หน้าแรก | บล็อก | blm18596's blog
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:c2342c179438fe75caad6423bb39be3a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 14pt\">1.ให้นักเรียนอธิบายการติดต่อสื่อสารโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ </span><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 14pt\"><o:p></o:p></span></span><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 14pt\">ตอบ</span><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 14pt\"> : </span></span><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><span style=\"color: #000000; font-size: small\">&quot;<span lang=\"TH\">ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือระบบเน็ตเวิร์ก คือกลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกันได้&quot; เครือข่ายนั้นมีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกันด้วยคอมพิวเตอร์เพียงสองสามเครื่อง เพื่อใช้งานในบ้านหรือในบริษัทเล็กๆ ไปจนถึงเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก ส่วน </span>Home Network <span lang=\"TH\">หรือเครือข่ายภายในบ้าน ซึ่งเป็นระบบ </span>LAN ( Local Area Network) <span lang=\"TH\">ที่คุณผู้อ่านจะได้พบต่อไปนี้ เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กๆ หมายถึงการนำเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ มาเชื่อมต่อกันในบ้าน สิ่งที่เกิดตามมาก็คือประโยชน์ในการใช้คอมพิวเตอร์ด้านต่างๆ เช่น</span></span></span></p>\n<p>1. <span lang=\"TH\">การใช้ทรัพยากรร่วมกัน หมายถึง การใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องพิมพ์ร่วมกัน กล่าวคือ มีเครื่องพิมพ์เพียงเครื่องเดียว ทุกคนในเครือข่ายสามารถใช้เครื่องพิมพ์นี้ได้ ทำให้สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องพิมพ์หลายเครื่อง (นอกจากจะเป็นเครื่องพิม์คนละประเภท)</span> </p>\n<p>2. <span lang=\"TH\">การแชร์ไฟล์ เมื่อคอมพิวเตอร์ถูกติดตั้งเป็นระบบเน็ตเวิร์กแล้ว การใช้ไฟล์ข้อมูลร่วมกันหรือการแลกเปลี่ยนไฟล์ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องอุปกรณ์เก็บข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้นในการโอนย้ายข้อมูลตัดปัญหาเรื่องความจุของสื่อบันทึกไปได้เลย ยกเว้นอุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูลหลักอย่างฮาร์ดดิสก์ หากพื้นที่เต็มก็คงต้องหามาเพิ่ม</span></p>\n<p>3. <span lang=\"TH\">การติดต่อสื่อสาร โดยคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเป็นระบบเน็ตเวิร์ก สามารถติดต่อพูดคุยกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น โดยอาศัยโปรแกรมสื่อสารที่มีความสามารถใช้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เช่นเดียวกัน หรือการใช้อีเมล์ภายในก่อให้เครือข่าย </span>Home Network <span lang=\"TH\">หรือ </span>Home Office <span lang=\"TH\">จะเกิดประโยชน์นี้อีกมากมาย</span></p>\n<p>4. <span lang=\"TH\">การใช้อินเทอร์เน็ตร่วมกัน คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อในระบบ เน็ตเวิร์ก</span> <br />\n<span lang=\"TH\">สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทุกเครื่อง โดยมีโมเด็มตัวเดียว ไม่ว่าจะเป็นแบบอนาล็อกหรือแบบดิจิตอลอย่าง </span>ADSL <span lang=\"TH\">ยอดฮิตในปัจจุบัน</span><br />\n<b><br />\n<span lang=\"TH\"><span style=\"color: #000000; font-size: small\">ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร</span></span></b><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\"> สถาบันการศึกษาและบ้านไปแล้วการใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ทั้งไฟล์ เครื่องพิมพ์ ต้องใช้ระบบเครือข่ายเป็นพื้นฐาน ระบบเครือข่ายจะหมายถึง การนำคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ </span>2 <span lang=\"TH\">เครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อกันเพื่อจะทำการแชร์ข้อมูล และทรัพยากรร่วมกัน เช่น ไฟล์ข้อมูลและเครื่องพิมพ์ ระบบเครือข่ายสามารถแบ่งออกเป็น </span>3 <span lang=\"TH\">ประเภท ด้วยกันคือ</span></span></span></p>\n<p><b>1. LAN (Local Area Network)</b><br />\n<span lang=\"TH\">ระบบเครื่องข่ายท้องถิ่น เป็นเน็ตเวิร์กในระยะทางไม่เกิน </span>10 <span lang=\"TH\">กิโลเมตร ไม่ต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ คือจะเป็นระบบเครือข่ายที่อยู่ภายในอาคารเดียวกันหรือต่างอาคาร ในระยะใกล้ๆ</span></p>\n<p><b>2. MAN (Metropolitan Area Network)</b><br />\n<span lang=\"TH\">ระบบเครือข่ายเมือง เป็นเน็ตเวิร์กที่จะต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย เป็นการติดต่อกันในเมือง เช่น เครื่องเวิร์กสเตชั่นอยู่ที่สุขุมวิท มีการติดต่อสื่อสารกับเครื่องเวิร์กสเตชั่นที่บางรัก</span></p>\n<p><b>3. WAN (Wide Area Network)</b><br />\n<span lang=\"TH\">ระบบเครือข่ายกว้างไกล หรือเรียกได้ว่าเป็น </span>World Wide <span lang=\"TH\">ของระบบเน็ตเวิร์ก โดยจะเป็นการสื่อสารในระดับประเทศ ข้ามทวีปหรือทั่วโลก จะต้องใช้มีเดีย(</span>Media) <span lang=\"TH\">ในการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย (คู่สายโทรศัพท์ </span>dial-up / <span lang=\"TH\">คู่สายเช่า </span>Leased line / ISDN) (lntegrated Service Digital Network <span lang=\"TH\">สามารถส่งได้ทั้งข้อมูล เสียง และภาพในเวลาเดียวกัน)</span></p>\n<p><b><span lang=\"TH\">ประเภทของระบบเครือข่าย</span></b><br />\n<b>Peer To Peer</b><br />\n<span lang=\"TH\">เป็นระบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนระบบเครือข่ายมีฐานเท่าเทียมกัน คือทุกเครื่องสามารถจะใช้ไฟล์ในเครื่องอื่นได้ และสามารถให้เครื่องอื่นมาใช้ไฟล์ของตนเองได้เช่นกัน ระบบ </span>Peer To Peer <span lang=\"TH\">มีการทำงานแบบดิสทริบิวท์(</span>Distributed System) <span lang=\"TH\">โดยจะกระจายทรัพยากรต่างๆ ไปสู่เวิร์กสเตชั่นอื่นๆ แต่จะมีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลที่เป้นความลับจะถูกส่งออกไปสู่คอมพิวเตอร์อื่นเช่นกันโปรแกรมที่ทำงานแบบ</span> Peer To Peer <span lang=\"TH\">คือ </span>Windows for Workgroup <span lang=\"TH\">และ </span>Personal Netware<o:p></o:p><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><v:shapetype coordsize=\"21600,21600\" o:spt=\"75\" o:preferrelative=\"t\" path=\"m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe\" filled=\"f\" stroked=\"f\" id=\"_x0000_t75\"><v:stroke joinstyle=\"miter\"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn=\"if lineDrawn pixelLineWidth 0\"></v:f><v:f eqn=\"sum @0 1 0\"></v:f><v:f eqn=\"sum 0 0 @1\"></v:f><v:f eqn=\"prod @2 1 2\"></v:f><v:f eqn=\"prod @3 21600 pixelWidth\"></v:f><v:f eqn=\"prod @3 21600 pixelHeight\"></v:f><v:f eqn=\"sum @0 0 1\"></v:f><v:f eqn=\"prod @6 1 2\"></v:f><v:f eqn=\"prod @7 21600 pixelWidth\"></v:f><v:f eqn=\"sum @8 21600 0\"></v:f><v:f eqn=\"prod @7 21600 pixelHeight\"></v:f><v:f eqn=\"sum @10 21600 0\"></v:f></v:formulas><v:path o:extrusionok=\"f\" gradientshapeok=\"t\" o:connecttype=\"rect\"></v:path><o:lock v:ext=\"edit\" aspectratio=\"t\"></o:lock></v:shapetype><strong><span style=\"font-family: Angsana New; color: #000000; font-size: small\"><a href=\"http://www.bcoms.net/network/image/lan1.gif\">http://www.bcoms.net/network/image/lan1.gif</a></span></strong></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><o:p></o:p></span><b><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><span style=\"color: #000000; font-size: small\">Client / Server</span></span></b><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><br />\n<span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\">เป็นระบบการทำงานแบบ </span>Distributed Processing <span lang=\"TH\">หรือการประมวลผลแบบกระจาย โดยจะแบ่งการประมวลผลระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์กับเครื่องไคลเอ็นต์ แทนที่แอพพลิเคชั่นจะทำงานอย ู่เฉพาะบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ก็แบ่งการคำนวณของโปรแกรมแอพพลิเคชั่น มาทำงานบนเครื่องไคลเอ็นต์ด้วย และเมื่อใดที่เครื่องไคลเอ็นต์ต้องการผลลัพธ์ของข้อมูลบางส่วน จะมีการเรียกใช้ไปยัง เครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้นำเฉพาะข้อมูลบางส่วนเท่านั้นส่งกลับ มาให้เครื่องไคลเอ็นต์เพื่อทำการคำนวณข้อมูลนั้นต่อไป</span><o:p></o:p></span></span></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><strong><span style=\"font-family: Angsana New; color: #000000; font-size: small\"><a href=\"http://www.bcoms.net/network/image/lan2.gif\">http://www.bcoms.net/network/image/lan2.gif</a></span></strong></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">รูปแบบการเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย </span></b><b><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">LAN Topology</span></b></span></span><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><br />\n<span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><b><span lang=\"TH\">ระบบ</span> Bus</b> <span lang=\"TH\">การเชื่อมต่อแบบบัสจะมีสายหลัก </span>1 <span lang=\"TH\">เส้น เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งเซิร์ฟเวอร์ และไคลเอ็นต์ทุกเครื่องจะต้องเชื่อมต่อสายเคเบิ้ลหลักเส้นนี้ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกมองเป็น </span>Node <span lang=\"TH\">เมื่อเครื่องไคลเอ็นต์เครื่องที่หนึ่ง</span> (Node A) <span lang=\"TH\">ต้องการส่งข้อมูลให้กับเครื่องที่สอง (</span>Node C) <span lang=\"TH\">จะต้องส่งข้อมูล และแอดเดรสของ </span>Node C <span lang=\"TH\">ลงไปบนบัสสายเคเบิ้ลนี้ เมื่อเครื่องที่ </span>Node C <span lang=\"TH\">ได้รับข้อมูลแล้วจะนำข้อมูล ไปทำงานต่อทันที</span><o:p></o:p></span></span></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><strong><span style=\"font-family: Angsana New; color: #000000; font-size: small\"><a href=\"http://www.bcoms.net/network/image/lan3.gif\">http://www.bcoms.net/network/image/lan3.gif</a></span></strong></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">แบบ </span></b><b><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">Ring </span></b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">การเชื่อมต่อแบบวงแหวน เป็นการเชื่อมต่อจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง จนครบวงจร ในการส่งข้อมูลจะส่งออกที่สายสัญญาณวงแหวน โดยจะเป็นการส่งผ่านจากเครื่องหนึ่ง ไปสู่เครื่องหนึ่งจนกว่าจะถึงเครื่องปลายทาง ปัญหาของโครงสร้างแบบนี้คือ ถ้าหากมีสายขาดในส่วนใดจะทำ ให้ไม่สามารถส่งข้อมูลได้ ระบบ </span><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">Ring <span lang=\"TH\">มีการใช้งานบนเครื่องตระกูล </span>IBM <span lang=\"TH\">กันมาก เป็นเครื่องข่าย </span>Token Ring <span lang=\"TH\">ซึ่งจะใช้รับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องมินิหรือเมนเฟรมของ </span>IBM <span lang=\"TH\">กับเครื่องลูกข่ายบนระบบ</span><o:p></o:p></span></span></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><strong><span style=\"font-family: Angsana New; color: #000000; font-size: small\"><a href=\"http://www.bcoms.net/network/image/lan4.gif\">http://www.bcoms.net/network/image/lan4.gif</a></span></strong></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">แบบ </span></b><b><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">Star </span></b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">การเชื่อมต่อแบบสตาร์นี้จะใช้อุปกรณ์ </span><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">Hub <span lang=\"TH\">เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ โดยที่ทุกเครื่องจะต้องผ่าน </span>Hub <span lang=\"TH\">สายเคเบิ้ลที่ใช้ส่วนมากจะเป้น </span>UTP <span lang=\"TH\">และ </span>Fiber Optic <span lang=\"TH\">ในการส่งข้อมูล </span>Hub <span lang=\"TH\">จะเป็นเสมือนตัวทวนสัญญาณ (</span>Repeater) <span lang=\"TH\">ปัจจุบันมีการใช้ </span>Switch <span lang=\"TH\">เป็นอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อซึ่งมีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่า</span><o:p></o:p></span></span></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><strong><span style=\"font-family: Angsana New; color: #000000; font-size: small\"><a href=\"http://www.bcoms.net/network/image/lan5.gif\">http://www.bcoms.net/network/image/lan5.gif</a></span></strong></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">แบบ </span></b><b><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">Hybrid</span></b><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"> <span lang=\"TH\">เป็นการเชื่อมต่อที่ผสนผสานเครือข่ายย่อยๆ หลายส่วนมารวมเข้าด้วยกัน เช่น นำเอาเครือข่ายระบบ </span>Bus, <span lang=\"TH\">ระบบ </span>Ring <span lang=\"TH\">และ ระบบ </span>Star <span lang=\"TH\">มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เหมาะสำหรับบางหน่วยงานที่มีเครือข่ายเก่าและใหม่ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่งระบบ</span> Hybrid Network <span lang=\"TH\">นี้จะมีโครงสร้างแบบ </span>Hierarchical <span lang=\"TH\">หรือ </span>Tre <span lang=\"TH\">ที่มีลำดับชั้นในการทำงาน</span><o:p></o:p></span></span></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><strong><span style=\"font-family: Angsana New; color: #000000; font-size: small\"><a href=\"http://www.bcoms.net/network/image/lan6.gif\">http://www.bcoms.net/network/image/lan6.gif</a></span></strong></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 9pt\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #000000\"><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">เครือข่ายแบบไร้สาย ( </span></b><b><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">Wireless LAN) </span></b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">อีกเครือข่ายที่ใช้เป็นระบบแลน (</span><span style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\">LAN) <span lang=\"TH\">ที่ไม่ได้ใช้สายเคเบิลในการเชื่อมต่อ นั่นคือระบบเครือข่ายแบบไร้สาย ทำงานโดยอาศัยคลื่นวิทยุ ในการรับส่งข้อมูล ซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องของการไม่ต้องใช้สายเคเบิล เหมาะกับการใช้งานที่ไม่สะดวกในการใช้สายเคเบิล โดยไม่ต้องเจาะผนังหรือเพดานเพื่อวางสาย เพราะคลื่นวิทยุมีคุณสมบัติในการทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางอย่าง กำแพง หรือพนังห้องได้ดี แต่ก็ต้องอยู่ในระยะทำการ หากเคลื่อนย้ายคอมพิวเตอร์ไปไกลจากรัศมีก็จะขาดการติดต่อได้ การใช้เครือข่ายแบบไร้สายนี้ สามารถใช้ได้กับคอมพิวเตอร์พีซี และโน๊ตบุ๊ก และต้องใช้การ์ดแลนแบบไร้สายมาติดตั้ง รวมถึงอุปกรณ์ที่เรียกว่า </span>Access Point <span lang=\"TH\">ซึ่งเป็นอุปกรณ์จ่ายสัญญาณสำหรับระบบเครือข่ายไร้สาย มีหน้าที่รับส่งข้อมูลกับการ์ดแลนแบบไร้สาย </span><o:p></o:p></span></span></span><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\" style=\"line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 