ไบโอม(ชีวภูมิภาค) กับ ครูเกรียงไกร ไชยภักษา
ไบโอม (Biome) คือเป็นบริเวณที่ประกอบด้วยระบบนิเวศหลายๆระบบที่มีความสัมพันธ์กันลักษณะสภาพภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน มีลักษณะเฉพาะของตนเองโดยอาศัยลักษณะของพืชหรือสิ่งมีชีวิตชนิดเด่นเป็นหลัก ไบโอมเกิดจากกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่มีประชากรของสิ่งมีชีวิตมากกว่าหนึ่งชนิดมาอยู่รวมกันและมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในบริเวณใดบริเวณหนึ่งทำให้เกิดเป็นลักษณะเฉพาะของบริเวณนั้น ๆ ซึ่งถ้าแบ่งไบโอมตามโครงสร้างของกลุ่มสิ่งมีชีวิต (Community structure) จะแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ ไบโอมบนบก (Terrestrial biome) และ ไบโอมในน้ำ (Aquatic biome) ซึ่งสามารถจำแนกกว้าง ๆ ได้เป็น ไบโอมน้ำจืด (freshwater biome) และไบโอมน้ำเค็ม (marine biome)
1. ไบโอมบนบก
ไบโอมบนบก (Terrestrial biomes) ใช้เกณฑ์ปริมาณน้ำฝนและอุณหภูมิเป็นตัวกำหนด ไบโอมบนบกที่สำคัญ เช่น ไบโอมป่าดิบชื้น ไบโอมป่าผลัดใบในเขตอบอุ่น ใบโอมทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น ไบโอมสะวันนา ไบโอมป่าสน ไบโอมทะเลทราย ไบโอมทุนดรา ชาพาร์ราล
• ป่าดิบชื้น (Tropical rain forest)
พบได้ในบริเวณใกล้เขตเส้นศูนย์สูตรของโลกในทวีปอเมริกากลาง ทวีปอเมริกาเอเชียตอนใต้ อเมริกาใต้ แอฟริกา และบริเวณบางส่วนของหมู่เกาะแปซิฟิก ลักษณะของภูมิอากาศร้อนและชื้น มีฝนตกตลอดปี ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 200 – 400 เซนติเมตรต่อปี ในป่าชนิดนี้พบพืชและสัตว์หลากหลายสปีชีส์ เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก มีอัตราการย่อยสลายสูง ป่าจะเขียวฉอุ่มตลอดปี
ที่มา: http://zoltantakacs.com/zt/im/scan/earth/tropical_rain_forest_guatemala_13495-120.jpg
ที่มา:http://www.marietta.edu/~biol/biomes/images/troprain/troprain_500b.jpg
• ป่าผลัดใบในเขตอบอุ่น (Temperate deciduous forest)
พบกระจายทั่วไปในละติจูดกลาง ซึ่งมีปริมาณความชื้นเพียงพอที่ต้นไม้ใหญ่จะเจริญเติบโตได้ดี โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 100 เซนติเมตรต่อปี และมีอากาศค่อนข้างเย็น ในป่าชนิดนี้และต้นไม้จะทิ้งใบหรือผลัดใบก่อนฤดูหนาว และจะเริ่มผลิใบอีกครั้งเมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้ว ต้นไม้ที่พบมีหลากหลายทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม รวมถึงไม้ล้มลุก
ที่มา:http://www.ffpri.affrc.go.jp/labs/femnet/ogawa/photo1.jpg
ที่มา:http://www.marietta.edu/~biol/biomes/images/deciduous/deciduous_500.jpg
• ป่าสน (Coniferous forest) : มักมีช่วงฤดูร้อนที่สั้น ฤดูหนาวยาวนาน จะเขียวชะอุ่มตลอดปี ส่วนป่าสนในซีกโลกเหนือเรียก ไทกา ส่วนในเมืองไทยพบแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ เช่นบนภูเรือ ภูกระดึง มักพบ สนสองใบ สนสามใบเป็นต้น
ที่มา:
http://pirun.ku.ac.th/~b4803260/son1.jpg
• ป่าไทกา (Taiga) และป่าบอเรียล (Boreal) เป็นป่าประเภทเขียวชอุ่มตลอดปี พบได้ทางตอนใต้ของประเทศแคนนาดา ทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปเอเชียและยุโรป ในเขตละติจูดตั้งแต่ 45 – 67 องศาเหนือ ลักษณะของภูมิดากาศมีฤดูหนาวค่อนข้างยาวนาน อากาศเย็นและแห้ง ฤดูที่อากาศอบอุ่นค่อนข้างสั้น พื้นดินจึงมีเศษกิ่งไม้ ใบไม้ สะสมกันเป็นชั้นหนา มีอัตราการย่อยสลายต่ำ ดินมักเป็นกรด พืชเด่นที่พบได้แก่ พืชจำพวกสน เช่น ไพน์ (Pine) เฟอ (Fir) สพรูซ (Spruce) และเฮมลอค เป็นต้น
ที่มา:http://aula.proyectopdb.org/ficheros/file/ceip/primaria/wq/ecosistema/taiga.jpg
ที่มา:http://aula.proyectopdb.org/ficheros/file/ceip/primaria/wq/ecosistema/taiga.jpg
• ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น (Temperate grassland) หรือที่รู้จักกันในชื่อทุ่งหญ้าแพรี่ (Prairie) ในตอนกลางของทวีปอเมริกาเหนือซึ่งกระจายกินพื้นที่มากกว่าไบโอมอื่นและทุ่งหญ้า สเตปส์ (Steppes) ของประเทศรัสเซีย สภาพภูมิอากาศมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 25 – 50 เซนติเมตรต่อปี ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นนี้เหมาะสำหรับการทำกสิกรและปศุสัตว์ เพราะดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงมีหญ้านานาชนิดขึ้นอยู่ ส่วนใหญ่พบมีการทำเกษตรกรรมควบคู่ในพื้นที่นี่ด้วย
ที่มา:http://seoeun01px2009.files.wordpress.com/2007/10/biol_02_img0210.jpg
• สะวันนา (Savanna) เป็นทุ่งหญ้าที่พบได้ในทวีปแอฟริกาและพบบ้างทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีป เอเชีย ลักษณะของภูมิอากาศร้อน มีฤดูร้อนที่ยาวนาน พืชที่ขึ้นส่วนใหญ่เป็นหญ้าและมีต้นไม้กระจายเป็นหย่อม ๆ ในฤดูร้อนมักเกิดไฟป่า พืชที่ขึ้นมักทนต่อไฟป่าและความแห้งแล้งได้ดี
ที่มา:http://ecolibrary.org/images/full_image/Savanna_w_zebras_and_impalas_Tanzania_DP30.jpg
ที่มา:
http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ddw1CeLqe7TYiM::&t=1&usg=__0MbDuN6ImFW8mL7g39iYmD1zuEs=
• ทะเลทราย (Desert) พบได้ทั่วไปในโลก ในพื้นที่มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยน้อยกว่า 25 เซนติเมตรต่อปี บางที่ฝนตกหนักแต่ดินเป็นทรายที่ไม่อุ้มน้ำ ทะเลทรายบางแห่งร้อนมากมีอุณหภูมิเหนือผิวดินสูงถึง 60 องศาเซลเซียสตลอดวัน บางวันแห่งมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น พืชที่พบในไบโอมทะเลทรายนี้มีการป้องกันการสูญเสียน้ำ โดยใบลดรูปเป็นหนาม ลำต้นอวบ เก็บสะสมน้ำดี พืชมักเป็นพืชที่อายุสั้นเพียวหนึ่งฤดูทะเลทรายที่รู้จักกันโดยทั่วไป ได้แก่ ทะเลทรายซาฮารา (Sahara) ในทวีปแอฟริกา ทะเลทรายโกบี (Gobi) ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและทะเลทรายโมฮาวี (Mojave) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่มา:http://www.zastavki.com/pictures/1920x1200/2008/Widescreen_The_desert_005166_.jpg
ที่มา:http://www.windows.ucar.edu/earth/images/desert_map_sm2.jpg
• ทุนดรา (Tundra) เป็นเขตที่มีฤดูหนาวค่อนข้างยาวนาน ฤดูร้อนช่วงสั้น ๆ ลักษณะเด่นคือ ชั้นของดินที่อยู่ต่ำกว่าจากผิวดินชั้นบนลงไปจะจับตัวเป็นน้ำแข็งถาวร บางที่มีน้ำแข็งหนาหลายเมตรทุนดราพบเพียงตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ และยูเรเซีย พบพพืชและสัตว์อาศัยอยู่น้อยชนิด ปริมาณฝนน้อยในฤดูร้อนช่วงสั้น ๆ น้ำแข็งที่ผิวหน้าดินละลาย แต่เนื่องจากน้ำไม่สามารถซึมผ่านลงไปในชั้นน้ำแข็งได้ในระยะสั้น ๆ พืชที่พบจะเป็นพวกไม้ดอกและไม้พุ่ม นอกจากนี้ยังพบสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ เช่น ไลเคนด้วย
ที่มา2:http://www.cedcc.psu.edu/khanjan/best_alaska_pix/139_Sunset%20in%20the%20Tundra.JPG
ที่มา:
http://www.windows2universe.org/earth/images/tundra_map_big2.jpg
2. ไบโอมในน้ำ
ไบโอมในน้ำที่พบเป็นองค์ประกอบหลักใบไบโอสเฟียร์ประกอบด้วย ไบโอมแหล่งน้ำจืด (Freshwater biomes) และไบโอมแหล่งน้ำเค็ม (Marine Biomes) และพบกระจายอยู่ทั้งเขตภูมิศาสตร์ในโลกนี้
• ไบโอมแหล่งน้ำจืด (Freshwater biomes) โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำนิ่งซึ่งได้แก่ ทะเลสาบ สระ หนอง หรือบึง กับแหล่งน้ำไหล ได้แก่ ธารน้ำไหลและแม่น้ำ เป็นต้น
• ไบโอมแหล่งน้ำเค็ม (Marine biomes) โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำเค็ม ซึ่งได้แก่ ทะเลและมหาสมุทร ซึ่งพบได้ในปริมาณมากถึงร้อยละ 71 ของพื้นที่ผิวโลก และมีความลึกมากโดยเฉลี่ยถึง