• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:25d2427ae295df613634996710896ae1' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<span style=\"color: #808080\"><img height=\"1\" width=\"1\" src=\"/files/u31708/00.gif\" border=\"0\" /><img height=\"1\" width=\"1\" src=\"/files/u31708/00.gif\" border=\"0\" /> <img height=\"229\" width=\"600\" src=\"/files/u31708/00.gif\" border=\"0\" /></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #808080\"> <img height=\"1\" width=\"1\" src=\"/\" border=\"0\" /></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #808080\">ประเภทของนกที่จะนำมาเลี้ยง</span>\n</p>\n<p>\n<br />\n    เราสามารถเลือกนกที่จะนำมาเลี้ยงได้หลายแบบหลายขนาด เช่น เลี้ยงลูกนกเกิดใหม่ นกหูดำ นกหนุ่ม นกป่า หรือจะซื้อหานกที่ฝึกมาแล้ว\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\">ลูกนกหูดำ</span><br />\n    ปกติลูกนกที่มีอายุ 1-2 เดือน ขนที่หูหรือแก้มจะยังไม่เปลี่ยนเป็นสีแดง และยังร้องไม่เป็น จึงเรียกว่า ลูกนกหูดำ หรือลูกนกลูกใบ้<br />\nจะเป็นลูกนกที่ผู้นิยมเลี้ยงนำไปเลี้ยงในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงก่อนต้นฤดูฝน ในระยะหลัง ลูกนกลูกใบ้หรือนกหูดำจะมีราคาค่อนข้างสูง<br />\nเมื่อได้ลูกนกไปแล้วก็นำลูกนกไปฝึกหัดเอง<br />\nข้อดี<br />\n1. ลูกนกที่นำมาเลี้ยงจะเข้ากับคนได้เป็นอย่างดี ไม่ตื่นกลัวเมื่อพบคนแปลกหน้า เป็นนกที่ค่อนข้างเชื่อง<br />\n2. ถ้าหากมีนกต้นแบบที่ร้องดีคอยฝึกหัดให้ลูกนกได้จดจำเพลงร้อง จนลูกนกสามารถเลียนแบบได้ ก็จะได้นกที่มีน้ำเสียงดี<br />\n3. นกจะมีขนสวยงาม เนื่องจากเราฝึกให้เขาอาบน้ำเป็นตั้งแต่เล็กๆ <br />\n4. ใช้เวลาเลี้ยงราว 1 ปี ก็จะได้นกหนุ่มที่สวยงาม และสามารถร้องให้ฟังได้แล้ว\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #339966\">ข้อเสีย</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #339966\"></span><br />\n1. ลูกนกจะมีนิสัยขี้อ้อน แม้เมื่อโตขึ้นและพร้อมที่จะเข้าสนามซ้อม เพื่อแข่งขันก็มักแสดงอาการแบบลูกนกออกมาให้เห็นเสมอๆ<br />\nโดยกระพือปีกเบาๆ และแลบลิ้นเพื่อขออาหาร<br />\n2. เมื่อโตขึ้นจะแสดงอาการคึกมากกว่าปกติ และมักแสดงนิสัยที่ไม่ดีออกมาให้เห็น เช่น จิกหาง จิกหา และจิกปีตัวเอง<br />\nทำให้ขนนกไม่สวยงาม<br />\n3. ถ้าเลี้ยงลูกนกหูดำโดยไม่มีนกต้นแบบหรือนกฝึกหัดที่ดี ลูกนกตัวนั้นก็จะร้องได้ไม่น่าฟัง แม้ปัจจุบันจะมีการขายเทปเสียงร้องของนกกรงหัวจุก<br />\nแต่ผลที่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะเทปเพลงมักจะอัดจากสนามซ้อมหรือสนามแข่งขัน ซึ่งจะมีเพลงร้องทั้งที่ดีและไม่ดีปะปนกัน<br />\n4. มีความเสี่ยงในเรื่องรูปร่างหน้าตาของนก เนื่องจากขณะที่ยังเป็นลูกนก ลักษณะต่างๆ ที่ปรากฏยังไม่เต็มที่<br />\nเมื่อนกโตขึ้นจะผลัดขนไปทุกปี จนกระทั่งเป็นหนุ่ม เราจึงจะเห็นสภาพที่แท้จริงว่าสวยงามแค่ไหน บางตัวพอโตขึ้นหัวจุกตรง หรือ<br />\nโค้งไปข้างหลัง สร้อยหรือหมึกดำมีน้อยหางยาว ไม่สวยงาม และไม่เข้ารูปมมาตรฐาน\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\">เลี้ยงนกป่า</span>\n</p>\n<p>\n<br />\n    วิธีนี้ชาวบ้านจะใช้เครื่องมือหลายอย่างในการดักจับนก เช่น <br />\n1. ใช้กรงหรือเพนียดต่อนก โดยใช้นกตัวผู้ที่ร้องมาก เรียกนกเก่ง กล่าวคือจะร้องสำนวนสั้นๆ เพื่อเชื้อเชิญให้นกป่าเข้ามาต่อสู้กัน<br />\nใส่ไว้ในกรง เมื่อนกป่าได้ยินเสียงร้องก็จะบินโฉบไปใกล้กรงต่อและร้องต่อสู้กัน โดยจะกระพือปีก กระโดดไปมา มีอาการร้องขู่<br />\nจนกระทั่งนกป่าเข้าโจมตีโดยการจิกนกในกรงต่อ ซึ่งก็จะถูกตาข่ายดีดลงมาทับตัวเอาไว้<br />\nข้อดี<br />\n1. นกป่าที่ต่อมาได้จะเป็นนกหนุ่มที่ร้องเพลงเป็นแล้ว และสามารถดูออกว่ารูปร่างสวยงามหรือถูกต้องตามลักษณะแค่ไหน<br />\nเพราะร้องและน้ำเสียงเป็นอย่างไร เพราะขณะที่นกลงมาต่อสู้กัน นกจะร้องปะทะคารมกันก่อน เมื่อจับมาแล้วก็นำไปเลี้ยงให้เชื่องได้เลย<br />\n2. นกที่โตในป่าจะมีจิตใจที่สู้เต็มร้อย จึงกล้าลงต่อสู้กับนกในกรงต่อได้ เนื่องจากนกที่โตในป่ามักจะแสดงตัวเป็นเจ้าของพื้นที่<br />\nดังนั้น เมื่อนกตัวอื่นพลัดหลงเข้าไปก็จะโดนไล่จิกตี จึงมีความลำพองว่าตัวเองเก่ง เมื่อเรานำมาเลี้ยงไว้จนเชื่อง จึงมีสัญชาตญาณใจสู้<br />\nเหมือนเดิม และสามารถลงแข่งขันได้\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #339966\">ข้อเสีย</span><br />\n1. นกที่ได้มาจากป่าจะมีสัญชาตญาณการอยู่ในป่า หากินในที่กว้าง เมื่อเราจับมาเลี้ยงในที่จำกัด นกจะตื่นกลัวและพยายามบินหนีตลอดเวลา<br />\nอาจทำให้<br />\n- เวลาที่คนเข้าไปใกล้ๆ นกจะบินชนซี่กรง ทำให้จมูกเลือดออกหายยาก เพราะนกจะบินชนตลอดเวลา<br />\n- นกบางตัวเมื่ออยู่ในที่แคบๆ จะตกใจกลัว และพยายามหนีสุดชีวิต จนเป็นเหตุให้บิดคอหรือตีลังกาจนติดเป็นนิสัย<br />\nซึ่งถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่ดี ไม่นิยมกัน<br />\n- ถ้าคิดจะเลี้ยงนกประเภทนี้ไว้แข่ง และเจ้าของไม่ได้เอาใจใส่ดูแลอย่างดีและสม่ำเสมอ อาจต้องใช้เวลา 2-3 ปี หรือมากกว่า<br />\nทำให้เสียเวลามาก ปัจจุบันนกประเภทนี้หาซื้อได้ยาก เพราะในธรรมชาติเหลืออยู่น้อยมาก<br />\n2. ใช้ตาข่ายหรือลอบจับนกป่าเป็นฝูง<br />\n    วิธีการนี้เป็นการจับนกป่าที่ทำให้ปริมาณนกลดลงไปอย่างรวดเร็ว และเป็นวิธีที่ห้ามและมีการจับกุมคนจับ<br />\nจึงไม่สนับสนุนให้ทำ\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\">เลี้ยงนกที่ผ่านการเลี้ยงมาแล้ว</span>\n</p>\n<p>\n<br />\n    เป็นวิธีที่ค่อนข้างได้ผลดี เนื่องจากผู้เลี้ยงสามารถเลือกนกได้ตามใจชอบและตามหลักการที่กำหนด เพราะนกเหล่านี้จะสู้ และ<br />\nแสดงพฤติกรรมออกมาให้เห็นเต็มที่ ทำให้รู้ว่ามีใจสุ้แค่ไหน สำนวนดีหรือไม่ น้ำเสียงเป็นอย่างไร รูปร่างหน้าตาได้มาตรฐานแค่ไหน<br />\nแล้วยังเห็นลีลาที่ดีและข้อเสียที่นกแสดงออกมา เช่น กระโดดไปร้องไป วิ่งเกาะถ้วย หรือบิดคอ เราก็สามารถตัดสินใจได้เลย<br />\nวิธีนี้เรามักจะนำนกที่สู้แล้วไปเทียบเคียง คือเอาไปแขวนให้กรงห่างกันประมาณ 1 เมตร นกก็จะต่อสู้และร้องประชันกัน\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #339966\">ข้อดี</span><br />\n1. สามารถคัดเลือกได้เต็มที่ เพราะเราสามารถเห็นลักษณะการแสดงออกของนกได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์<br />\n2. ได้นกที่คุ้นเคยกับคน ไม่ตกใจบง่าย ใช้เวลาเลี้ยงและฟิตไม่นานก็เข้าสนามแข่งได้เลย<br />\nข้อเสีย คือ ราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากผู้ขายเลี้ยงมาจนเชื่องแล้ว\n</p>\n<div align=\"right\">\n<br />\nที่มา : <a href=\"http://www.noksiam.com/modules.php?name=Content&amp;pa=showpage&amp;pid=30\">http://www.noksiam.com/modules.php?name=Content&amp;pa=showpage&amp;pid=30</a>\n</div>\n<div>\n</div>\n<div>\n</div>\n<div>\n</div>\n<div>\n</div>\n<div>\n<hr id=\"null\" />\n</div>\n<div>\n<a href=\"/node/79984\"><img height=\"111\" width=\"204\" src=\"/files/u31708/01.jpg\" border=\"0\" /></a>     <a href=\"/node/80002\"><img height=\"111\" width=\"204\" src=\"/files/u31708/02.jpg\" border=\"0\" /></a>     <a href=\"/node/80003\"><img height=\"111\" width=\"204\" src=\"/files/u31708/16.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</div>\n<div>\n</div>\n<div>\n<a href=\"/node/80004\"><img height=\"111\" width=\"204\" src=\"/files/u31708/25.jpg\" border=\"0\" /></a>\n</div>\n', created = 1728332754, expire = 1728419154, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:25d2427ae295df613634996710896ae1' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ประเภทของนกที่จะนำมาเลี้ยง