12pt\">อ้างอิง</span><span style=\"line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 12pt\"><span>   </span>http://www.bcoms.net/network/intro.asp<span lang=\"TH\"><o:p></o:p></span></span></span><span style=\"color: #000000\"><span class=\"apple-style-span\"><span lang=\"TH\" style=\"line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 14pt\">2ให้นักเรียนบอกอุปกรณ์สื่อสารสำหรับเชื่อมโยงเครือข่ายพร้อมรูปภาพประกอบ</span></span><span class=\"apple-style-span\"><span style=\"line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 14pt\"> <o:p></o:p></span></span></span> </p>\n<table width=\"100%\" cellPadding=\"0\" border=\"0\" class=\"MsoNormalTable\" style=\"width: 100%\">\n<tbody>\n<tr>\n<td style=\"background-color: transparent; border: #ece9d8; padding: 0.75pt\">\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0in 0in 10pt\">\n <span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 14pt\">ตอบ </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; color: black; font-size: 14pt\">: </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปจะใช้เทคโนโลยีการสื่อสารด้วยสายตัวนำกันมากที่สุด</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">เพราะมีต้นทุนในการเชื่อมโยงต่ำมากกว่าเทคโนโลยีอื่น</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">การเชื่อมโยงเครือข่ายสิ่งที่สำคัญคือความเร็วในการรับส่งข้อมูล</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">ซึ่งความเร็วนี้จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของสายตัวนำที่ใช้</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">ในช่วงแรกๆการสื่อสารด้วยสายตัวนำจะมีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายขนาด </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">9,600 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">บิตต่อวินาที</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">ต่อมามีการพัฒนาจนกระทั่งปัจจุบันสามารถส่งผ่านข้อมูลด้วยความเร็วสูงกว่า </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">100 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">เมกกะบิตต่อวินาที</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">สายสื่อสารสำหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทต่อการสร้างระบบเครือข่าย</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">สายสื่อสารหรือสายสัญญาณที่ใช้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เครือข่ายที่นิยมใช้มีหลายแบบ</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; color: black; font-size: 10pt\">ดังนี้  </span><span style=\"font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; color: black; font-size: 12pt\"><o:p></o:p></span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n</tbody>\n</table>\n<p><span style=\"display: none; font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; color: black; font-size: 12pt\"><o:p> </o:p></span> </p>\n<table width=\"100%\" cellPadding=\"0\" border=\"0\" class=\"MsoNormalTable\" style=\"margin: auto auto auto -20.25pt; width: 100%\">\n<tbody>\n<tr>\n<td width=\"35%\" vAlign=\"top\" style=\"background-color: transparent; width: 35.12%; border: #ece9d8; padding: 0.75pt\">\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0in 0in 10pt\">\n <span style=\"font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; color: black; font-size: 12pt\"><o:p> </o:p></span>\n </p>\n<p> <span style=\"font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; color: black; font-size: 12pt\"><o:p> </o:p></span><span style=\"font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; color: black; font-size: 12pt\"><o:p> </o:p></span><span style=\"font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; color: black; font-size: 12pt\"><o:p> </o:p></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span style=\"font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; font-size: 12pt\"><o:p></o:p></span></span></p></td>\n<td style=\"background-color: transparent; border: #ece9d8; padding: 0.75pt\"><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\"><span style=\"color: #000000\">สายเกลียวคู่ (</span></span></b><span style=\"color: #000000\"><b><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">Twisted pair Cable)<br />\n </span></b><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">        </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">สายเกลียวคู่ เป็นสายที่มีราคาถูกที่สุด</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ประกอบด้วยสายทองแดง  </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">2 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เส้น  แต่ละเส้นมีฉนวนหุ้มพันกันเป็นเกลียว</span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">  </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">สามารถลดการรบกวนจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้</span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">  </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">แต่ไม่สามารถป้องกันการสูญเสียพลังงานจากการแผ่รังสีความร้อน  แบ่งออกเป็น </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">2 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ประเภทดังนี้ </span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">  <br />\n 1. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">สายคู่บิดเกลียวชนิดไม่มีการกั้นสัญญาณรบกวน</span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> (Unshielded Twisted Pair : UTP) </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ยูทีพี</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">สายสัญญาณประเภทนี้เป็นสายคู่บิดเกลียวที่ใช้ในระบบโทรศัพท์</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">มีการปรับปรุงคุณสมบัติจนสามารถใช้กับสัญญาณความถี่สูงได้ สายยูทีพีใช้ลวดทองแดง </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">8 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เส้น ขณะที่ในระบบโทรศัพท์จะใช้เพียง </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">2 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">หรือ </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">4 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เส้น ซึ่งต่อเข้ากับหัวต่อแบบ </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">RJ45 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ซึ่งเป็นหัวต่อที่มีลักษณะคล้ายกับหัวต่อของโทรศัพท์ แต่โทรศัพท์จะเรียก </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">RJ11 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">การที่มีสายทองแดงไว้หลายเส้นก็เพื่อให้หัวต่อ </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">RJ45 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ใช้งานได้ในหลายๆ รูปแบบ เช่น</span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">  <br />\n   - </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ใช้สายทองแดงตั้งแต่ </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">3-8 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เส้น เป็นสายสัญญาณ </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">10 