กำเนิดระบบสุริยะ
มวลของระบบสุริยะกว่าร้อยละ 99.8 อยู่ที่ดวงอาทิตย์ ดังนั้นการเกิดของระบบสุริยะจากเนบิวลามวลส่วนใหญ่กลายเป็นดวงอาทิตย์ ที่เหลือเล็กน้อยกลายเป็นดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหางและเศษวัตถุขนาดเล็กๆจำนวนมาก เมื่อราว 5,000 ล้านปีมาแล้ว บริเวณที่เป็นระบบสุริยะในปัจจุบันเคยเป็นเนบิวลาที่มีแก๊ซไฮโดรเจนและธาตุต่างๆเป็นองค์ประกอบ แก๊ซ และธาตุเหล่านี้มาจากเนบิวลาดั่งเดิม และเนบิวลาใหม่ที่เกิดจากการจบชีวิตลงของดาวฤกษ์แต่ละขนาด ด้วยเหตุนี้เมื่อเนบิวลากลายเป็นระบบสุริยะ ดวงอาทิตย์ และบริวารจึงมีส่วนประกอบที่มีธาตุต่างๆคล้ายคลึงกัน
ขณะที่มวลของเนบิวลาส่วนใหญ่กลายเป้นดวงอาทิตย์ เนบิวลาที่อยู่รอบนอกไม่ได้เคลื่อนเข้าไปรวมเป้นดวงอาทิตย์ แต่เคลื่อนหมุนวนเป็นแผ่นกลมแบนรอบดวงอาทิตย์ มวลเหล่านี้เคลื่อนวนจับกลุ่มเกิดเป็นดาวเคราะห์ และบริวารอื่นของดวงอาทิตย์
นักดาราศาสตร์แบ่งเขตพื้นที่รอบดวงอาทิตย์ตามลักษณะการก่อตัวเกิดเป็นบริวารของดวงอาทิตย์ออกเป้น 4 เขต คือ
1. ดาวเคราะห์ชั้นใน
2. แถบดาวเคราะห์น้อย
3. ดาวเคราะห์ชั้นนอก
4. เขตของดาวหาง
ดาวเคราะห์ชั้นในของระบบสุริยะ ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร ดาวเคราะห์เหล่านี้ มีพื้นผิวแข็งหรือเป็นหินแบบเดียวกับโลก จึงเรียกว่าดาวเคราะห์หิน หรือดาวเคราะห์แบบโลก นักดาราศาสตร์ ประมาณว่าคงใช้เวลาไม่น้อยกว่า 100 ล้านปีจึงเกิดเป็นดาวเคราะห์ชั้นใน ซึ่งเกิดจากการพอกพูนมวล
มวลที่อยู่บริเวณแถบของดาวเคราะห์น้อยคือบริเวณระหว่างวงโคจรของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี นักดาราศาสตร์คาดว่าคงมีการก่อตัวเช่นเดียวกับวัตถุที่ก่อกำเนิดเป็นดาวเคราะห์ชั้นใน เศษที่เหลือจากการพอกพูนมวลเป็นดาวเคราะห์หินถูกแรงรบกวนของดาวพฤหัสบดีซึ่งมีขนาดใหญ่และเกิดมาก่อนคือเกิดพร้อมกับดวงอาทิตย์ ทำให้มวลในบริเวณแถบของดาวเคราะห์น้อยไม่สามารถจับตัวกันให้มีขนาดใหญ่ได้ จึงปรากฏมีแต่ดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กๆจำนวนมาก
ดาวเคราะห์ชั้นนอกหรือดาวเคราะห์ยักษ์เป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ มีองค์ประกอบหลักเป็นไฮโดรเจน และฮีเลียมทั้งดวง ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน จึงอาจเรียกว่า ดาวเคราะห์แก๊ซ ส่วนดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์แคระที่อยู่ไกล มีสมบัติคล้ายดาวเคราะห์น้อย
เศษที่เหลือจากดาวเคราะห์ยักษ์คือดาวหางจำนวนมากที่อยู่รอบนอกของระบบสุริยะ ส่วนเศษเหลือจากการสร้างดาวเคราะห์หินคือดาวเคราะห์น้อยดังที่กล่าวมาแล้ว