องค์การค้าโลก
WTO
ที่ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก WTO เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2538 เป็นสมาชิกลำดับที่ 59 มีสถานะเป็นสมาชิกก่อตั้ง ขณะนี้ มีประเทศที่อยู่ระหว่างกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก WTO ที่สำคัญ เช่น รัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย เวียดนาม ลาว เป็นต้น มูลค่าการค้าระหว่างประเทศสมาชิก WTO ด้วยกันคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 90 ของการค้าโลก และการขยายตัวของจำนวนสมาชิกจะมีผลให้การค้าระหว่างประเทศสมาชิกขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับด้วย ปัจจุบัน (ณ เดือนพฤศจิกายน 2546) WTO มีสมาชิกทั้งสิ้น 148 ราย
วัตถุประสงค์
WTO มีการเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป (progressive liberalization) ตามความพร้อมของประเทศสมาชิก และระดับการพัฒนาของประเทศสมาชิก กฎกติกาต่างๆ ของ WTO ได้กำหนดให้มีการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษแก่ประเทศกำลังพัฒนา (Special and Differential Treatment: S&D) เพื่อให้สามารถเข้าร่วมในระบบการค้าพหุภาคีได้ WTO จึงเป็นองค์กรที่ไม่หยุดนิ่ง จะมีการเจรจาเพื่อพัฒนาและสร้างกฎกติกาใหม่ๆ เพื่อให้สามารถรองรับกับวิวัฒนาการของการค้าระหว่างประเทศและรูปแบบการค้าโลกที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง
การเป็นสมาชิกของ WTO ทำให้ประเทศสมาชิกมีสิทธิและข้อผูกพัน (Rights and Obligations) ที่จะต้องปฏิบัติตามภายใต้ความตกลงต่างๆ ของ WTO กฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศของ WTO นอกจากช่วยส่งเสริมให้การแข่งขันทางการค้าเป็นธรรมแล้ว ยังสร้างความมั่นใจให้แก่ทั้งผู้ค้าและผู้ลงทุน ผู้ผลิตและส่งออกสามารถคาดการณ์และวางแผนการค้าระหว่างประเทศล่วงหน้าได้
หน้าที่ WTO
1. บริหารความตกลงและบันทึกความเข้าใจที่เป็นผลจากการเจรจาในกรอบของ GATT/WTO รวม 28 ฉบับ โดยผ่านคณะมนตรี (Council) และคณะกรรมการ (Committee) ต่างๆ ตลอดจนดูแลให้มีการปฏิบัติตามพันธะกรณี
3. เป็นเวทีสำหรับแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสมาชิก และหากไม่สามารถตกลงกันได้ก็จะจัดตั้งคณะผู้พิจารณา (Panel) ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ข้อเสนอแนะ
4. ติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศและจัดให้มีการทบทวนนโยบาย การค้าของสมาชิกอย่างสม่ำเสมอเพื่อเป็นการตรวจสอบให้เป็นไปในแนวทางการค้าเสรี
5. ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาในด้านข้อมูล ข้อแนะนำเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามพันธกรณีได้อย่างเพียงพอตลอดจนทำการศึกษาประเด็นการค้าที่สำคัญๆ
6. ประสานงานกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IME) และธนาคารโลกเพื่อให้นโยบายเศรษฐกิจโลกสอดคล้องกันยิ่งขึ้น