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เมกะบิตของอีเธอร์เน็ตแบบ</span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> 10BASE-T  <br />\n   - </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ใช้สายทองแดง </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">4 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เส้น เป็นสายสัญญาณ </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">100 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เมกะบิตของอีเธอร์เน็ตแบบ</span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> 100BASE-T  <br />\n   - </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ใช้สายทองแดง </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">8 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เส้น เป็นสายสัญญาณของเสียง  </span></span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"><br />\n <span style=\"color: #000000\">  - </span></span><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ใช้สายทองแดง </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">2 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เส้น สำหรับระบบโทรศัพท์</span><span style=\"font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; font-size: 12pt\"><o:p></o:p></span></span></td>\n</tr>\n</tbody>\n</table>\n<p><span style=\"display: none; font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; color: black; font-size: 12pt\"><o:p> </o:p></span> </p>\n<table width=\"100%\" cellPadding=\"0\" border=\"0\" class=\"MsoNormalTable\" style=\"width: 100%\">\n<tbody>\n<tr>\n<td style=\"background-color: transparent; border: #ece9d8; padding: 0.75pt\"></td>\n<td width=\"320\" style=\"background-color: transparent; width: 240pt; border: #ece9d8; padding: 0.75pt\">\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"line-height: normal; margin: 0in 0in 10pt\">\n <span style=\"color: #000000\"><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">สายโคแอกเชียล (</span></b><b><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">Coaxial Cable) </span></b></span><span style=\"font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; color: black; font-size: 12pt\"><strong><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><a href=\"http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/images/utp.jpg\">http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/images/utp.jpg</a></span></strong></span><b><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"><br />\n </span></b><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">        </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">สายเคเบิลแบบโคแอกเชียล</span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ส่วนของสายส่งข้อมูลจะอยู่ตรงกลางเป็นลวดทองแดงมีชั้นของตัวเหนี่ยวนำหุ้มอยู่</span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">  2  </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ชั้น  ชั้นในเป็นฟั่นเกลียวหรือชั้นแข็ง  ชั้นนอกเป็นฟั่นเกลียว</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">และคั่นระหว่างชั้นด้วยฉนวนหนา  เปลือกชั้นนอกสุดเป็นฉนวน</span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">  </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">สายโคแอกสามารถม้วนโค้งงอได้ง่าย  มี  </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">2  </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">แบบ คือ  </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">75  </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">โอมห์ และ  </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">50 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">โอมห์</span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">  </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ขนาดของสายมีตั้งแต่  </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">0.4 - 1.0  </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">นิ้ว</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">ชั้นตัวเหนี่ยวนำทำหน้าที่ป้องกันการสูญเสียพลังงานจากแผ่รังสี</span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">  </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เปลือกฉนวนหนาทำให้สายมีความคงทนสามารถฝังเดินสายใต้พื้นดินได้</span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">  </span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"><o:p></o:p></span></span>\n </p>\n<p> <span style=\"font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; color: black; font-size: 12pt\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><a href=\"http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/images/coax.jpg\">http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/images/coax.jpg</a></span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\">2. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">สายคู่บิดเกลียวชนิดมีการกั้นสัญญาณรบกวน</span><span style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> (Shielded Twisted Pair : STP) </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เอสทีพี</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เป็นสายคู่บิดเกลียวที่หุ้มด้วยตัวกั้นสัญญาณเพื่อป้องกันการรบกวน</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">เอสทีพีใช้ความถี่สูงกว่ายูทีพี</span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'MS Sans Serif\',\'serif\'; font-size: 10pt\"> </span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 10pt\">แต่มีราคาแพงกว่า</span><span style=\"font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; font-size: 12pt\"> </span><span style=\"font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; font-size: 12pt\"><o:p></o:p></span></span></p></td>\n</tr>\n</tbody>\n</table>\n<p><span style=\"display: none; font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; color: black; font-size: 12pt\"><o:p> </o:p></span> </p>\n<p>\n<a href=\"http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/images/fiber.jpg\">http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/images/fiber.jpg</a>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0in 0in 10pt; tab-stops: 170.25pt\">\n<span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\" style=\"line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 12pt\">อ้างอิง  </span><span style=\"line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'; font-size: 12pt\"><a href=\"http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/page4.htm\">http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/page4.htm</a></span></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0in 0in 10pt; tab-stops: 170.25pt\">\n<span style=\"line-height: 115%; font-family: \'Times New Roman\',\'serif\'; color: black; font-size: 12pt\"><span style=\"font-family: Angsana New\">  </span></span>\n</p>\n', created = 1719646697, expire = 1719733097, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:c2342c179438fe75caad6423bb39be3a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ใบงานที่ 5

