ประโยชน์
การบริหารจิตและการเจริญปัญญาตามหลักสติปฏิฐาน 4 มีผลดีหรือประโยชน์ต่อผู้ฝึกฝนอบรมหลายประการ ซึ่งแยกกล่าวได้ดังนี้
ประโยชน์ของการบริหารจิต
การบริหารจิตอยู่เป็นประจำ ย่อมได้รับประโยชน์ในด้านต่างๆ ดังนี้
- ด้านการดำรงชีวิตประจำวัน ได้แก่ การทำจิตใจสบาย ไม่มีความวิตกกังวล ความเครียด มีความจำดีขึ้น แม่นยำขึ้น ทำสิ่งต่างๆ ไม่ผิดพลาดหรือผิดพลาดน้อย เพราะมีสติสมบูรณ์ขึ้น การศึกษาเล่าเรียนและการทำงาน เกิดผลดีและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การมีจิตเป็นสมาธิ ยังทำให้นอนหลับง่ายและหลับสนิท รวมทั้งมีผลเกื้อกูลต่อสุขภาพร่างกาย เช่น ชะลอความแก่ ทำให้ดูอ่อนกว่าวัย และรักษาโรคบางอย่างได้ เช่น โรคความดัน โรคกระเพาะอาหาร เป็นต้น
- ด้านการพัฒนาบุคลิกภาพ ได้แก่ ทำให้บุคลิกภาพเข็มแข็ง หนักแน่นมั่นคง สงบเยือกเย็น ไม่ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด มีความสุภาพอ่อนโยน ดูสง่ามีราศี องอาจน่าเกรงขาม มีอารมณ์เบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใส กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า ไม่เซื่องซึม สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมในสถานการณ์ต่างๆ ได้
- ด้านประโยชน์สูงสุด ได้แก่ การบรรลุมรรคและนิพพาน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา ผู้ที่จะบรรลุถึงประโยชน์ระดับนี้ได้นั้น ต้องมีจิตที่สงบแน่วแน่มาก คือ ต้องได้สมาธิระดับสูง
ประโยชน์ของการเจริญปัญญา
ผู้ที่ฝึกฝนอบรมหรือพัฒนาตนให้มีปัญญาย่อมได้รับประโยชน์ ดังนี้
- ด้านประโยชน์ต่อตนเอง เช่น ทำให้เป็นคนที่มีเหตุผลและใช้เหตุผลวิเคราะห์สิ่งต่างๆ จนเกิดความรู้ความเข้าใจสิ่งนั้นๆ อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง รู้จักอะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรชั่ว อะไรเป็นธรรม อะไรไม่เป็นธรรม ช่วยให้เราเลือกทำตามความชอบธรรมมากกว่าอารมณ์ ทำให้วิถีชีวิตโดยส่วนรวมเป็นระเบียบและดีงาม ประโยชน์ต่อตนเองที่สำคัญที่สุด คือ ช่วยให้หลุดพ้นจากกิเลส เพราะมีปัญญารู้เท่ากิเลสต่างๆ ทำให้กำจัดละวางกิเลสเหล่านั้นได้
- ประโยชน์ต่อสังคม กล่าวโดยสรุป ถ้าทุกคนในสังคมมีปัญญา คิดดี ทำดี และพูดดี ไม่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ปัญหาต่างๆ เช่น ความขัดแย้ง การแบ่งแย่งชิงดี ชิงเด่น การทะเลาะวิวาท การคดโกง ก็ลดลง สังคมก็สงบเรียบร้อยอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข