฐบาลพึงจ่ายให้อย่างดีเพื่อให้คุ้มค่ากับการโยกย้าย  โดยสรุปแล้วสิทธิของชุมชนเป็นสิ่งที่พึงตระหนัก แต่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า รัฐบาลจึงควรซื้อที่ดินหรือเวนคืนอย่างเป็นธรรม\n</div>\n<div>\n             8. กลุ่มนี้ชอบอ้างทางออกที่เลื่อนลอย เช่น ให้ย้ายอุตสาหกรรมปิโตรเคมีออกนอกพื้นที่ ทั้งที่มาบตาพุดเป็นพื้นที่แห่งเดียวที่รัฐเวนคืนมาเมื่อเกือบ 30 ปีที่ผ่านมาเพื่อสร้างอุตสาหกรรมนี้ซึ่งสำคัญต่อชาติเป็นอย่างยิ่ง  หากพื้นที่นี้ไม่อาจทำกิจการปิโตรเคมี จะมีพื้นที่อื่นสร้างได้อีกหรือ  ประเทศสิงคโปร์ที่มีขนาดเล็ก รวมทั้งมาเลเซียและเพื่อนบ้านอื่นก็ล้วนมีเขตอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เราไม่ควรคิดทำร้ายอุตสาหกรรมสำคัญของชาติ หรือบ่อนทำลายเศรษฐกิจชาติ\n</div>\n<div>\n             9. กลุ่มนี้ชอบอ้างตนเป็นเครือข่าย เป็นกลุ่มประชาคม ฯลฯ แต่ไม่ทราบว่ามีตัวตนจริงไหม มีรายชื่อสมาชิกหรือไม่ มีสมาชิกที่เป็นคนระยองและโดยเฉพาะคนมาบตาพุดกี่คน เปิดเผยได้หรือไม่ หรือเป็นการอ้างชื่อกลุ่มขึ้นมามากมาย ให้ดูมีจำนวนมาก ๆ เพื่อเป็นการรณรงค์ทางการเมืองโดยไม่มีฐานรากที่แท้จริง เพราะไม่ใช่กลุ่มตัวแทนของชาวมาบตาพุด จังหวัดระยองที่แท้จริงหรือไม่\n</div>\n<div>\n             10. กลุ่มนี้ชอบปิดทางออก เช่น ยืนกระต่ายขาเดียวว่ารัฐบาลจะเข้าข้างนายทุนสถานเดียว กล่าวหาว่ารัฐบาลไม่เห็นหัวคนจน ทั้งที่คนจนต้องการอุตสาหกรรมในฐานะที่เป็นแหล่งงานของตนจากการขายอาหารหรือบริการต่าง ๆ แก่พนักงานโรงงานอีกต่อหนึ่ง หรือกล่าวหาว่าประชาชนถูกซื้อโดยนายทุนทั้งที่พวกเขาคือเสียงส่วนใหญ่ของชาวมาบตาพุดและชาวไทยที่ต้องการให้ประเทศมีพัฒนาการที่ดี<br />\n <br />\n             ผมขอเสนอทางออกเพื่อโปรดพิจารณาดังนี้:\n</div>\n<div>\n             1. ขอให้นายกรัฐมนตรีฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ฟังแต่เสียงของคนกลุ่มนี้ โดยรัฐบาลจัดทำการลงประชามติให้ชัดเจนในเวลาอันรวดเร็ว โดยให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสเผยแพร่ข้อมูลแก่ประชาชนอย่างกว้างขวางล่วงหน้า ในการนี้รัฐบาลพึงระวังไม่ให้องค์การใด ๆ พยายามบิดเบือน ทำลายการจัดประชุมเผยแพร่ข้อมูล หรือปิดกั้นการเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้องต่อประชาชน เช่นที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่อื่น ๆ\n</div>\n<div>\n             2. รัฐบาลอาจพิจารณายุบคณะกรรมาการสี่ฝ่าย และแต่งตั้งใหม่โดยมีผู้แทนของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก  ไม่ใช่ผู้ที่เห็นค่าของสิ่งแวดล้อมเลื่อนลอยมากกว่าประชาชนและประเทศชาติโดยรวม\n</div>\n<div>\n             3. ต่อกรณีการปล่อยมลพิษของโรงงานหลายแห่งในพื้นที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง สมควรบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน มีการลงโทษโดยเคร่งครัด  ทั้งต่อผู้รักษากฎหมาย โรงงาน กลุ่มบุคคลหรือองค์การอื่น\n</div>\n<div>\n             4. ภาคประชาชนจริงควรจัดตั้งคณะทำงานเฝ้าระวัง ดำเนินการตรวจสอบต่อเนื่อง โดยอาจร่วมกับองค์การอิสระต่าง ๆ ตลอดจนเอ็นจีโอและสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการต่อเนื่องเช่นนี้ จะเป็นการป้องปรามและสามารถนำกรณีการละเมิดกฎหมายและทุจริตพฤติมิชอบต่าง ๆ มาเปิดเผยผ่านสื่อมวลชนต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้การต่อสู้ขององค์การพัฒนาเอกชนและภาคประชาชนมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น\n</div>\n<div>\n          5. รัฐบาลอาจพิจารณาซื้อหรือเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ อันได้แก่ ที่อยู่อาศัย ที่เกษตรกรรมและอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณที่จำเป็นสำหรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์แก่ทุกฝ่าย โดยคำนึงถึงการจ่ายค่าทดแทนให้เหมาะสม ซึ่งอาจจ่ายสูงกว่าราคาตลาดเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเวนคืนยินดีที่จะย้ายออกโดยพลัน\n</div>\n<div>\n          6. รัฐบาลควรดำเนินการเสนอต่อรัฐสภาเพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ด้วยการมีผู้แทนของภาคประชาชนในพื้นที่ในคณะกรรมการแก้ไขปัญหา และรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน โดยไม่ให้ความสำคัญเฉพาะนักวิชาชีพหรือองค์การบางกลุ่ม<br />\n <br />\n <br />\nหมายเหตุ<br />\nดร.โสภณ พรโชคชัย ดำเนินการนี้ในนามส่วนตัว ด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่ได้รับอามิสสินจ้างจากฝ่ายใด  ไม่เคยมีส่วนได้ส่วนเสียกับกรณีมาบตาพุด เป็นประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย จบปริญญาเอกด้านการวางแผนพัฒนาเมืองจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย และประกาศนียบัตรชั้นสูงการประเมินค่าทรัพย์สินจากสถาบันนโยบายที่ดินลินคอล์น และการพัฒนาที่อยู่อาศัยจากมหาวิทยาลัยคาธอลิกลูแวง เมื่อปลายปี 2552 ได้ทำการสำรวจความเห็นของประชาชนและนำเสนอต่อรัฐบาลมาครั้งหนึ่งแล้ว โปรดดูรายละเอียดได้ตามเว็บไซต์นี้: http://www.thaiappraisal.org/thai/research/research_2.htm  ติดต่อได้ที่ <a href=\"mailto:sopon@thaiappraisal.org\"><u><span style=\"color: #0000ff\">sopon@thaiappraisal.org</span></u></a>\n</div>\n', created = 1716028903, expire = 1716115303, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:c656a9a9393194bc7ffa4112eaec2cc2' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

10 ประเด็นที่ขาดเหตุผลในการชุมนุมปิดมาบตาพุดที่ไม่ชอบธรรม

รูปภาพของ pornchokchai
10 ประเด็นที่ขาดเหตุผลในการชุมนุมปิดมาบตาพุดที่ไม่ชอบธรรม
 
ดร.โสภณ พรโชคชัย*
 
             ในวันนี้ (30 กันยายน) จะมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มาชุมนุมนัยว่าเพื่อปิดนิคมดังกล่าว  ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ไม่เห็นด้วย และเห็นว่าข้ออ้างในการชุมนุมไม่ชอบธรรม จึงขอแสดงความเห็นเพื่อหาทางออกดังนี้:
             1. กลุ่มนี้ชอบอ้างประชาชน แต่ในความเป็นจริง ประชาชนส่วนใหญ่ทุกสาขาอาชีพถึง 65.3% ในมาบตาพุดต้องการให้อุตสาหกรรมขยายตัวต่อไป นี่แสดงชัดเจนว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวนี้ ไม่ได้ฟังเสียงของประชาชนแต่อย่างใด  กลุ่มผู้ชุมนุมมักจะอ้างคนยากจน แต่จากการสำรวจพบว่ากลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยยิ่งไม่คิดจะย้ายออกจากมาบตาพุด เพราะพวกตนทำงานบริการต่าง ๆ หากเศรษฐกิจมาบตาพุดเสียหาย คนจนต่างหากที่จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักก่อน