เมื่อ อังคาร, 24/08/2010 - 21:49 | แก้ไขล่าสุด อังคาร, 24/08/2010 - 21:49| โดย blm18596
รูปภาพของ blm18596

1.ให้นักเรียนอธิบายการติดต่อสื่อสารโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตอบ : "ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือระบบเน็ตเวิร์ก คือกลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกันได้" เครือข่ายนั้นมีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกันด้วยคอมพิวเตอร์เพียงสองสามเครื่อง เพื่อใช้งานในบ้านหรือในบริษัทเล็กๆ ไปจนถึงเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก ส่วน Home Network หรือเครือข่ายภายในบ้าน ซึ่งเป็นระบบ LAN ( Local Area Network) ที่คุณผู้อ่านจะได้พบต่อไปนี้ เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กๆ หมายถึงการนำเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ มาเชื่อมต่อกันในบ้าน สิ่งที่เกิดตามมาก็คือประโยชน์ในการใช้คอมพิวเตอร์ด้านต่างๆ เช่น

1. การใช้ทรัพยากรร่วมกัน หมายถึง การใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องพิมพ์ร่วมกัน กล่าวคือ มีเครื่องพิมพ์เพียงเครื่องเดียว ทุกคนในเครือข่ายสามารถใช้เครื่องพิมพ์นี้ได้ ทำให้สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องพิมพ์หลายเครื่อง (นอกจากจะเป็นเครื่องพิม์คนละประเภท)