รูปภาพของ sss27524

 

 

ประเภทของนกที่จะนำมาเลี้ยง


    เราสามารถเลือกนกที่จะนำมาเลี้ยงได้หลายแบบหลายขนาด เช่น เลี้ยงลูกนกเกิดใหม่ นกหูดำ นกหนุ่ม นกป่า หรือจะซื้อหานกที่ฝึกมาแล้ว

 

 

ลูกนกหูดำ
    ปกติลูกนกที่มีอายุ 1-2 เดือน ขนที่หูหรือแก้มจะยังไม่เปลี่ยนเป็นสีแดง และยังร้องไม่เป็น จึงเรียกว่า ลูกนกหูดำ หรือลูกนกลูกใบ้
จะเป็นลูกนกที่ผู้นิยมเลี้ยงนำไปเลี้ยงในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงก่อนต้นฤดูฝน ในระยะหลัง ลูกนกลูกใบ้หรือนกหูดำจะมีราคาค่อนข้างสูง
เมื่อได้ลูกนกไปแล้วก็นำลูกนกไปฝึกหัดเอง
ข้อดี
1. ลูกนกที่นำมาเลี้ยงจะเข้ากับคนได้เป็นอย่างดี ไม่ตื่นกลัวเมื่อพบคนแปลกหน้า เป็นนกที่ค่อนข้างเชื่อง
2. ถ้าหากมีนกต้นแบบที่ร้องดีคอยฝึกหัดให้ลูกนกได้จดจำเพลงร้อง จนลูกนกสามารถเลียนแบบได้ ก็จะได้นกที่มีน้ำเสียงดี
3. นกจะมีขนสวยงาม เนื่องจากเราฝึกให้เขาอาบน้ำเป็นตั้งแต่เล็กๆ
4. ใช้เวลาเลี้ยงราว 1 ปี ก็จะได้นกหนุ่มที่สวยงาม และสามารถร้องให้ฟังได้แล้ว

 

 

ข้อเสีย


1. ลูกนกจะมีนิสัยขี้อ้อน แม้เมื่อโตขึ้นและพร้อมที่จะเข้าสนามซ้อม เพื่อแข่งขันก็มักแสดงอาการแบบลูกนกออกมาให้เห็นเสมอๆ
โดยกระพือปีกเบาๆ และแลบลิ้นเพื่อขออาหาร
2. เมื่อโตขึ้นจะแสดงอาการคึกมากกว่าปกติ และมักแสดงนิสัยที่ไม่ดีออกมาให้เห็น เช่น จิกหาง จิกหา และจิกปีตัวเอง
ทำให้ขนนกไม่สวยงาม
3. ถ้าเลี้ยงลูกนกหูดำโดยไม่มีนกต้นแบบหรือนกฝึกหัดที่ดี ลูกนกตัวนั้นก็จะร้องได้ไม่น่าฟัง แม้ปัจจุบันจะมีการขายเทปเสียงร้องของนกกรงหัวจุก
แต่ผลที่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะเทปเพลงมักจะอัดจากสนามซ้อมหรือสนามแข่งขัน ซึ่งจะมีเพลงร้องทั้งที่ดีและไม่ดีปะปนกัน
4. มีความเสี่ยงในเรื่องรูปร่างหน้าตาของนก เนื่องจากขณะที่ยังเป็นลูกนก ลักษณะต่างๆ ที่ปรากฏยังไม่เต็มที่
เมื่อนกโตขึ้นจะผลัดขนไปทุกปี จนกระทั่งเป็นหนุ่ม เราจึงจะเห็นสภาพที่แท้จริงว่าสวยงามแค่ไหน บางตัวพอโตขึ้นหัวจุกตรง หรือ
โค้งไปข้างหลัง สร้อยหรือหมึกดำมีน้อยหางยาว ไม่สวยงาม และไม่เข้ารูปมมาตรฐาน

 

 

เลี้ยงนกป่า


    วิธีนี้ชาวบ้านจะใช้เครื่องมือหลายอย่างในการดักจับนก เช่น
1. ใช้กรงหรือเพนียดต่อนก โดยใช้นกตัวผู้ที่ร้องมาก เรียกนกเก่ง กล่าวคือจะร้องสำนวนสั้นๆ เพื่อเชื้อเชิญให้นกป่าเข้ามาต่อสู้กัน
ใส่ไว้ในกรง เมื่อนกป่าได้ยินเสียงร้องก็จะบินโฉบไปใกล้กรงต่อและร้องต่อสู้กัน โดยจะกระพือปีก กระโดดไปมา มีอาการร้องขู่
จนกระทั่งนกป่าเข้าโจมตีโดยการจิกนกในกรงต่อ ซึ่งก็จะถูกตาข่ายดีดลงมาทับตัวเอาไว้
ข้อดี
1. นกป่าที่ต่อมาได้จะเป็นนกหนุ่มที่ร้องเพลงเป็นแล้ว และสามารถดูออกว่ารูปร่างสวยงามหรือถูกต้องตามลักษณะแค่ไหน
เพราะร้องและน้ำเสียงเป็นอย่างไร เพราะขณะที่นกลงมาต่อสู้กัน นกจะร้องปะทะคารมกันก่อน เมื่อจับมาแล้วก็นำไปเลี้ยงให้เชื่องได้เลย
2. นกที่โตในป่าจะมีจิตใจที่สู้เต็มร้อย จึงกล้าลงต่อสู้กับนกในกรงต่อได้ เนื่องจากนกที่โตในป่ามักจะแสดงตัวเป็นเจ้าของพื้นที่
ดังนั้น เมื่อนกตัวอื่นพลัดหลงเข้าไปก็จะโดนไล่จิกตี จึงมีความลำพองว่าตัวเองเก่ง เมื่อเรานำมาเลี้ยงไว้จนเชื่อง จึงมีสัญชาตญาณใจสู้
เหมือนเดิม และสามารถลงแข่งขันได้

