ประวัตินาฏศิลป์สากล

                                                      

  

                                                    

 

                                                     

 

                  

                                                                            ประวัตินาฏศิลป์สากล


           นาฏศิลป์ เป็นธรรมชาติแห่งการแสดงออกไปโดยสากลออกโดยสากลของมนุษยชาติ แสดงออกทางการเคลื่อนไหวร่างกายที่มีระบบและงดงาม ซึ่งกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับธรรมชาติของมนุษย์หรือพฤติกรรมปกติของมนุษย์ที่เรียกกันว่า ภาษากาย หรือภาษาท่าทาง ในการแสดงออกทางความรู้สึก และอารมณ์ของมนุษย์ออกมาทางร่างกาย เช่น การเดิน การนั่ง การยืน การกิน การแสดงอาการเจ็บปวด การแสดงอาการเสียใจหรือดีใจ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นภาษากายที่เป็นภาษาสากล ทางนาฏศิลป์
ต่อมาเมื่อมนุษย์มีการพัฒนาด้านดนตรีโดยนำวัสดุจากธรรมชาติมาประดิษฐ์เป็นเครื่องดนตรี เช่น การนำกิ่งไม้มาเคาะตีกันให้เกิดเสียงดัง การนำหนังสัตว์มาขึงหน้าไม้ทำเป็นกลอง และการร้องเพลง เป็นต้น ซึ่งเมื่อมนุษย์เกิดความสนุกสนานครื้นเครงไปกับดนตรีจึงทำให้มีการขยับเขยื้อนร่างกาย หรือเต้นรำตามจังหวะดนตรีไปด้วย และมีการพัฒนาท่าทางการเต้นรำให้เข้ากับจังหวะดนตรีที่ช้าเร็ว หรือซับซ้อนมากขึ้น ทำใหลีลาท่าเต้นหรือท่ารำต่าง ๆ มีความหลากหลายแตกต่างกันออกไป โยเห็นได้จากการเต้นรำประกอบพิธีเซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และในงานรื่นเริงสังสรรค์ของชนเผ่าต่าง ๆ ซึ่ง มีพื้นฐานมาจากการเลียนแบบธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตในโลกนั่นเอง
ดังนั้น การกำเนิดของนาฏศิลป์โลก หรือนาฏศิลป์สากล จึงเกิดขึ้นจากธรรมาชาติ และความเชื่อถือศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดังนี้
        1. การกำเนิดของนาฏศิลป์จากธรรมชาติ
เริ่มจากมนุษย์รู้จักการเต้นรำ จากการเลีรยนแบบการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตในโลกทั้งจากสัตว์ พืช และมนุษย์ด้วยกันเอง เช่น การร้องและเต้นของคนป่าบางเผ่า เป็นต้น จากกนั้นก็ได้มีการพัฒนาท่าทางและการขยับเยื้อนร่างกายตามความรู้สึกของมนุษย์ที่แสดงถึงอารมณ์ เช่น ดีใจ เสียใจ โกรธ หิวโหย และอิริยาบถต่าง ๆ ของมนุษย์ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นที่มาของการแสดงละครที่เริ่มต้นจากละครพูด โดยการพูด ทำท่าทางการ แสดงอารมณ์ต่าง ๆ และการสวม เครื่องแต่งกายตามบทละคร ซึ่งเป็นเรื่องราวที่มาจากชีวิตจริงของมนุษย์ แตกต่างกันไปตามความเชื่อ ค่านิยม และอารยธรรมของแต่ละชนชาติ
       2. การกำเนิดของนาฏศิลป์จากความเชื่อถือศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกันในสังคม และมีสัญชาตญาณแห่งความกลัว จึงทำให้มนุษย์พยายามหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ด้วยการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดา เทพเจ้า และอำนาจลี้ลับต่าง ๆ ซึ่งพัฒนาเป็นความศรัทธาในลัทธิศาสนาต่อไป โดยมีการเซ่นไหว้บูชาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้ปลอดภัยหรืออ้อนวอนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลบันดาลให้สมปรารถนา เช่น พิธีบูชายัญของชนเผ่าต่าง ๆ ในดินแดนตะวันตกเมื่อดอีตกาล ซึ่งจะมีการบรรเลงดนตรีพื้นเมืองและเต้นรำประกอบ เป็นต้น
