บุคคลที่ส่งเสริมสร้างสรรค์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ประวัติ ความเป็นมา
ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจึงทรงมีพระราชประสงค์ ที่จะทรงผนวชเพื่อที่จะทรงมีโอกาสได้คุ้นเคยใกล้ชิด พระธรรมคำสั่งสอน ขององค์พระสัมมมาสัมพุทธเจ้ากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการสนองพระคุณพระราชบุพการี ตามคตินิยมของคนไทยอีกด้วย ในการนี้นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลขอรับเป็นภาระในการตระเตรียม พระราชพิธีผนวชทั้งหมด และในการผนวชซึ่งทำให้ต้องมีการตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
พระราชพิธีดังกล่าวได้ถูกจัดขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคม 2499 ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (หม่อมราชวงศ์ชื่น นพวงศ์ฉายา สุจิตโต ป.7) วัดบวรวิหาร ทรงเป็นองค์อุปัชฌายะ และทรงได้รัยถวายสมญานามว่า ภูมิพโล
ตลอด 15 วัน ที่ทรงผนวชทรงประทับอยู่ ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร และได้ทรงบำเพ็ญวัตรปฎิบัติ เยี่ยงภิกษุทั้งหลายทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการเสด็จออกรับ บิณฑบาต จากชาวบ้านทั่วไป หรือการปฏิบัติสังฆกิจต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด
ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผนวชอยู่นั้นได้ ในการปฏิบัติพระราชการณียกิจต่าง ๆ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ซึ่งทรงสามารถปฏิบัติแทนพระองค์ได้อย่างเรียบร้อยเป็นที่พอพระราชหฤทัย และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลาผนวชแล้วได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระอภิไธย ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์เป็น “สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ” ซึ่งคำว่า “นาถ” ต่อท้าย แปลว่าที่พึ่ง ผู้เป็นที่พึ่งพิง
บทบาทในการส่งเสริมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยโดยสังเขป
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1) ด้านการส่งเสริมและอนุรักษ์งานหัตถกรรมพื้นบ้าน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงส่งเสริมภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยโดยเฉพาะด้านงานหัตถกรรมพื้นบ้านและงานช่าง ทรงจัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพขึ้นหลายแห่งเพื่อเป็นที่รวบรวมสินค้าจากฝีมือชาวบ้านและเป็นแหล่งสอนงานหัตถกรรมแก่ชาวบ้าน ทรงดำเนินการเพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์งานหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น
1.1) ทรงเริ่มโครงการหัตถกรรม เพื่อช่วยเหลือราษฏรเป็นครั้งแรกที่หมู่บ้านเขาเต่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2508 โดยชักชวนให้หญิงชาวบ้านเขาเต่าหัดทอผ้าฝ้ายขายเป็นอาชีพเสริม ทรงให้ครูทอผ้าจากโรงงานทอผ้าบ้านไร่ จังหวัดราชบุรี มาสอนการทอผ้าให้แก่ราษฎรบ้านเขาเต่า สร้างกี่ทอผ้าขึ้นที่ท้ายวังไกลกังวลเพื่อให้ชาวบ้านมาหัดทอผ้า เริ่มจากการทอผ้าขาวม้าและผ้าซิ่น ชาวบ้านที่มาเรียนทอผ้าได้รับพระราชทานอาหารกลางวันและค่าแรง ต่อมาเจ้าอาวาสวัดเขาเต่าและครูใหญ่โรงเรียนเขาเต่าช่วยดูแลต่อ ปัจจุบันโครงการทอผ้าฝ้ายที่เขาเต่าอยู่ภายใต้การดูแลของกรมการพัฒนาชุมชน โดยพัฒนากรอำเภอหัวหินเป็นผู้ดูแลโครงการตั้งแต่ พ.ศ. 2511 มีการสอนการทอผ้า ย้อมสี ตัดเย็บ และสอนการประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ป่านศรนารายณ์