2. การแชร์ไฟล์ เมื่อคอมพิวเตอร์ถูกติดตั้งเป็นระบบเน็ตเวิร์กแล้ว การใช้ไฟล์ข้อมูลร่วมกันหรือการแลกเปลี่ยนไฟล์ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องอุปกรณ์เก็บข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้นในการโอนย้ายข้อมูลตัดปัญหาเรื่องความจุของสื่อบันทึกไปได้เลย ยกเว้นอุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูลหลักอย่างฮาร์ดดิสก์ หากพื้นที่เต็มก็คงต้องหามาเพิ่ม

3. การติดต่อสื่อสาร โดยคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเป็นระบบเน็ตเวิร์ก สามารถติดต่อพูดคุยกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น โดยอาศัยโปรแกรมสื่อสารที่มีความสามารถใช้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เช่นเดียวกัน หรือการใช้อีเมล์ภายในก่อให้เครือข่าย Home Network หรือ Home Office จะเกิดประโยชน์นี้อีกมากมาย

4. การใช้อินเทอร์เน็ตร่วมกัน คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อในระบบ เน็ตเวิร์ก
สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทุกเครื่อง โดยมีโมเด็มตัวเดียว ไม่ว่าจะเป็นแบบอนาล็อกหรือแบบดิจิตอลอย่าง ADSL ยอดฮิตในปัจจุบัน

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร สถาบันการศึกษาและบ้านไปแล้วการใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ทั้งไฟล์ เครื่องพิมพ์ ต้องใช้ระบบเครือข่ายเป็นพื้นฐาน ระบบเครือข่ายจะหมายถึง การนำคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อกันเพื่อจะทำการแชร์ข้อมูล และทรัพยากรร่วมกัน เช่น ไฟล์ข้อมูลและเครื่องพิมพ์ ระบบเครือข่ายสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ด้วยกันคือ

1. LAN (Local Area Network)
ระบบเครื่องข่ายท้องถิ่น เป็นเน็ตเวิร์กในระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร ไม่ต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ คือจะเป็นระบบเครือข่ายที่อยู่ภายในอาคารเดียวกันหรือต่างอาคาร ในระยะใกล้ๆ

2. MAN (Metropolitan Area Network)
ระบบเครือข่ายเมือง เป็นเน็ตเวิร์กที่จะต้องใช้โครงข่ายการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย เป็นการติดต่อกันในเมือง เช่น เครื่องเวิร์กสเตชั่นอยู่ที่สุขุมวิท มีการติดต่อสื่อสารกับเครื่องเวิร์กสเตชั่นที่บางรัก

3. WAN (Wide Area Network)
ระบบเครือข่ายกว้างไกล หรือเรียกได้ว่าเป็น World Wide ของระบบเน็ตเวิร์ก โดยจะเป็นการสื่อสารในระดับประเทศ ข้ามทวีปหรือทั่วโลก จะต้องใช้มีเดีย(Media) ในการสื่อสารขององค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย (คู่สายโทรศัพท์ dial-up / คู่สายเช่า Leased line / ISDN) (lntegrated Service Digital Network สามารถส่งได้ทั้งข้อมูล เสียง และภาพในเวลาเดียวกัน)

ประเภทของระบบเครือข่าย
Peer To Peer
เป็นระบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนระบบเครือข่ายมีฐานเท่าเทียมกัน คือทุกเครื่องสามารถจะใช้ไฟล์ในเครื่องอื่นได้ และสามารถให้เครื่องอื่นมาใช้ไฟล์ของตนเองได้เช่นกัน ระบบ Peer To Peer มีการทำงานแบบดิสทริบิวท์(Distributed System) โดยจะกระจายทรัพยากรต่างๆ ไปสู่เวิร์กสเตชั่นอื่นๆ แต่จะมีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลที่เป้นความลับจะถูกส่งออกไปสู่คอมพิวเตอร์อื่นเช่นกันโปรแกรมที่ทำงานแบบ Peer To Peer คือ Windows for Workgroup และ Personal Netwarehttp://www.bcoms.net/network/image/lan1.gifClient / Server
เป็นระบบการทำงานแบบ Distributed Processing หรือการประมวลผลแบบกระจาย โดยจะแบ่งการประมวลผลระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์กับเครื่องไคลเอ็นต์ แทนที่แอพพลิเคชั่นจะทำงานอย ู่เฉพาะบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ก็แบ่งการคำนวณของโปรแกรมแอพพลิเคชั่น มาทำงานบนเครื่องไคลเอ็นต์ด้วย และเมื่อใดที่เครื่องไคลเอ็นต์ต้องการผลลัพธ์ของข้อมูลบางส่วน จะมีการเรียกใช้ไปยัง เครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้นำเฉพาะข้อมูลบางส่วนเท่านั้นส่งกลับ มาให้เครื่องไคลเอ็นต์เพื่อทำการคำนวณข้อมูลนั้นต่อไปhttp://www.bcoms.net/network/image/lan2.gifรูปแบบการเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย LAN Topology
ระบบ Bus การเชื่อมต่อแบบบัสจะมีสายหลัก 1 เส้น เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งเซิร์ฟเวอร์ และไคลเอ็นต์ทุกเครื่องจะต้องเชื่อมต่อสายเคเบิ้ลหลักเส้นนี้ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกมองเป็น Node เมื่อเครื่องไคลเอ็นต์เครื่องที่หนึ่ง (Node A) ต้องการส่งข้อมูลให้กับเครื่องที่สอง (Node C) จะต้องส่งข้อมูล และแอดเดรสของ Node C ลงไปบนบัสสายเคเบิ้ลนี้ เมื่อเครื่องที่ Node C ได้รับข้อมูลแล้วจะนำข้อมูล ไปทำงานต่อทันทีhttp://www.bcoms.net/network/image/lan3.gifแบบ Ring การเชื่อมต่อแบบวงแหวน เป็นการเชื่อมต่อจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง จนครบวงจร ในการส่งข้อมูลจะส่งออกที่สายสัญญาณวงแหวน โดยจะเป็นการส่งผ่านจากเครื่องหนึ่ง ไปสู่เครื่องหนึ่งจนกว่าจะถึงเครื่องปลายทาง ปัญหาของโครงสร้างแบบนี้คือ ถ้าหากมีสายขาดในส่วนใดจะทำ ให้ไม่สามารถส่งข้อมูลได้ ระบบ Ring มีการใช้งานบนเครื่องตระกูล IBM กันมาก เป็นเครื่องข่าย Token Ring ซึ่งจะใช้รับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องมินิหรือเมนเฟรมของ IBM กับเครื่องลูกข่ายบนระบบhttp://www.bcoms.net/network/image/lan4.gifแบบ Star การเชื่อมต่อแบบสตาร์นี้จะใช้อุปกรณ์ Hub เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ โดยที่ทุกเครื่องจะต้องผ่าน Hub สายเคเบิ้ลที่ใช้ส่วนมากจะเป้น UTP และ Fiber Optic ในการส่งข้อมูล Hub จะเป็นเสมือนตัวทวนสัญญาณ (Repeater) ปัจจุบันมีการใช้ Switch เป็นอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อซึ่งมีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าhttp://www.bcoms.net/network/image/lan5.gifแบบ Hybrid เป็นการเชื่อมต่อที่ผสนผสานเครือข่ายย่อยๆ หลายส่วนมารวมเข้าด้วยกัน เช่น นำเอาเครือข่ายระบบ Bus, ระบบ Ring และ ระบบ Star มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เหมาะสำหรับบางหน่วยงานที่มีเครือข่ายเก่าและใหม่ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่งระบบ Hybrid Network นี้จะมีโครงสร้างแบบ Hierarchical หรือ Tre ที่มีลำดับชั้นในการทำงานhttp://www.bcoms.net/network/image/lan6.gifเครือข่ายแบบไร้สาย ( Wireless LAN) อีกเครือข่ายที่ใช้เป็นระบบแลน (LAN) ที่ไม่ได้ใช้สายเคเบิลในการเชื่อมต่อ นั่นคือระบบเครือข่ายแบบไร้สาย ทำงานโดยอาศัยคลื่นวิทยุ ในการรับส่งข้อมูล ซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องของการไม่ต้องใช้สายเคเบิล เหมาะกับการใช้งานที่ไม่สะดวกในการใช้สายเคเบิล โดยไม่ต้องเจาะผนังหรือเพดานเพื่อวางสาย เพราะคลื่นวิทยุมีคุณสมบัติในการทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางอย่าง กำแพง หรือพนังห้องได้ดี แต่ก็ต้องอยู่ในระยะทำการ หากเคลื่อนย้ายคอมพิวเตอร์ไปไกลจากรัศมีก็จะขาดการติดต่อได้ การใช้เครือข่ายแบบไร้สายนี้ สามารถใช้ได้กับคอมพิวเตอร์พีซี และโน๊ตบุ๊ก และต้องใช้การ์ดแลนแบบไร้สายมาติดตั้ง รวมถึงอุปกรณ์ที่เรียกว่า Access Point ซึ่งเป็นอุปกรณ์จ่ายสัญญาณสำหรับระบบเครือข่ายไร้สาย มีหน้าที่รับส่งข้อมูลกับการ์ดแลนแบบไร้สาย อ้างอิง   http://www.bcoms.net/network/intro.asp2ให้นักเรียนบอกอุปกรณ์สื่อสารสำหรับเชื่อมโยงเครือข่ายพร้อมรูปภาพประกอบ 

