โดนงูกัด
ที่มา http://www.ee43.com/content/topic/253.html
สถานเสาวภา บอกว่าไทยมีสภาพภูมิศาสตร์และดินฟ้าอากาศที่เหมาะสมในการดำรงชีวิตของงู มีงูทั้งหมด 165 ชนิด จำนวนนี้มีงูพิษ 46 ชนิด โดย 24 ชนิดอยู่บนบก อีก 22 ชนิดอยู่ในทะเล
งูพิษ ที่สำคัญและมีอยู่ชุกชุม ได้แก่
1.งูเห่า เป็นงูพิษที่สำคัญมากที่สุด พบได้ทุกภาค
2.งูจงอาง เป็นงูพิษที่ใหญ่ที่สุดในโลก คล้ายงูเห่าแต่โตกว่า นิสัยดุ
3.งูสามเหลี่ยม มีแนวกระดูกสันหลังยกตัวเป็นสันสูงทำให้ดูเป็นรูปสามเหลี่ยม สีตัวเป็นปล้องดำสลับเหลือง ปลายหางทู่
4.งูแมวเซา ลำตัวอ้วนสั้น สีตัวเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีลายสีน้ำตาลเข้มๆเป็นดวงกลมๆตามตัว เวลาถูกรบกวนสามารถพ่นลมออกมาทางรูจมูก เกิดเป็นเสียงขู่ดังน่ากลัวได้
5.งูกะปะ ลำตัวสีน้ำตาลแดง มีลายรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีน้ำตาลเข้มตามข้างลำตัว
6.งูเขียวหางไหม้ มีอยู่หลายชนิด หัวค่อนข้างโตเป็นรูปสามเหลี่ยม คอเล็ก มีลำตัวอ้วน หางสั้น ที่มีชุกชุมได้แก่ งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง งูเขียวหางไหม้ท้องเขียว
7.งูพิษในทะเล ทุกชนิดจะมีหางแบนเป็นรูปใบพาย เพื่อใช้ในการว่ายน้ำ ส่วนใหญ่มักหากินอยู่ไม่ไกลฝั่งมากนัก
อาการเมื่อ ถูกงูพิษกัด แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ตามอาการของพิษ คือ
1.งู พิษทางระบบประสาท ผู้ป่วยจะมีอาการหนังตาตก ขากรรไกรแข็ง พูดไม่ชัด กลืนน้ำลายไม่ได้ แน่นหน้าอก ตาพร่า อ่อนเพลีย เป็นอัมพาต อาจตายเพราะการหายใจล้มเหลว งูพิษประเภทนี้ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม
2.งู พิษทางระบบกล้ามเนื้อ แสดงอาการค่อนข้างช้าอาจถึง 1 วัน ผู้ป่วยมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บางรายเป็นอัมพาต ปัสสาวะลดลงและสีเข้มขึ้น ผู้ป่วยมักถึงแก่กรรมเนื่องจากไตวายหรือการหายใจล้มเหลว งูพิษประเภทนี้ ได้แก่ งูทะเลชนิดต่างๆ
3.งู พิษทางระบบโลหิต มีเลือดซึมตามรอยเขี้ยวที่แผล ปวดบวม มีเลือดออกใต้ผิวหนัง อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระและปัสสาวะมีเลือดปน อวัยวะภายในตกเลือด มักตายด้วยอาการไตวาย งูพิษประเภทนี้ได้แก่ งูแมวเซา งูกะปะ และงูเขียวหางไหม้
การปฐม พยาบาลผู้ถูกงูกัด
1.ทำความสะอาดแผลที่ถูกงูกัดด้วยยา ฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์หรือทิงเจอร์ไอโอดีน
2.ไม่ควรเอาใบไม้ รากไม้ หรือสมุนไพรต่างๆ มาใส่แผล เพราะจะทำให้แผลสกปรก ติดเชื้อและอาจเป็นบาดทะยักได้
3.ตำแหน่งขาหรือแขนที่ถูกกัดควรให้ เคลื่อนไหวน้อยที่สุด โดยใช้ไม้กระดานหรือกระดาษแข็งๆ รองหรือดามไว้
4.ถ้าจะขันเชนาะต้องใช้ผ้า ห้ามใช้เชือกหรือยางรัด โดยรัดเหนือตำแหน่งที่ถูกงูกัด รัดแน่นปานกลางพอที่จะใช้นิ้วมือ1นิ้วสอดระหว่างผ้ากับผิวหนังที่รัดได้
5.ห้ามดื่มของมึนเมา เพราะอาจเกิดการสำลักและอาเจียน หรืออาจปิดบังอาการแสดงที่เกิดจากพิษงูได้
6.อย่าตื่นตกใจเกินไป ต้องพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยที่ใกล้ที่สุด โดยนำซากงูที่กัดไปด้วย (ถ้ามี) เพื่อความถูกต้องในการรักษา
ที่มา http://www.matichon.co.th/youth/youth.php