เฮโมฟีเลีย....แห่งราชวงศ์ยุโรป
เฮโมฟีเลีย...แห่งราชวงศ์ยุโรป
ผังแสดงความเสี่ยงในการถ่ายทอดทาง พันธุกรรม
โรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) หรือโรคเลือดไหลไม่หยุดถือเป็นโรคหนึ่งที่มีมานานหลาย ทศวรรษแล้ว ในอดีตองค์ชายอเล็กไซ พระโอรสองค์โตในพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียก็ทรงประชวลด้วยโรคนี้มาแล้ว
โรคฮีโมฟีเลีย เป็น ความผิดปกติของร่างกายผู้ป่วยที่ขาดโปรตีนบางชนิดในเลือดจึงทำให้เลือดไม่ แข็งตัว ตาม ปกติแล้วในเลือดจะมีโปรตีนหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด โดยเรียกโปรตีนเหล่านี้ว่า แฟคเตอร์ (coagulation factors) เมื่อเกิดบาดแผลจะมี เลือดไหลออกมาและโปรตีนเหล่านี้จะช่วยทำให้เลือดแข็งตัว เลือดจึงหยุดไหล แต่ในผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลียจะเกิดจากเลือดขาดโปรตีนชนิดใดชนิดหนึ่ง จึงทำให้เลือดไม่แข็งตัว เช่น ถ้าขาดแฟคเตอร์ 8 (Factor VIII)เรียกว่าโรคฮีโมฟีเลีย ชนิด เอ (Hemophilia A) ถ้า ขาดแฟคเตอร์ 9 (Factor IX) เรียก ว่า โรคฮีโมฟีเลียชนิดบี (Hemophilia B)
ในประเทศไทยมีผู้ป่วย โรคฮีโมฟีเลียในอัตราส่วน 1 : 20,000 (หมายถึงในประชากร 20,000 คน จะมีผู้ป่วยฮีโมฟิเลีย 1 คน) จึงคาดว่าจะมีผู้ป่วยประมาณ 2,000 - 3,000 คน และส่วนใหญ่เป็นโรคฮีโมฟีเลียชนิด เอ
โรคฮีโมฟีเลียเป็นโรคทางพันธุ กรรม จึงสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ ไปสู่ลูกหลานได้
ผู้ ที่เป็นโรคนี้สามารถมีชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป แต่จะไม่สามารถสร้างแฟคเตอร์ 8 หรือ 9ได้ อาการที่มักพบได้แก่ มีอาการเลือดออกได้ง่ายตามข้อมือ ข้อเท้า ข้อศอกและข้อเข่า ตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก ทำให้มีอาการปวดข้อและข้อบวม แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือมี บาดแผลเกิดขึ้นจะมีเลือดไหลออกไม่หยุด จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีด้วยการฉีดแฟค เตอร์ 8 สำหรับผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย ชนิด เอ หรือฉีดแฟคเตอร์ 9 สำหรับผู้ ป่วยโรคฮีโมฟีเลียชนิด บี จึงจะทำให้หายเป็นปกติได้
เจ้าชาย Alexei แห่งราชวงศ์โรมานอฟก็ทรงประชวรด้วยโรคนี้
ในการเตรียมโปรตีนแฟคเตอร์ 8 หรือ 9 ไว้ฉีดให้ผู้ ป่วยนั้นจะ นำเลือดจากผู้บริจาคมาแยกเอา เฉพาะส่วนที่เป็นพลาสมาหรือของเหลวออกมาด้วยการแช่แข็ง เรียกว่าการทำ ไครโอพรีซิปิเตต (Cryoprecipitate) และนำไปทำให้เป็นผงแห้งเก็บรักษาไว้ในตู้เย็น เมื่อต้องการใช้ก็นำมาผสมน้ำกลั่นตามอัตราส่วนที่กำหนด แล้วฉีดให้ผู้ป่วยต่อไปก็จะทำให้เลือดแข็งตัวได้ตามปกติ
เนื่องจากการรักษาโรคนี้จะต้องใช้เลือดจากผู้บริจาคมาแยก เฉพาะส่วนที่เป็นพลาสมามาใช้ประโยชน์ในการรักษา
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการรณรงค์ให้มีการบริจาคโลหิตให้มาก ยิ่งขึ้น ขณะนี้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ขอเชิญประชาชนร่วมบริจาคโลหิตเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการรักษา ผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลียต่อไป
การบริจาคโลหิตเป็นการทำทานบารมีที่ยิ่งใหญ่ที่จะทำให้ผู้ บริจาคมีความสุขกายสบายใจที่มีโอกาสช่วยเพื่อนมนุษย์ให้มีความปลอดภัยมาก ยิ่งขึ้น จึงขอให้ผลบุญกุศล ได้ดลบันดาลให้ผู้บริจาคโลหิตทุกท่านประสบความสุขความเจริญตลอดไปครับ
เข้าแล้ว.. อยากให้เม้นท์ด้วยนะคะ
คนไทยคงไม่เป็นเยอะ
ฝากด้วยนะคะ http://www.thaigoodview.com/node/6 http://www.thaigoodview.com/node/63129 3226