ตอบ : การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปจะใช้เทคโนโลยีการสื่อสารด้วยสายตัวนำกันมากที่สุด เพราะมีต้นทุนในการเชื่อมโยงต่ำมากกว่าเทคโนโลยีอื่น การเชื่อมโยงเครือข่ายสิ่งที่สำคัญคือความเร็วในการรับส่งข้อมูล ซึ่งความเร็วนี้จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของสายตัวนำที่ใช้ ในช่วงแรกๆการสื่อสารด้วยสายตัวนำจะมีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายขนาด 9,600 บิตต่อวินาที ต่อมามีการพัฒนาจนกระทั่งปัจจุบันสามารถส่งผ่านข้อมูลด้วยความเร็วสูงกว่า 100 เมกกะบิตต่อวินาที สายสื่อสารสำหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทต่อการสร้างระบบเครือข่าย สายสื่อสารหรือสายสัญญาณที่ใช้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เครือข่ายที่นิยมใช้มีหลายแบบ ดังนี้  

 

 

    

 สายเกลียวคู่ (Twisted pair Cable)
        สายเกลียวคู่ เป็นสายที่มีราคาถูกที่สุด  ประกอบด้วยสายทองแดง  2 เส้น  แต่ละเส้นมีฉนวนหุ้มพันกันเป็นเกลียว  สามารถลดการรบกวนจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้  แต่ไม่สามารถป้องกันการสูญเสียพลังงานจากการแผ่รังสีความร้อน  แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้   
1. สายคู่บิดเกลียวชนิดไม่มีการกั้นสัญญาณรบกวน (Unshielded Twisted Pair : UTP) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ยูทีพี สายสัญญาณประเภทนี้เป็นสายคู่บิดเกลียวที่ใช้ในระบบโทรศัพท์ มีการปรับปรุงคุณสมบัติจนสามารถใช้กับสัญญาณความถี่สูงได้ สายยูทีพีใช้ลวดทองแดง 8 เส้น ขณะที่ในระบบโทรศัพท์จะใช้เพียง 2 หรือ 4 เส้น ซึ่งต่อเข้ากับหัวต่อแบบ RJ45 ซึ่งเป็นหัวต่อที่มีลักษณะคล้ายกับหัวต่อของโทรศัพท์ แต่โทรศัพท์จะเรียก RJ11 การที่มีสายทองแดงไว้หลายเส้นก็เพื่อให้หัวต่อ RJ45 ใช้งานได้ในหลายๆ รูปแบบ เช่น  
  - ใช้สายทองแดงตั้งแต่ 3-8 เส้น เป็นสายสัญญาณ 10 เมกะบิตของอีเธอร์เน็ตแบบ 10BASE-T  
  - ใช้สายทองแดง 4 เส้น เป็นสายสัญญาณ 100 เมกะบิตของอีเธอร์เน็ตแบบ 100BASE-T  
  - ใช้สายทองแดง 8 เส้น เป็นสายสัญญาณของเสียง  
  - ใช้สายทองแดง 2 เส้น สำหรับระบบโทรศัพท์

 

สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/images/utp.jpg
        สายเคเบิลแบบโคแอกเชียล ส่วนของสายส่งข้อมูลจะอยู่ตรงกลางเป็นลวดทองแดงมีชั้นของตัวเหนี่ยวนำหุ้มอยู่  2  ชั้น  ชั้นในเป็นฟั่นเกลียวหรือชั้นแข็ง  ชั้นนอกเป็นฟั่นเกลียว และคั่นระหว่างชั้นด้วยฉนวนหนา  เปลือกชั้นนอกสุดเป็นฉนวน  สายโคแอกสามารถม้วนโค้งงอได้ง่าย  มี  2  แบบ คือ  75  โอมห์ และ  50 โอมห์  ขนาดของสายมีตั้งแต่  0.4 - 1.0  นิ้ว ชั้นตัวเหนี่ยวนำทำหน้าที่ป้องกันการสูญเสียพลังงานจากแผ่รังสี  เปลือกฉนวนหนาทำให้สายมีความคงทนสามารถฝังเดินสายใต้พื้นดินได้  

http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/images/coax.jpg2. สายคู่บิดเกลียวชนิดมีการกั้นสัญญาณรบกวน (Shielded Twisted Pair : STP) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เอสทีพี เป็นสายคู่บิดเกลียวที่หุ้มด้วยตัวกั้นสัญญาณเพื่อป้องกันการรบกวน เอสทีพีใช้ความถี่สูงกว่ายูทีพี แต่มีราคาแพงกว่า 

 

http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/images/fiber.jpg

อ้างอิง  http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4001/page4.htm

 

blm18596's blog |  ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น |  อ่าน 1063 ครั้ง

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

Thaigoodview

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน
ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 291 คน กำลังออนไลน์

Creative Commons License

Copyright © 2000-2024 thaigoodview.com | ออกแบบและพัฒนาระบบโดย ไทยกู๊ดวิวดอทคอม
สงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-Noncommercial-Share Alike 3.0 Unported License.
ท่านสามารถนำเนื้อหาไปใช้ แสดง ดัดแปลง เผยแพร่ โดยต้องอ้างอิงที่มา ห้ามใช้เพื่อการค้า และต้องใช้สัญญาอนุญาตชนิดเดียวกันนี้ไปกับงานดัดแปลงต่อยอดที่เผยเผยแพร่ต่อ