การกำเนิดนิกาย
กำเนิดและวิวัฒนาการของนิกายที่สำคัญในศาสนาคริสต์
ในรัชสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน (Constantine the Great) พระองค์ได้ตั้ง ราชธานีใหม่ในภาคตะวันออก แถบประเทศตุรกีในปัจจุบัน และได้พระราชทานนามราชธานีนี้ว่า "คอนสแตนติโนเปิล" (Constantinople) หรือโรมันตะวันออกซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรไบแซนทีน (Byzantine) อาณาจักรนี้มีความอิสระแยกออกจากโรมันตะวันตก ซึ่งมีโรม (Rome) เป็นศูนย์กลาง แต่เมื่อนานวันอาณาจักรโรมันตะวันออกมีความเข้มแข็งและเป็นอิสระในทุกด้าน จึงตีตนออกห่างและแยกการปกครองเป็นเอกเทศรวมไปถึงการปกครองทางศาสนา มีความเป็นอิสระจากกรุงโรม ไม่ยอมรับในพระราชอำนาจของพระสันตะปาปา จึงทำให้เกิดการแตกแยกออกเป็นนิกาย กล่าวคืออาณาจักรโรมันตะวันตกนั้นได้รับอิทธิพลคำสอนของปีเตอร์ ซึ่งเข้าไปมีส่วนผสมกลมกลืนกับบทบาททางสังคมและการเมือง ส่วนอาณาจักรโรมันตะวันออกได้รับอิทธิพลทาง วัฒนธรรมของเอเชีย จากจุดนี้เองทำให้ศาสนาคริสต์ต้องแยกออกเป็น 3 นิกาย คือ
นิกายโรมันคาทอลิก (Roman Catholic)
มีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่สำนักวาติกัน (Vatican) กรุงโรม ใช้ภาษาละตินเป็นภาษาทางศาสนา ประมุขสูงสุดคือพระสันตะปาปา
เน้นว่าต้องเป็นผู้สืบทอดคำสอนจากพระเยซู ประมุข คือ สันตะปาปา และมีพระที่เรียกว่า บาทหลวง เป็นนิกายเดียวที่เชื่อเรื่องนักบุญ และแดนชำระวิญญาณผู้ตาย รูปเคารพ คือ ไม้กางเขนที่พระเยซูถูกตรึงอยู่
อาจารย์เสฐียร พันธรังษี (2527 : 347) กล่าวว่า คำว่า "คาทอลิค" นี้แปลว่า "สากล" ได้แก่ ปฏิปทาของคนทั่วไป คริสตศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิก จึงไม่ถือว่าตนเองคือ นิกายหนึ่งของคริสตศาสนาแต่เป็นคริสตศาสนาที่สืบเนื่องมาจากต้นกำเนิด และถือว่าพวกตนเป็นผู้อนุรักษ์คำสั่งสอนที่ได้รับมาจากพระเยซูอย่างซื่อสัตย์ อีกทั้งเป็นผู้ปกป้องพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้ามาโดยตลอด
นิกายโรมันคาทอลิคมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่เปโตร ได้รับการสถาปนาจากพระเยซูให้เป็นผู้ดูแลพระศาสนจักร เราอาจกล่าวได้ว่า ท่านเป็นสันตะปาปาคนแรกที่ทุกคนต้องยอมรับนับถือและมีศรัทธาเชื่อฟังอย่างเดียวในฐานะที่เป็น "ผู้ดูแลฝูงแกะ" ของพระเจ้า ความคิดแบบนี้ได้สืบทอดกันต่อมา จนกระทั่งปัจจุบันนี้ พระสันตะปาปาจึงมิได้อยู่ในฐานะนักบวชเท่านั้น แต่เป็นประมุขสูงสุดของศาสนจักรที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสั่ง นิกายโรมันคาทอลิคจึงเป็นนิกาย ที่มุ่งมั่นให้สัตบุรุษมีศรัทธา และปฏิบัติตามพระศาสนจักร เพราะพระศาสนจักรเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรแห่งสวรรค์ และเป็นองค์การที่สามารถนำประชาชนไปสู่การบรรลุเป้าหมายตามภาระกิจ ที่พระเจ้าได้มอบไว้
การเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคในประเทศไทย
คริสตศาสนาได้เข้ามาในยุคจักรวรรดินิยมของชาติมหาอำนาจที่ชอบล่าเมืองขึ้น อันเป็นการแผ่ขยายดินแดนและแสวงหาทรัพยากรให้กับประเทศของตน แต่การที่ชาติมหาอำนาจจะรุกรานไทยดังเช่นประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเป็นไปได้ยาก เพราะประเทศไทยในสมัยนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองมีกองทหารที่เข้มแข็ง และพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ทรงพระปรีชาสามารถมาก ทำให้ประเทศไทยพ้นจากความเป็นอาณานิคมของชาติมหาอำนาจ
