บทบาทของบุคคลที่เสริมสร้างวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
-
เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชู ณ มลรัฐแมซซาชูเซทส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นพระราชโอรส องค์ที่ 3 เป็นพระ องค์เล็กของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม
ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่ 3 ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรมบรมราชชนก
และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นพระอนุชาของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระองค์ทรงศึกษาวิชาสามัญชั้นต้นที่โรงเรียนมาแตร์เดอี
แล้วเสด็จไปประทับและศึกษาต่อที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์ แลนด์
1. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยมากมาย ดังนี้
1) ด้านพระพุทธศาสนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้แปลพระไตรปิฏกจากภาษาบาลีเป็นภาษาไทย โปรดเกล้า ฯ ให้คณะสงฆ์ปรับปรุงพระไตรปิฏกฉบับหลวง และทรงสนับสนุนการสร้างพระไตรปิฏกฉบับคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยมหิดลที่จัดทำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายเนื่องในมหามงคลสมัยพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษกเมื่อ พ.ศ. 2531 พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้แก่มหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อขยายการศึกษาให้ครอบคลุมถึงการทำหนังสืออธิบายขยายความในพระไตรปิฏกหรืออรรถกถาและฏีกา คือ หนังสืออธิบายขยายความอรรถกถา รวมเป็นหนังสือ 98 เล่ม บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ เสร็จสมบูรณ์เมื่อ พ.ศ. 2534 ประเทศไทยจึงเป็นประเทศแรกในโลกที่สามารถสร้างพระไตรปิฏกฉบับคอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งสะดวกในการรักษาความถูกต้องของพระธรรมและศึกษาค้นคว้าได้แพร่หลายรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์หนังสือเรื่อง "พระมหาชนกเกี่ยวกับการเสวยพระชาติของพระพุทธเจ้าในชาติที่เกิดเป็นพระมหาชนก โดยทรงแปลจากต้นฉบับภาษาบาลีเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษต่างจากสำนวนที่เคยมีมา หลักธรรมสำคัญที่ได้จากเรื่องนี้ คือ การบำเพ็ญความเพียรของพระมหาชนกที่ไม่เคยหวังผลตอนแทนใด ๆ กระทั่งได้ครองราชสมบัติ ในตอนท้ายของพระราชปรารถหรือคำนำของหนังสือนี้ทรงลงท้ายไว้ว่า "ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์" แสดงให้เห็นว่าความเพียรที่บริสุทธิ์เป็นคุณธรรมสำคัญในการดำเนินชีวิต
2) ด้านการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ได้แก่
2.1) การแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย ได้แก่ ปัญหาน้ำเน่าเสียตามแหล่งน้ำชุมชมและแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและสิ่งแวดล้อมมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยเรื่องคุณภาพน้ำที่เสื่อมโทรมลงอย่างยิ่ง จึงพระราชทานพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาค้นคว้าทดลองและดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจังทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ทรงเน้นถึงการแก้ปัญหาที่เป็นรูปแบบง่าย ๆ เสียค่าใช้จ่ายน้อยก่อน จากนั้นจึงพิจารณาถึงวิธีการที่เป็นโครงการขนาดใหญ่และให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่
การแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียตามพระราชดำริมีหลากหลายวิธีและเป็นการใช้ภูมิปัญญา เช่น การบำบัดน้ำเน่าเสียตามวิธีธรรมชาติด้วยผักตบชวาในบริเวณบึงมักกะสันหรือโครงการมักกะสัน โดยการปลูกผักตบชวาในดอกไม้ ลอยเป็นแนวขวางตัวกับบึงเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ทำหน้าที่ดูดสารพิษ สารเคมี โลหะหนัก ปรากฏว่าผักตบชวาสามารถช่วยกำจัดสิ่งปฏิกูลในน้ำ ช่วยทำให้น้ำใสและมีสภาพดีกว่าเดิม จากการทดสอบคุณภาพน้ำพบว่าน้ำในบึงที่ผ่านการกรองด้วยผักตบชวามีออกซิเจนละลายในน้ำมากขึ้น จึงมีการนำพระราชดำรินี้ไปใช้บำบัดน้ำเสียที่อื่น ๆ
นอกจากนี้ยังมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในการบำบัดน้ำเสียอีกวิธีหนึ่ง คือ การใช้ผักตบชวาผสมผสานกับการใช้เครื่องจักรกลเติมอากาศ คือ ออกซิเจนลงไปในน้ำ เป็นระบบสระเติมอากาศเพื่อเร่งการบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดีเร็วขึ้น ดังโครงการบึงพระราม 9 กรุงเทพมหานคร ส่งผลให้ประชากรมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
การบำบัดน้ำเสียตามแนวพระราชดำริอีกวิธีหนึ่ง คือ การเติมอากาศหรือออกซิเจนให้แก่น้ำเน่าเสีย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประดิษฐ์อุปกรณ์การเติมอากาศหรือออกซิเจนในน้ำด้วยรูปแบบที่เรียบง่าย ประหยัด และใช้เป็นต้นแบบให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ นำไปสร้างใช้งานและทรงพระกรุณาโปรเเกล้า ฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาสนับสนุนงบประมาณเพื่อศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าว และร่วมกับกรมชลประทานจัดสร้างเครื่องมือบำบัดน้ำเสียด้วยการเติมอากาศพระราชทานชื่อว่า "กังหันชัยพัฒนา" ซึ่งเป็นที่นิยมและนำไปใช้งานกือบทั่วประเทศ ต่อมากรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้รับจดทะเบียนสิทธิบัตรเลขที่ 3127 ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประดิษฐ์ และเป็นสิ่งประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศเครื่องที่ 9 ของโลกที่ได้รับสิทธิบัตร นับเป็นภูมิปัญญาหนึ่งที่ได้ทรงสร้างสรรค์ขึ้น
2.2) การป้องกันการเสื่อมโทรมและพังทลายของดินโดยหญ้าแฝก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงสภาพปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน และการสูญเสียหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ จึงทรงศึกษาถึงศักยภาพของหญ้าแฝก ซึ่งเป็นพืชพื้นบ้านของไทยที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดินและอนุรักษ์ความชุ่มชื้นใต้ดิน หญ้าแฝกปลูกง่าย เกษตรกรสามารถทำได้เองโดยไม่ต้องดูแลหลังการปลูกมากนัก ทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าวิธีอื่น ๆ อีกด้วย นอกจากนี้การปลูกหญ้าแฝกบนคันนายังช่วยให้คันนาคงสภาพอยู่ได้นาน
หญ้าแฝกสามารถนำมาใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้อีก เช่น ไม้มุงหลังคา ตับหลังคาที่ทำจากหญ้าแฝกสามารถผลิตจำหน่ายได้ นอกจากนี้ หญ้าแฝกยังมีสรรพคุณช่วยขับลมในลำไส้แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และแก้ไข ส่วนรากที่มีความหอมนั้น คนไทยสมัยก่อนมักนำมาแขวนในตู้เสื้อผ้า ทำให้มีกลิ่นหอมและช่วยไล่แมลงที่จะมาทำลายเสื้อผ้า ตลอดจนนำมาสกัดทำน้ำหอมส่วนร่วมในการส่งเสริมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย
1. ช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมของไทย เช่น การไหว้ การกราบ ทำความเคารพต่างๆ
2. ช่วยเก็บวัสดุเหลือใช้มาประดิษฐ์ ให้ได้สิ่งของใหม่ที่สวยงาม
3. ช่วยเผยแผ่และส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้มีความดำรงตั้งมั่นอยู่ในความดี
งานชิ้นที่ 2 ..
รายชื่อกลุ่ม ห้อง ม.4/3
1.สิริมา ธรรมแสง เลขที่ 7
2. ปรีดาภา ภูกองชัย เลขที่ 11
3.รัชนีกร พันธุพล เลขที่ 13
4.กัญญาวีร์ สำราญเย็น เลขที่ 14
5.พิชชากร บุ ญเกิด เลขที่ 24
เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ทรงพระราชสมภพที่โรงพยาบาลเมานท์ ออเบิร์น
- ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น