1.2) ทรงเริ่มโครงการศิลปาชีพ โครงการแรก คือ โครงการทอผ้าไหมมัดหมี่ จังหวัดนครพนม ทรงสนพระทัยซิ่นไหมมัดหมี่ที่หญิงชาวบ้านนุ่ง เพราะมีความสวยงามแปลกตา เหมาะที่จะเป็นอาชีพเสริมของชาวบ้านเนื่องจากทุกครัวเรือนจะทอใช้กันอยู่แล้ว ทรงชักชวนให้ชาวบ้านประกอบอาชีพเสริมด้วยการทอผ้าไหมมัดหมี่ ทรงรับซื้อผ้าที่ชาวบ้านทอทุกผืน โดยส่งรวมไป ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และทรงนำผ้าไหมมัดหมี่มาตัดฉลองพระองค์ ต่อมาได้จัดตั้งกลุ่มทอผ้าไหมขึ้นตามหมู่บ้านและรับชาวบ้านเข้าเป็นสมาชิก ผู้ที่ทอผ้าไม่เป็นก็ให้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อเป็นวัตถุดิบแก่ผู้ทอ โครงการนี้ต่อมาจึงได้ขยายออกไปทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นโครงการส่งเสริมอาชีพที่สร้างรายได้ให้แก่ราษฎรอย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบัน
1.3) ทรงส่งเสริมให้ตั้งโรงฝึกงานหัตถกรรมและศูนย์ศิลปาชีพ เช่น โรงฝึกศิลปาชีพสวนจิตรลดา ภายในบริเวณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2520 เพื่อฝึกหัดงานหัตถกรรมไทยแขนงต่าง ๆ แก่นักเรียนซึ่งเป็นบุตรหลานของราษฎรที่มีฐานะยากจนแต่มีฝีมือทางศิลปะหรือพอจะฝึกหัดศิลปหัตถกรรมในขั้นที่ยากขึ้น และเป็นศูนย์กลางรับซื้อ เก็บรักษาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมด รวมทั้งเป็นที่ทำการของกองศิลปาชีพ สำนักราชเลขาธิการ
ศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2528 มีการฝึกสอนศิลปาชีพหลายประเภท เช่น ทอผ้าไหม ตัดเย็บเสื้อผ้าตุ๊กตาชาวเขา ดอกไม้ประดิษฐ์ จักสานหวาย จักสานไม้ไผ่ เครื่องหนังและของชำร่วย สมาชิกของศูนย์ ฯ แบ่งเป็นสมาชิกชั่วคราวและสมาชิกประจำ สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกชั่วคราวเมื่อเรียนจบแล้วก็สามารถกลับไปประกอบงานศิลปาชีพที่บ้าน ส่วนผู้ที่เป็นสมาชิกประจำซึ่งมีฝีมือดี ทางศูนย์ ฯ จะจ้างไว้เพื่อผลิตงาน
ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ใกล้กับพระราชวังบางปะอิน จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2524 โดยรับเกษตรกรที่มีฐานะยากจนจากจังหวัดต่าง ๆ มาฝึกอบรมด้านศิลปาชีพสาขาต่าง ๆ ประมาณ 30 สาขา รวมทั้งมีแผนกเกษตรกรรมเพื่อให้ความรู้แก่เกษตรกรที่มาฝึกอบรมด้านศิลปาชีพ นับได้ว่าโครงการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมของไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์เหล่านี้ได้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการอนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยให้สืบทอดอยู่ในปัจจุบัน
เราสามารถมีส่วนร่วมในการส่งเสริมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาให้อยู่คู่กับสังคมได้โดย
1.ช่วยส่งเสริมและอนุรักษ์งานหัตถกรรมพื้นบ้าน โดยเฉพาะด้านงานหัตถกรรมพื้นบ้านและงานช่าง
2.ส่งเสริมและอนุรักษ์การทอผ้าไหมมัดหมี่
รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม ม.4/3 (งานชิ้นที่ 2)
1.สิริลักษณ์ ฝ่ายดี เลขที่ 27
2.พุทธมาศ พรหมวงศ์ษา เลขที่ 29
3.คมกฤช แหวนเพชร เลขที่ 23
- ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น