บุคคลที่ส่งเสริมสร้างสรรค์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย
หลวงประดิษฐ์ไพเราะ
v ประวัติ
หลวงประดิษฐ์ไพเราะ เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2424 ที่คลองดาวดึงษ์ อำเภอเมืองสมุทรสงครามมีชื่อเดิมว่า" ศร ศิลปบรรเลง" เป็นบุตรนายสิน ศิลปบรรเลง ครูปี่พาทย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสงคราม กับนางยิ้ม ศิลปบรรเลง ในวัยเด็กเมื่ออายุ 11 ปีนั้นได้เริ่มเรียนดนตรีอย่างจริงจังกับบิดา ต่อมาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเวช รับสั่งให้เรียนดนตรีกับครูดนตรีมีชื่ออีกหลายท่าน จนกระทั่งมีความสามารถเป็นที่ยอมรับจึงเข้าเป็นนักดนตรีประจำวง " บูรพาภิรมย์" และได้รับตำแหน่งจางวางมหาดเล็กในพระองค์จากสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเวช เมื่อคราวเดี่ยวเพลงกราวถวาย พร้อมกับแหวนเพชรเป็นรางวัล ในความเป็น ยอดฝีมือตีระนาดที่หาตัวจับยาก หลังจากนั้นได้รับชัยชนะจากการประชันวงกับระนาดฝีมือเอก ด้วยเพลง"กราวในทางฝัน" (คือฝันไปว่าครูเทวดามาต่อเพลงให้)จึงทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังมากกว่าครูปี่พาทย์ซึ่งเป็นบิดาจนชื่อจางวางศร เป็นที่ติดปากของคนทั่วไป และไม่เพียงแต่มีฝีมือสุดยอดในการตีระนาดเท่านั้น เครื่องดนตรีชนิดอื่น ก็สามารถจะบรรเลงได้อย่างไม่แพ้ใครไม่ว่าจะเป็น ซอหรือปี่ ที่สามารถค้นหาวิธีการเป่าปี่ให้มีเสียงสูงขึ้นกว่าปกติถึง 2 เสียง โดยผันลงต่ำได้ทันที
นอกจากนั้นยังสามารถแต่งเพลงได้อย่างรวดเร็วและฉับพลัน มีกลเม็ดเด็ดพรายอย่างเหนือชั้น ในสมัยที่รับราชการอยู่วังบูรพาภิรมย์นั้น มีการประกวดประชันเพลงที่แต่งใหม่บ่อยครั้ง ทั้งเพลงสามชั้น เพลงเดี่ยวโดยเฉพาะ การประกวดสมองในการคิดประดิษฐ์ทางรับ คือการนำเพลงที่ไม่เคย รู้จักมาร้องส่ง ให้ปี่พาทย์รับ ซึ่งจางวางศร ก็สามารถนำวงรอดไปได้ทุกครั้งด้วยปฏิภาณไหวพริบเฉียบขาดแม้แต่เพลงยาวที่ยาวถึง 10 จังหวะเช่นเพลง คุณลุงคุณป้า ซึ่งภายหลังท่านได้ปรับปรุงเป็นเพลงอะแซหวุ่นกี้ ในเวลาต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทอดพระเนตรการบรรเลงเพลงที่จางวางศรเป็นต้นตำรับประดิษฐ์คิดค้น และบรรเลงเป็นครั้งแรกขึ้นในพิธีเปิดประตูท่าหลวง ที่จังหวัดสระบุรี คือเพลงทางเปลี่ยน ซึ่งเป็นการบรรเลงเพลงเดียวกันไม่ให้ซ้ำกันในแต่ละเที่ยว เมื่อการบรรเลงสิ้นสุดลง พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสชมเชยยกย่องความสามารถในศิลปะการดนตรี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ ให้เป็น" หลวงประดิษฐ์ไพเราะ" นับตั้งแต่นั้นมาหลวงประดิษฐ์ไพเราะมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่า สรรสร้างผลงานไว้เป็นสมบัติแก่ลูกหลานมากมาย ด้วยฝีมือชั้นครูที่มีลีลาในการเล่นและแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยมหาคนเปรียบเทียบได้ยากมากจนถึงวันที่ 8 มีนาคม 2497 เวลา 19.45 น. รวมอายุได้ 74 ปีเศษจึงสิ้นชีวิตลง พร้อมกับสิ้นยุคดนตรีไทยฟูเฟื่องที่สุดไปด้วยท่านได้ฝาก ผลงานไว้จนถึงปัจจุบันมากมาย เช่น คิดโน๊ตตัวเลขสำหรับเครื่องดนตรีไทยขึ้นจนได้รับการปรับปรุงใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้ และยังได้ประดิษฐ์เพลงที่มีท่อนนำ (INTRODUCTION) ขึ้นเป็นต้นตำรับการบรรเลงดนตรีไทย , ต้นตำรับการเปลี่ยนเพลงเป็นทางต่างๆ , ต้นตำรับเพลงกรอที่อ่อนหวานไพเราะ, เดี่ยวระนาด 2 รางด้วยลีลาที่เหมาะสม, บรรเลงและแต่งเพลง 4 ชั้น รวมถึงเป็นผู้นำอังกะลุงของชวาเข้ามาในเมืองไทยอีกด้วย นอกจากนั้นยังได้แต่งบทเพลงไว้หลายบท เช่น กระแตไต่ไม้โหมโรง, เขมรราชบุรีสามชั้น, เขมรปากท่อเถา,แขกสาหร่ายเถา,แสนคำนึงเถา, นกเขาขะแมร์เถา, ลาวเสี่ยงเทียนเถา,ภิรมย์สุรางค์เถา,พราหมณ์ดีดน้ำเต้า, และอื่นๆ อีกมากมาย
แหล่งอ้างอิง http://www.maeklongdee.com/pageperson_sone.htm
คณะผู้จัดทำ
นายสิริศักดิ์ พรหมดวง ม.4/4 เลขที่ 8
นายกุลชาติ จัดกระบวนพล ม.4/4 เลขที่ 20
นายธนฤกษ์ อัมพุนันท์ ม.4/4 เลขที่ 21
- ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น