 

ข้อเสีย
1. นกที่ได้มาจากป่าจะมีสัญชาตญาณการอยู่ในป่า หากินในที่กว้าง เมื่อเราจับมาเลี้ยงในที่จำกัด นกจะตื่นกลัวและพยายามบินหนีตลอดเวลา
อาจทำให้
- เวลาที่คนเข้าไปใกล้ๆ นกจะบินชนซี่กรง ทำให้จมูกเลือดออกหายยาก เพราะนกจะบินชนตลอดเวลา
- นกบางตัวเมื่ออยู่ในที่แคบๆ จะตกใจกลัว และพยายามหนีสุดชีวิต จนเป็นเหตุให้บิดคอหรือตีลังกาจนติดเป็นนิสัย
ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่ดี ไม่นิยมกัน
- ถ้าคิดจะเลี้ยงนกประเภทนี้ไว้แข่ง และเจ้าของไม่ได้เอาใจใส่ดูแลอย่างดีและสม่ำเสมอ อาจต้องใช้เวลา 2-3 ปี หรือมากกว่า
ทำให้เสียเวลามาก ปัจจุบันนกประเภทนี้หาซื้อได้ยาก เพราะในธรรมชาติเหลืออยู่น้อยมาก
2. ใช้ตาข่ายหรือลอบจับนกป่าเป็นฝูง
    วิธีการนี้เป็นการจับนกป่าที่ทำให้ปริมาณนกลดลงไปอย่างรวดเร็ว และเป็นวิธีที่ห้ามและมีการจับกุมคนจับ
จึงไม่สนับสนุนให้ทำ

 

 

เลี้ยงนกที่ผ่านการเลี้ยงมาแล้ว


    เป็นวิธีที่ค่อนข้างได้ผลดี เนื่องจากผู้เลี้ยงสามารถเลือกนกได้ตามใจชอบและตามหลักการที่กำหนด เพราะนกเหล่านี้จะสู้ และ
แสดงพฤติกรรมออกมาให้เห็นเต็มที่ ทำให้รู้ว่ามีใจสุ้แค่ไหน สำนวนดีหรือไม่ น้ำเสียงเป็นอย่างไร รูปร่างหน้าตาได้มาตรฐานแค่ไหน
แล้วยังเห็นลีลาที่ดีและข้อเสียที่นกแสดงออกมา เช่น กระโดดไปร้องไป วิ่งเกาะถ้วย หรือบิดคอ เราก็สามารถตัดสินใจได้เลย
วิธีนี้เรามักจะนำนกที่สู้แล้วไปเทียบเคียง คือเอาไปแขวนให้กรงห่างกันประมาณ 1 เมตร นกก็จะต่อสู้และร้องประชันกัน

 

ข้อดี
1. สามารถคัดเลือกได้เต็มที่ เพราะเราสามารถเห็นลักษณะการแสดงออกของนกได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
2. ได้นกที่คุ้นเคยกับคน ไม่ตกใจบง่าย ใช้เวลาเลี้ยงและฟิตไม่นานก็เข้าสนามแข่งได้เลย
ข้อเสีย คือ ราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากผู้ขายเลี้ยงมาจนเชื่องแล้ว


         

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 398 คน กำลังออนไลน์