             2. กลุ่มนี้ชอบอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 ซึ่งกำหนดให้มีการแต่งตั้ง “องค์การอิสระ” ซึ่งอาจเป็นการแต่งตั้งเฉพาะผู้ที่คุ้นเคย และไม่เป็นกลาง และยิ่งระบุให้แต่งตั้งเฉพาะผู้แทนองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพ ย่อมเป็นการผิดแต่แรก เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาระดับชาติ จำเป็นต้องมีผู้รู้ทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การผังเมือง ฯลฯ มาพิจารณาให้รอบด้าน รัฐบาลจึงควรแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้
             3. กลุ่มนี้มักอ้างความเห็นของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ซึ่งมีที่มาที่ชอบกล โดยผู้แทนฝ่ายประชาชนนั้นกลับไม่มีผู้แทนของประชาชนชาวมาบตาพุดแม้แต่คนเดียว ผู้แทนฝ่ายประชาชนประกอบด้วย นายแพทย์คนหนึ่งที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและบ้านอยู่นนทบุรี อีกคนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในด้านที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทั้งสองคนนี้น่าจะเป็นกรรมการฝ่ายผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่าผู้แทนประชาชน  นอกจากนี้อีก 2 คนต่างเป็นเอ็นจีโอ คนหนึ่งขณะได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองแห่งหนึ่ง เป็นคนจังหวัดระยอง แต่ไม่ใช่มาบตาพุด ส่วนอีกคนเป็นคนชุมพรแต่มีบ้านอยู่กรุงเทพมหานคร  ดังนั้นจึงถือเป็นการแต่งตั้งที่ไม่มีมาตรฐาน โดยขาดตัวแทนประชาชนมาบตาพุด ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่เลย เป็นการไม่นำพาต่อระบอบประชาธิปไตย ไม่ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง
             4. กลุ่มนี้ชอบอ้างกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชน ซึ่งอาจดำเนินการไปอย่างไม่เป็นกลาง หากมีอคติอาจรับฟังแต่กลุ่มกฎหมู่ หรืออาจฟังความเพียงข้างเดียวต่อกลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์ หรือมีอคติต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม กระบวนการที่สมควรจึงควรเป็นการสำรวจความเห็นของประชาชนหรือการทำประชามติของประชาชนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ  แต่คนกลุ่มนี้ไม่ยอมทำเพราะไม่ต้องการรับฟังเสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการอุตสาหกรรม
             5. กลุ่มนี้ชอบอ้างข้อยกเว้น เช่น อ้าง “ลุงน้อย” เป็นมะเร็ง แต่ผลสำรวจพบว่า กลุ่มที่เชื่อว่าป่วยหนักหรือเสียชีวิตเพราะมลพิษ มีเพียง 0.69% เท่านั้น  ทางราชการยังพบว่าสาเหตุหลักของการตายของประชาชนในจังหวัดระยอง เป็นเพราะปัจจัยภายนอก เช่น อุบัติเหตุ ฆ่าตัวตาย ถูกฆ่าตาย ถึง 15%  รองลงมาคือมะเร็งและเนื้องอก 12.7% อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้ยังกลับมีสัดส่วนต่ำกว่าระดับทั่วประเทศ  นอกจากนี้จากการเปรียบเทียบจำนวนประชากรที่ป่วยทั่วประเทศมีอยู่ประมาณ 18.16%   ในขณะที่ในมาบตาพุด มีประชากรที่ “เจ็บป่วยเล็กน้อย” ในการอยู่อาศัยในพื้นที่เพียง 9.83% เท่านั้น
