การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการกลุ่มแบบมีส่วนร่วม
บันทึกการดำเนินงาน โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อปฏิรูปการศึกษา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการกลุ่มแบบมีส่วนร่วม นางนูรีซัน อิบบรอฮิมครูชำนาญการ โรงเรียนบูกิตประชาอุปถัมภ์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาสสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาส เขต 3สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน บทนำ 1. ข้อมูลผู้บันทึกการดำเนินงาน - ประวัติส่วนต้ว
ชื่อ นางนูรีซัน ชื่อสกุล อิบบรอฮิม ชื่อสกุลเดิม เงาะ
สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย ศาสนา อิสลาม
เกิดวันที่ 1 เดือน มกราคม พ.ศ. 2508 เกษียนอายุราชการปี พ.ศ. 2568
ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ 36/1 หมู่ที่ 4 ตำบล มะนังตายอ อำเภอ เมือง
จังหวัด นราธิวาส รหัสไปรษณีย์ 96000 โทรศัพท์ 084-7485929
ชื่อบิดา นายดอเล๊าะ เงาะ อาชีพ เกษตรกรรม
ชื่อมารดา นางปารีเดาะ หะยีดอเลาะ อาชีพ แม่บ้าน
ชื่อคู่สมรส นายอับดุลกอเดร์ อิบบรอฮิม อาชีพ ข้าราชการครู
- ประวัติการศึกษา
การศึกษาระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตร์บัณฑิต
สาขาวิชาเอก อิสลามศึกษา วิชาโท รัฐศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
สำเร็จการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2530
- ประวัติการทำงาน
เริ่มรับราชการตำแหน่ง อาจารย์ 1 ระดับ 3 โรงเรียน บูกิตประชาอุปถัมภ์
อำเภอ เจาะไอร้อง จังหวัด นราธิวาส ขั้น 5,560.-
สังกัด กองการมัธยมศึกษา กรม สามัญศึกษา กระทรวง ศึกษาธิการ
วันที่เริ่มรับราชการ 29 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2537
ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น อาจารย์ 2 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2546
ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ครู วิทยฐานะ ชำนาญการ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549
- ความภาคภูมิใจ
1. ได้รับการคัดเลือกจากนักเรียนให้เป็นครูดีในดวงใจ และได้รับเกียรติบัตรจากนายอำเภอเจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2550
2. ได้สอนเสริมนักเรียน เรื่อง เศรษฐกิจและการเงิน เพื่อเข้าร่วมโครงการตอบปัญหาเศรษฐกิจและการเงินกับธนาคารแห่งประเทศไทย จนได้ลำดับที่ 22 ในจำนวน 192 โรงเรียน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2552 2. ข้อมูลโรงเรียน โรงเรียนบูกิตประชาอุปถัมภ์ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 ตำบล บูกิต อำเภอ เจาะไอร้อง จังหวัด นราธิวาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาส เขต 3 มีเนื้อที่ 35 ไร่ เปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง ปีที่ 6 ( เป็นโรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษาเดิม ) มีนักเรียนทั้งสิ้น 260 คน มีครูทั้งสิ้น 25 คน ซึ่งประกอบด้วย 1. ผู้บริหารโรงเรียน 1 คน 2. ข้าราชการครู 9 คน 3. พนักงานราชการ 8 คน 4. วิทยากรอิสลามศึกษา จำนวน 7 คน 5. มีลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่ง นักการภารโรง จำนวน 1 คน จำนวนห้องเรียนทั้งสิ้น 8 ห้อง มีอาคารเรียนอาคารและอาคารประกอบ จำนวน 3 หลัง ได้แก่ อาคารเรียนถาวร แบบ 216 ล จำนวน 1 หลัง 16 ห้อง อาคารโรงอาหาร แบบ 300 ที่นั่ง จำนวน 1 หลัง อาคารโรงฝึกงาน จำนวน 1 หลัง สนามฟุตบอล 1 สนาม สนามบาสเกตบอล 1 สนาม และสนามตะกร้ออีก 1 สนาม 3. ปัญหาด้านการเรียนการสอน จากการที่ได้จัดการเรียนการสอนในรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมเป็นระยะเวลาหนึ่ง ได้ค้นพบปัญหาต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 