รอบโดฮา ขณะนี้การเจรจาเรื่องต่างๆ มีความคืบหน้าไปในระดับหนึ่ง และในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ครั้งที่ 4/2546 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2546 มีมติเห็นชอบให้กำหนดกรอบท่าทีของไทยในเรื่องต่างๆ ตามข้อ 3.1 มีสาระสำคัญโดยสรุปดังนี้
ยาราคาถูกรักษาโรคเพื่อการสาธารณสุขและมนุษยธรรม โดยให้มีการป้องกันมิให้ยาที่นำเข้าภายใต้โครงการนี้ถูกนำออกไปขายในตลาดอื่น และให้มีการทบทวนการดำเนินการตามมตินี้เป็นระยะ
ในที่สุด และการลดอุดหนุนภายในที่บิดเบือนการค้าลงอย่างมาก โดยให้การปฏิบัติที่เป็นพิเศษและ
สำหรับประเทศกำลังพัฒนา และให้ประเทศกำลังพัฒนาลดภาษีในอัตราที่น้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้ว และใช้ระยะเวลาในการลดภาษีที่ยาวนานกว่า
คืบหน้าของการเจรจาเรื่องสินค้าเกษตรด้วย เพื่อให้การเจรจาเรื่องการค้าบริการและการค้าสินค้าเกษตรมีความคืบหน้าไปพร้อมๆ กัน
สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ครอบคลุมสินค้าอื่น นอกเหนือจากไวน์และสุรา เนื่องจากไทยมีสินค้าออกที่สำคัญหลายชนิดที่ควรจะได้รับประโยชน์จากระบบดังกล่าวด้วย จึงควรเชื่อมโยงการเจรจาเรื่องนี้กับการเจรจาขยายขอบเขตการคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ให้ครอบคลุมสินค้าอื่น นอกเหนือจากไวน์และสุรา
4.6 การต่ออายุการเจรจาปรับปรุงแก้ไขความเข้าใจว่าด้วยการระงับข้อพิพาท
4.7.1 ยอมรับมติปรับปรุงการปฏิบัติที่เป็นพิเศษและแตกต่างสำหรับประเทศกำลังพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับเรื่องที่มอบหมายให้กลุ่มเจรจาต่างๆ พิจารณาก็ให้คณะมนตรีใหญ่ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องที่ยังตกลงกันไม่ได้ก็ให้คณะกรรมการการค้าและการพัฒนาพิจารณาและรายงานผลต่อคณะมนตรีใหญ่
4.8 การลงทุน
4.8.1 ยอมรับให้มีการเจรจาจัดทำความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการลงทุนที่ครอบคลุมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) และการลงทุนระยะปานกลางและระยะยาวที่เป็นประโยชน์ต่อไทย โดยให้มีความยืดหยุ่นและการปฏิบัติที่เป็นพิเศษและแตกต่างสำหรับประเทศกำลังพัฒนา
4.8.2 เจรจาจัดทำรูปแบบการเจรจา (modalities) ให้เป็นประโยชน์ต่อไทย
ให้มากที่สุด โดยให้ครอบคลุมประเด็นต่างๆ ที่ระบุไว้ในปฏิญญารัฐมนตรีที่โดฮา
4.9 นโยบายการแข่งขัน
4.9.1 ยอมรับให้มีการเจรจาจัดทำความตกลงพหุภาคีว่าด้วยนโยบายการแข่งขัน เพื่อกำจัดพฤติกรรมการแข่งขันระหว่างประเทศ ประเภท Hard Core Cartel
4.10.1 ยอมรับให้มีการเจรจาจัดทำความตกลงพหุภาคีว่าด้วยความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ ที่ครอบคลุมเฉพาะเรื่องความโปร่งใส ไม่รวมเรื่องการเปิดตลาด และไม่จำกัดขอบเขตของรัฐฯ ในการให้สิทธิพิเศษแก่สินค้าและผู้ประกอบการภายในประเทศ ทั้งนี้ ควรให้เวลาแก่ประเทศกำลังพัฒนาในการปรับตัวด้วย
4.13.1 ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการฟ้องร้องกรณีที่ไม่ขัดกับบทบัญญัติของความตกลง TRIPS (non -violation complaints) จึงควรชะลอการนำ non-violation complaints มาใช้กับความตกลง TRIPS จนกว่าจะสามารถกำหนดขอบเขตและรูปแบบสำหรับการนำ non-violation complaints มาใช้ได้