                สำหรับประวัติความเป็นมาของนาฏศิลป์สากลที่เห็นเด่นชัด คือ ศิลปะการละครของชาวตะวันตก หรือที่เรียกว่า ละครตะวันตกนั้น เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ และสมัยโรมันตามลำดับ
ละครตะวันตกในสมัยกรีกโบราณ เริ่มต้นจากการแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้าไดโอนีซุส (Dionysus) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ขึ้นในเทศกาลบูชาเทพเจ้าองค์นี้ จัดขึ้นปีละครั้งโดยมีการแสดงละครเรื่องดังกล่าวที่โรงละครกลางแจ้ง ซึ่งจะมีอัฒจันทร์โอบรอบเวทีให้คนดูละครกัน จากนั้นก็มีการพัฒนาเป็นละครเกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์ ซึ่งยีงมีแก่นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ประเภทของละครในสมัยกรีกจะมีทั้งละครโศกนาฏกรรม และสุขนาฏกรรม ซึ่งจะใช้นักแสดงผู้ชายทั้งหมดแสดงเป็นตัวละครหลาย ๆ ตัว ด้วยการเปลี่ยนหน้ากากไปเรื่อย ๆ และมีผู้แสดงเพียง 3 คนเท่านั้น
ละครตะวันตกในสมัยโรมัน เริ่มจากนำรูปแบบของละครกรีกโบราณ ในเรื่องพิธีกรรมทางศาสนาที่เกี่ยวกับการบูชาเทพเจ้า ต่อมาก็ได้มีการปรับปรุง โดยเพิ่มการเต้นรำและใช้ท่าทางแสดงอารมณ์มากขึ้น ตัวละครมีลักษณะของสามัญชน ที่เน้นการแสดงแบบตลกโปกฮาตามแนวละครประเภทสุขนาฏกรรมมากขึ้น รวมทั้งมีการยกเลิกการใส่หน้ากากแบบละครกรีกในตัวละครตลกจึงทำให้นักแสดงสามารถแสดงอารมณ์ภายในและความสามารถในการแสดงได้มากขึ้น ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าทางละครตะวันตกที่พัฒนาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามละครตะวันตกในสมัยโรมันได้ลดบทบาทลงเรื่อย ๆ เนื่องจากละครส่วนใหญ่เป็นประเภทสุขนาฏกรรมที่ไม่ค่อยได้แก่นสาร และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับใช้เทพเจ้า จึงทำให้ศาสนจักรแห่งกรุงโรมได้ออกคำสั่งห้ามให้คนไปดูละคร จนในที่สุดโรงละครทุกโรงในกรุงโรมต้องปิดลง ซึ่งนับเป็นการปิดฉากความเจริญรุ่งเรืองทางละครตะวันตกลงในยุคแรกนี้
ต่อมาละครตะวันตกก็ได้มีการพื้นตัวขึ้นในยุคกลางของประเทศในทวีปยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เป็นต้น โดยในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ได้มีการพัฒนารูปแบบของการแสดงละครเป็นการแสดงรีวิว (Music Hall) ซึ่งเป็นการแสดงที่ไม่เป็นเรื่อง โดยมีทั้งการพูดคนเดียว การร้องเพลง การเต้นรำ และการแสดงมายากล รวมทั้งยังมีการแสดงละคนแพนโทไมน์ (Pantomine) ในอังกฤษที่เป็นการแสดงละครที่มีดนตรีและการเต้นรำประกอบ จนมาถึงในศตวรรษที่ 20 ตอนต้น รูปแบบการแสดงละครเริ่มหันเข้าสู่การสะท้อนสภาพความเป็นจริงในสังคมโยแสดงละครตามแบบชีวิตจริงมากยิ่งขึ้น จากนั้นจึงพัฒนามาเป็นละครในยุคปัจจุบัน
ดังนั้นนาฏศิลป์สากลจึงมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานเคียงคู่มากับวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในสังคมโลก โดยมีการพัฒนาและเผยแพร่ อารยธรรมทางนาฏศิลป์สากลไปยังประเทศต่าสง ๆ ทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน

 

 

 

http://campus.sanook.com/u_life/activity_06004.php

รูปภาพของ sss27766

สู้ๆ

<333

รูปภาพของ ssspoonsak

เป็นกำลังใจ ขอมอบลูกไก่ให้ไปเลี้ยงจ้า

 

-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 484 คน กำลังออนไลน์