1. เนื้อหาสาระ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 กำหนดสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ไว้ 5 สาระ ได้แก่ สาระศาสนา สาระหน้าที่พลเมือง สาระเศรษฐศาสตร์ สาระภูมิศาสตร์และสาระประวัติศาสตร์ จากการที่หลักสูตรได้กำหนดสาระต่าง ๆ 5 สาระดังกล่าวและในแต่ละสาระมีเนื้อหาที่จะต้องจดจำ เข้าใจ เพื่อนำไปสู่การคิด วิเคราะห์ เป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่ายและมีความสับสนในการจดจำ 2. กิจกรรมการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยทั่วไปจะเน้นเนื้อหาสาระ การจดจำ ความเข้าใจ ส่วนภาคปฏิบัตินั้นมีน้อยมาก ด้วยเหตุดังกล่าวจึงส่งผลให้นักเรียนมีสมาธิในการเรียนในช่วงต้นชั่วโมงเท่านั้น แต่หลังจากที่ได้เรียนเนื้อหาสาระไปสักพัก นักเรียนส่วนใหญ่จะเกิดความเบื่อหน่ายและเริ่มเสียสมาธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคาบวิชาสังคมศึกษาฯ อยู่ในช่วงบ่าย นักเรียนมักจะง่วงนอนและไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอน3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จากปัญหาดังที่กล่าวมา ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมของนักเรียนอยู่ในระดับปานกลางถึงต่ำ เฉลี่ยอยู่ที่ 2.28 มีนักเรียนไม่ผ่านการประเมิน(ติด 0) ร้อยละ 2-7 ต่อปี ผลการสอบ O-NET ของนักเรียนชั้น ม.6 ปีการศึกษา 2551 = 27.79 จากปัญหาดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงได้คิดวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหลาย ๆ วิธี โดยแต่ละวิธีข้าพเจ้าได้นำไปใช้ แก้ไขและปรับปรุงเรื่อยมา ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนเกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน จดจำความรู้ เนื้อหาสาระ สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้ เพื่อนำความรู้ไปยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในที่สุด 4. ความต้องการที่จะแก้ไขปรับปรุง สิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการปรับปรุงแก้ไขคือวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนและเพื่อให้นักเรียนสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันและสามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีคุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ การดำเนินการ 1. แนวความคิดหรือทฤษฎีที่ใช้ “ครู” มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการเรียนการสอนโดยครูควรตระหนักเสมอว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองที่แตกต่างกันและ “ผู้เรียนสำคัญที่สุด” และเป้าหมายของการจัดการเรียนการสอนนั้นคือ “ความสำเร็จของผู้เรียน” ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือกิจกรรมการเรียนรู้ ข้าพเจ้าได้นำหลักทฤษฏีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (STAD) โดยมีแนวคิดว่าในการเรียนรู้ของผู้เรียน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนมี 3 ลักษณะ ได้แก่ ลักษณะแข่งขันกัน ลักษณะต่างคนต่างเล่นและลักษณะร่วมมือกันหรือช่วยเหลือกันในการเรียนรู้ แต่ในการเรียนการสอนในปัจจุบันนี้มีการส่งเสริมการเรียนรู้แบบแข่งขันและรายบุคคลอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจึงนำวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยให้ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ประการ ได้แก่ การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิดและความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละคน 2. การวางแผนการดำเนินงานในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบมีส่วนร่วม ข้าพเจ้าได้วางแผนการดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 2.1 สำรวจสภาพปัญหา โดยเริ่มจาก2.1.1 วิเคราะห์ผู้เรียน ในการวิเคราะห์ผู้เรียน ข้าพเจ้าได้วิเคราะห์จากผลการเรียนในรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ในปีที่ผ่านมา โดยแบ่งออกเป็น เกรด 0 – 1 = กลุ่มเรียนอ่อน เกรด 1.5 – 2.5 = กลุ่มเรียนปานกลาง เกรด 3 – 4 = กลุ่มเรียนเก่ง นอกจากนั้น ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อวัดความรู้พื้นฐานที่นักเรียนได้เคยเรียนมาแล้ว ถ้านักเรียนทำแบบทดสอบได้ดีหรือทำไม่ได้ ก็จะมีการปรับกลุ่มผู้เรียนทั้ง 3 กลุ่มที่ได้แบ่งไว้แล้ว มาปรับใหม่อีกครั้งตามสภาพความเป็นจริง ณ เวลานั้น 2.1.2 แบบสอบถาม วิธีการสำรวจปัญหาอีกประการหนึ่งคือสอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากนักเรียนโดยใช้แบบสอบถาม เช่น - ข้อมูลทั่วไปของนักเรียนด้านครอบครัว เศรษฐกิจ สังคมและอารมณ์- ข้อมูลด้านการเรียนการสอน เช่น แบบเรียน เวลาที่นักเรียนใช้ในการทำการบ้าน อ่านหนังสือ และศึกษาค้นคว้า- ทัศนคติต่อวิชาสังคมและข้อเสนอแนะ 2.2 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เมื่อได้วิเคราะห์ผู้เรียนและสำรวจข้อมูลจากผู้เรียนแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้เขียนแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยปรับเปลี่ยนวิธีการสอนแบบเน้นครูเป็นศูนย์กลาง เช่น ครูอธิบาย ครูเล่าเรื่อง ครูสาธิตให้นักเรียนดู ครูอ่านข่าว ฯลฯ เปลี่ยนเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นที่ปรึกษา2.3 สื่อการสอน ข้าพเจ้าตระหนักดีว่าในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นั้น ถึงแม้ว่าแผนการสอนจะเขียนได้ดีเพียงใด หากครูผู้สอนไม่ได้จัดเตรียมสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ตามแผนฯ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ย่อมไม่บรรลุผลตามที่ได้วางไว้ ข้าพเจ้าจึงได้เตรียมสื่อต่าง ๆ ตามที่ได้ระบุไว้ในแผนการสอนให้ครบทุกประการโดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนการสอนที่เน้นกระบวนการกลุ่มแบบมีส่วนร่วมที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นั้น สื่อที่ข้าพเจ้าใช้บ่อยที่สุดคือ ใบงาน ใบความรู้ แบบประเมิน แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลและกระดาษพรู้ฟข้าพเจ้าได้ทดลองวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญหลายๆวิธีมาแล้ว เช่น การใช้บทเรียนโปรแกรม บทเรียนหน้าเดียว เอกสารประกอบการสอน ฯลฯ แต่ผลปรากฏว่า การสอนแบบกระบวนการกลุ่มแบบมีส่วนร่วมนั้นนักเรียนจะมีความสนุกสนาน เพลิดเพลินกว่าวิธีที่กล่าวมาข้างต้น 3. กระบวนการดำเนินงานข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษาฯ สาระภูมิศาสตร์ เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติโดยเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งข้าพเจ้าเลือกใช้วิธีการสอนแบบกระบวนการกลุ่มแบบมีส่วนร่วมโดยใช้กระดาษพรู้ฟเป็นสื่ออุปกรณ์ มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมดังต่อไปนี้ 3.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน- ครูแจ้งผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง หรือ จุดประสงค์การเรียนรู้- ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อวัดความรู้เดิม- ให้นักเรียนดูภาพเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ภาพการพังทลายของภูเขา ภาพปัญหาจากขยะ ภาพไฟป่า ฯลฯ แล้วพูดคุยซักถามและให้นักเรียนแสดงความรู้สึกต่อภาพเหล่านั้น 3.2 ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้- แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ 5-6 คน คละตามความสามารถ แต่ละกลุ่มเลือกประธาน รองประธาน และเลขานุการ- ตัวแทนกลุ่มรับใบงาน ใบความรู้ แบบประเมิน