             6. การพบแก๊สรั่วหรือมลพิษต่าง ๆ ย่อมมีบ้าง แต่ถือเป็นส่วนน้อย โรงงานอยู่รวม ๆ กันในนิคมอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ย่อมมีปัญหาบ้าง ซึ่งต้องแก้ไขเพื่อไม่ให้ละเมิดประชาชน แต่ในความเป็นจริง โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเหล่านี้มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงกว่าโรงงานทั่วไปเสียอีก ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจหาพนักงานมาทำงานได้นับแสน ๆ เช่นนี้  พนักงานโรงงานแต่ละคนต่างก็มีการศึกษาดี มีรายได้เดือนละนับหมื่นนับแสนบาท ไม่ใช่ “สาวฉันทนา” ทั่วไป  ดังนั้นจึงนำข้อยกเว้นเหล่านี้มาเป็นข้ออ้างไม่ได้
             7. กลุ่มนี้ชอบอ้างสิทธิชุมชน แต่ไม่ฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน บางทีถึงกับอ้างว่าประชาชนชาวมาบตาพุดมาอยู่ก่อนโรงงาน ทั้งที่ที่ดินแถบนี้ถูกเวนคืนมาเพื่อตั้งโรงงานตั้งแต่เกือบ 30 ปีที่แล้ว เจ้าของที่ดินเดิมก็ได้รับค่าเวนคืน ย้ายไปหมดแล้ว แต่หากมีความจำเป็นต้องขยายอุตสาหกรรม ทางราชการก็มีความจำเป็นต้องแก้ผังเมืองใหม่ มีการซื้อที่ดินเวนคืนที่ดินตามความจำเป็น  หากมีมลพิษจริง ชาวบ้านย่อมยินดีรับค่าทดแทน ซึ่งรัฐบาลพึงจ่ายให้อย่างดีเพื่อให้คุ้มค่ากับการโยกย้าย  โดยสรุปแล้วสิทธิของชุมชนเป็นสิ่งที่พึงตระหนัก แต่ผลประโยชน์ของประเทศเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า รัฐบาลจึงควรซื้อที่ดินหรือเวนคืนอย่างเป็นธรรม
             8. กลุ่มนี้ชอบอ้างทางออกที่เลื่อนลอย เช่น ให้ย้ายอุตสาหกรรมปิโตรเคมีออกนอกพื้นที่ ทั้งที่มาบตาพุดเป็นพื้นที่แห่งเดียวที่รัฐเวนคืนมาเมื่อเกือบ 30 ปีที่ผ่านมาเพื่อสร้างอุตสาหกรรมนี้ซึ่งสำคัญต่อชาติเป็นอย่างยิ่ง  หากพื้นที่นี้ไม่อาจทำกิจการปิโตรเคมี จะมีพื้นที่อื่นสร้างได้อีกหรือ  ประเทศสิงคโปร์ที่มีขนาดเล็ก รวมทั้งมาเลเซียและเพื่อนบ้านอื่นก็ล้วนมีเขตอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เราไม่ควรคิดทำร้ายอุตสาหกรรมสำคัญของชาติ หรือบ่อนทำลายเศรษฐกิจชาติ
             9. กลุ่มนี้ชอบอ้างตนเป็นเครือข่าย เป็นกลุ่มประชาคม ฯลฯ แต่ไม่ทราบว่ามีตัวตนจริงไหม มีรายชื่อสมาชิกหรือไม่ มีสมาชิกที่เป็นคนระยองและโดยเฉพาะคนมาบตาพุดกี่คน เปิดเผยได้หรือไม่ หรือเป็นการอ้างชื่อกลุ่มขึ้นมามากมาย ให้ดูมีจำนวนมาก ๆ เพื่อเป็นการรณรงค์ทางการเมืองโดยไม่มีฐานรากที่แท้จริง เพราะไม่ใช่กลุ่มตัวแทนของชาวมาบตาพุด จังหวัดระยองที่แท้จริงหรือไม่
             10. กลุ่มนี้ชอบปิดทางออก เช่น ยืนกระต่ายขาเดียวว่ารัฐบาลจะเข้าข้างนายทุนสถานเดียว กล่าวหาว่ารัฐบาลไม่เห็นหัวคนจน ทั้งที่คนจนต้องการอุตสาหกรรมในฐานะที่เป็นแหล่งงานของตนจากการขายอาหารหรือบริการต่าง ๆ แก่พนักงานโรงงานอีกต่อหนึ่ง หรือกล่าวหาว่าประชาชนถูกซื้อโดยนายทุนทั้งที่พวกเขาคือเสียงส่วนใหญ่ของชาวมาบตาพุดและชาวไทยที่ต้องการให้ประเทศมีพัฒนาการที่ดี
 
             ผมขอเสนอทางออกเพื่อโปรดพิจารณาดังนี้:
             1. ขอให้นายกรัฐมนตรีฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ฟังแต่เสียงของคนกลุ่มนี้ โดยรัฐบาลจัดทำการลงประชามติให้ชัดเจนในเวลาอันรวดเร็ว โดยให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสเผยแพร่ข้อมูลแก่ประชาชนอย่างกว้างขวางล่วงหน้า ในการนี้รัฐบาลพึงระวังไม่ให้องค์การใด ๆ พยายามบิดเบือน ทำลายการจัดประชุมเผยแพร่ข้อมูล หรือปิดกั้นการเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้องต่อประชาชน เช่นที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่อื่น ๆ
             2. รัฐบาลอาจพิจารณายุบคณะกรรมาการสี่ฝ่าย และแต่งตั้งใหม่โดยมีผู้แทนของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก  ไม่ใช่ผู้ที่เห็นค่าของสิ่งแวดล้อมเลื่อนลอยมากกว่าประชาชนและประเทศชาติโดยรวม
             3. ต่อกรณีการปล่อยมลพิษของโรงงานหลายแห่งในพื้นที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง สมควรบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน มีการลงโทษโดยเคร่งครัด  ทั้งต่อผู้รักษากฎหมาย โรงงาน กลุ่มบุคคลหรือองค์การอื่น
             4. ภาคประชาชนจริงควรจัดตั้งคณะทำงานเฝ้าระวัง ดำเนินการตรวจสอบต่อเนื่อง โดยอาจร่วมกับองค์การอิสระต่าง ๆ ตลอดจนเอ็นจีโอและสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการต่อเนื่องเช่นนี้ จะเป็นการป้องปรามและสามารถนำกรณีการละเมิดกฎหมายและทุจริตพฤติมิชอบต่าง ๆ มาเปิดเผยผ่านสื่อมวลชนต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้การต่อสู้ขององค์การพัฒนาเอกชนและภาคประชาชนมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
          5. รัฐบาลอาจพิจารณาซื้อหรือเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ อันได้แก่ ที่อยู่อาศัย ที่เกษตรกรรมและอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณที่จำเป็นสำหรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์แก่ทุกฝ่าย โดยคำนึงถึงการจ่ายค่าทดแทนให้เหมาะสม ซึ่งอาจจ่ายสูงกว่าราคาตลาดเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเวนคืนยินดีที่จะย้ายออกโดยพลัน
          6. รัฐบาลควรดำเนินการเสนอต่อรัฐสภาเพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ด้วยการมีผู้แทนของภาคประชาชนในพื้นที่ในคณะกรรมการแก้ไขปัญหา และรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน โดยไม่ให้ความสำคัญเฉพาะนักวิชาชีพหรือองค์การบางกลุ่ม
 
 
หมายเหตุ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ดำเนินการนี้ในนามส่วนตัว ด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่ได้รับอามิสสินจ้างจากฝ่ายใด  ไม่เคยมีส่วนได้ส่วนเสียกับกรณีมาบตาพุด เป็นประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย จบปริญญาเอกด้านการวางแผนพัฒนาเมืองจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย และประกาศนียบัตรชั้นสูงการประเมินค่าทรัพย์สินจากสถาบันนโยบายที่ดินลินคอล์น และการพัฒนาที่อยู่อาศัยจากมหาวิทยาลัยคาธอลิกลูแวง เมื่อปลายปี 2552 ได้ทำการสำรวจความเห็นของประชาชนและนำเสนอต่อรัฐบาลมาครั้งหนึ่งแล้ว โปรดดูรายละเอียดได้ตามเว็บไซต์นี้: http://www.thaiappraisal.org/thai/research/research_2.htm  ติดต่อได้ที่ sopon@thaiappraisal.org

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 275 คน กำลังออนไลน์