ในบรรดานักล่าอาณานิคมรุ่นแรก ๆ ที่เดินทางเข้ามาในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ พวกโปรตุเกส สเปน เนเธอร์แลนด์ หรือพวกดั๊ช โดยเฉพาะพวกโปรตุเกสและสเปนนั้น นอกจากจะหาเมืองขึ้นแล้วยังนำเอาคริสตศาสนานิกายโรมันคาทอลิคเข้ามาเผยแพร่ด้วย ทำให้ฟิลิปปินส์ และมาเก๊า ฯลฯ ยอมรับ นับถือคริสตศาสนา ต่อมาพวกฝรั่งเศสได้เข้ามาล่าอาณานิคมในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เมืองขึ้น เช่น เวียดนาม กัมพูชา ลาว และได้ปฏิบัติเช่นเดียวกับพวกโปรตุเกสและสเปน คือ ล่าเมืองขึ้นด้วยและเผยแพร่ศาสนาด้วย แต่ไม่ใคร่ประสบผลสำเร็จมากนัก ทำให้อิทธิพลของคริสตศาสนาในประเทศเหล่านี้มีน้อย ส่วนประเทศไทยนั้นแม้ได้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้น แต่ต้องใช้อิสระเสรีแก่พวกตะวันตกในการเผยแพร่ศาสนาได้ทำให้ความรุนแรงทางการเมืองลดน้อยลง
คริสตศาสนาที่เข้ามาเผยแพร่ในไทยเป็นครั้งแรกตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชา ประมาณปี ค.ศ. 1584 นิกายแรกที่เข้ามาเผยแพร่ คือ นิกายโรมันคาทอลิค ซึ่งมีทั้งคณะโดมินิกัน (Dominican) คณะฟรันซิสกัน (Franciscan) และคณะเยซูอิต (Jesuit) บาทหลวงเหล่านี้ส่วนมากเป็นพวกโปรตุเกส เมื่อเผยแพร่ศาสนาไม่ใคร่สำเร็จจึงเอาใจใส่เฉพาะพวกของตน จวบจนกระทั่งในรัชสมัยของสมเด็จรพระนารายณ์มหาราช ประเทศไทยได้มีสัมพันธภาพอันดีกับประเทศฝรั่งเศสในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทำให้พวกบาทหลวงได้เข้ามาเผยแพร่ศาสนา และมีบทบาทมากขึ้นจนถึงแก่ ตั้งโรงเรียนสำหรับสามเณรเพื่อผลิตนักบวชพื้นเมือง และมีการโปรดศีลบวชให้นักบวชไทยรุ่นแรก นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งโรงพยาบาล และจัดตั้ง คณะภคิณี คณะรักไม้กางเขน
อย่างไรก็ตามเมื่อสิ้นรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแล้ว คริสตศาสนานิกายโรมันคาทอลิคกลับไม่ได้รับความสะดวกในการเผยแพร่ศาสนาดังที่เคยเป็นมาเพราะถูกจำกัดขอบเขต ถูกห้ามประกาศศาสนา ถูกห้ามเขียนหนังสือศาสนาเป็นภาษาไทย และภาษาบาลี ประกอบกับเมื่อพม่าเข้ามารุกรานประเทศไทย บาทหลวงถูกย่ำยี โบสถ์ถูกทำลาย พวกสอนศาสนาทั้งหลายจึงรีบหนีออกนอกประเทศ ในสมัยนี้คนไทยกำลังเผชิญชะตากรรมกับพวกพม่า จนในที่สุดพระเจ้าตากสินมหาราชได้กู้เอกราช ประเทศชาติกำลังอยู่ในภาวะสร้างเมือง การเผยแพร่ศาสนาไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร
เมื่อเปลี่ยนเป็นราชวงศ์จักรีแล้ว พวกคริสต์ได้อพยพเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นโดยเฉพาะในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ให้อิสระในการนับถือศาสนาและทรงประเทศพระราชกฤษฎีกาให้ทุกคนมีสิทธิในการนับถือศาสนาใดก็ได้ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แม้นว่าสัมพันธภาพระหว่างไทยกับฝรั่งเศสไม่ดีนัก แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ทรงรับรองมิสซังโรมันคาทอลิคเป็นนิติบุคคล ในรัชสมัยนี้ได้เกิดโรงเรียนอัสสัมชัญขึ้นในปี ค.ศ.1877 และได้รับพระราชทาน เงินทุนในการก่อสร้างโรงเรียน ต่อมาก็มีโรงเรียนเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง คือ โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ โรงเรียนเซ็นต์ฟรังซิสซาเวียร์ และมีโรงเรียนพยาบาลเซนต์หลุยส์เกิดขึ้นในเวลาต่อมา