วัสดุอุปกรณ์ ได้แก่ กระดาษพรู้ฟ ปากกาเคมีหรือสีเมจิก - นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามคำชี้แจงในใบงาน ได้แก่ กิจกรรมระดมพลังสมอง ช่วยค้น ช่วยคิด ช่วยเขียนและช่วยเหลือ ในขั้นตอนนี้ นักเรียนจะต้องเขียนลงในกระดาษพรู้ฟ ครูจะแนะนำวิธีการสรุปความรู้ลงในกระดาษพรู้ฟให้น่าสนใจ - นักเรียนนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน ในขั้นตอนนี้นักเรียนทุกกลุ่มจะต้องนำสื่อจากการปฏิบัติกิจกรรมระดมพลังสมอง ช่วยค้น ช่วยคิด ช่วยเขียน ออกมาประกอบการนำเสนอหน้าชั้นเรียนด้วย ก่อนการปฏิบัติกิจกรรมตามคำสั่งในใบงานข้าพเจ้าจะชี้แจงว่าครูจะสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลด้านใดบ้างและในแต่ละด้านคะแนนเต็มกี่คะแนน คะแนนรวมทั้งหมดกี่คะแนนในขณะที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมในขั้นตอนนี้ ข้าพเจ้าจะคอยให้คำแนะนำและโน้มน้าวให้นักเรียนเกิดความคิด ให้กำลังใจด้วยการชื่นชมในความสามารถโดยเฉพาะนักเรียนที่เรียนอ่อนข้าพเจ้าจะคอยกระตุ้นและดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาตนเองทางด้านการคิด วิเคราะห์และเขียนตามศักยภาพ พร้อมกับคอยสังเกตพฤตกรรมของนักเรียนแต่ละคนและบันทึกผลการสังเกตให้ครอบคลุมทุกตัวชี้วัดเมื่อสิ้นสุดการจัดกิจกรรม 3.3 ขั้นสรุป - นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายและสรุปบทเรียนโดยนำผลงาน จากการระดมความคิด(กระดาษพรู้ฟ) ของทุกกลุ่มติดไว้บริเวณที่ทำกิจกรรม จากนั้นเปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มแสดงความติดเห็นเพิ่มเติมได้ทุกหัวข้อ- นักเรียนช่วยกันสรุปบทเรียนที่ได้เรียนมาในคาบนี้ 3.4 ขั้นประเมินผลในการประเมินผล ในบทเรียนนี้ข้าพเจ้าจะประเมินผู้เรียนครบทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านความรู้ความเข้าใจ ด้านทักษะกระบวนการและด้านเจตคติ - ด้านความรู้ความเข้าใจ จะประเมินโดยใช้แบบทดสอบหลังเรียน - ด้านทักษะกระบวนการ จะประเมินโดยการสังเกตการณ์นำเสนอหน้าชั้นเรียน ให้นักเรียนเป็นผู้ประเมินด้วยกันเอง - ด้านเจตคติ จะประเมินโดยสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ครูเป็นผู้ประเมิน บทสรุป ผลที่เกิดขึ้น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการกลุ่มแบบมีส่วนร่วม สามารถสรุปผลที่ได้รับดังต่อไปนี้1. นักเรียนมีความสนุกสนานในการปฏิบัติกิจกรรมระดมความคิด มีความกระตือรือร้นในการสืบค้นหาคำตอบ2. นักเรียนรู้จักคิดนอกกรอบหรือคิดนอกเหนือจากใบความรู้หรือตำราเรียน3. นักเรียนมีการพัฒนาทางด้านการคิดวิเคราะห์และเขียน เนื่องจากในช่วงการปฏิบัติกิจกรรม ครูและเพื่อน ๆ จะคอยชี้แนะวิธีเขียน การสะกดคำและการผูกประโยคที่ถูกต้อง4. นักเรียนที่เรียนอ่อนจะมีการพัฒนาตน เพราะมีเพื่อน ๆ ในกลุ่มคอยให้กำลังใจและกระตุ้นให้ปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน5. นักเรียนที่เรียนเก่งมีโอกาสแสดงน้ำใจแบ่งปันความรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน6. วิชาสังคมศึกษา ที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบสอนอยู่จะมีบรรยากาศที่สนุกสนาน มีเสียงพูดคุยแสดงความคิดเห็นของนักเรียนดังเป็นระยะๆ ไม่มีนักเรียนคนใดหลับในระหว่างเรียนอีกต่อไป เมื่อได้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มแบบให้ทุกคนมีส่วนร่วม7. ระหว่างครูและนักเรียนและระหว่างนักเรียนด้วยกันเองจะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีตลอดชั่วโมงเรียน มีการช่วยเหลือกันซึ่งกันและกันด้วยความเต็มใจซึ่งแสดงถึงนักเรียนมีความสามัคคีกัน8. นักเรียนได้มีโอกาสฝึกฝนและเรียนรู้วิถีประชาธิปไตยโดยทุกคนมีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมกัน มีการยอมรับเสียงส่วนใหญ่และเคารพเสียงส่วนน้อยในขณะปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน9. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ดีขึ้น สามารถทำแบบทดสอบเชิงคิดวิเคราะห์ได้ดีขึ้น สรุปบทเรียนที่ได้ การเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนจากเน้นครูเป็นศูนย์กลางเปลี่ยนเป็นจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญนั้น ข้าพเจ้าพบข้อสังเกตหลายประการ ดังนี้ 1. ด้านการเตรียมการสอน - ครูต้องขยันศึกษาค้นคว้าวิธีการสอนที่แปลกใหม่อยู่เสมอ - ครูต้องคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ และควรให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการคิดนวัตกรรมด้วย- ครูควรหาเวลาพูดคุยแลกเปลี่ยนวิธีการสอนกับเพื่อนครูด้วยกัน- ครูต้องวางแผนและเตรียมการสอนล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ - ครูต้องจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ใบความรู้ ใบงาน และแบบประเมินให้ครบ- ควรเปลี่ยนบรรยากาศการเรียนการสอนจากในห้องเรียนเป็นนอกห้องเรียนบ้าง เช่น ใต้ถุนอาคารเรียน ใต้ต้นไม้ ในศาลา ในสนามหญ้า ในห้องสมุด ในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ฯลฯ- ครูต้องเตรียมวิธีการแก้ปัญหาที่อาจเกิดจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ล่วงหน้า ไม่ว่าทางด้านสถานที่ วัสดุอุปกรณ์หรือแม้แต่กิจกรรมการเรียนรู้2. ด้านตัวผู้เรียน- ผู้เรียนมีความแตกต่างทางด้านทักษะการเรียนรู้ ครูจึงควรวิเคราะห์ผู้เรียนก่อนจัดการเรียนการสอน - ในการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ ครูผู้สอนจะต้องมีความอดทนในการพัฒนาทักษะทางด้านการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนและจะต้องคิดเสมอว่านักเรียนแต่ละคนล้วนมีทักษะการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน นักเรียนบางคนมีการเรียนรู้ที่เร็วมากในขณะที่บางคนนั้นเรียนรู้ได้ช้ามาก - นักเรียนจะเกิดการเรียนรู้ได้ดี ถ้านักเรียนมีโอกาสคิด วิเคราะห์ ร่วมกัน- ครูต้องมีความเชื่อมั่นว่านักเรียนทุกคนเรียนรู้ได้ แต่วิธีการเรียนรู้ของแต่ละคนอาจต่างกัน- ควรหาคำพูดหรือเทคนิคการชื่นชมนักเรียนให้เหมาะสมกับระดับชั้น(ม.ต้นหรือ ม.ปลาย) และไม่ควรใช้คำพูดหรือวิธีการชมแบบเดิมๆ 3. ด้านการประเมินผล- ประเมินให้ครบทุกด้าน ( K P A ) และประเมินตามสภาพจริง- ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการประเมิน- แจ้งผลการประเมินทุกครั้งเมื่อเรียนจบแต่ละหน่วย- ให้โอกาสนักเรียนแก้ตัว- จัดแสดงผลงานนักเรียนและมอบรางวัลหรือเกียรติบัตรสำหรับผลงานที่ดีเด่น- เชิญผู้ปกครองมาเยี่ยมชมผลงานนักเรียน- รับฟังข้อเสนอแนะของผู้บริหาร ผู้ปกครอง นักเรียนและเพื่อนครู ประโยชน์ที่ได้รับ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลางแบบเน้นกระบวนกลุ่ม มีประโยชน์หลาย ๆ ด้าน คือ1. ประโยชน์ต่อผู้เรียน- ผู้เรียนมีการเรียนรู้อย่างมีความสุข- ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาสังคมศึกษา- ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นกว่าเดิม- ผู้เรียนมีความสามัคคีปรองดองกัน- ผู้เรียนกล้าแสดงออกมากขึ้น2. ประโยชน์ต่อผู้สอน- ผู้สอนมีความตระหนักในหน้าที่ของการเป็นครูมากขึ้น- ผู้สอนมีกำลังใจในการศึกษาค้นคว้าแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ - ผู้สอนมีความใกล้ชิดและมีความเข้าใจในความแตกต่างของผู้เรียนมากขึ้น3. ประโยชน์ต่อโรงเรียน- โรงเรียนเล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ โดยสนับสนุนส่งเสริมให้ครูมีการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ สนับสนุนในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียน- ผู้ปกครองและชุมชนให้การยอมรับในการจัดการศึกษาของโรงเรียนโดยการส่งบุตรหลานเข้าศึกษาในโรงเรียนเพิ่มขึ้น