การตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์
การตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์
....การที่จะมีคอมพิวเตอร์ไว้ในครอบครองสักชุดหนึ่งในยุคนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นอะไร แค่คุณมีเงินเพียง 2-3 หมื่นบาท ก็สามารถที่จะเป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่เพียบพร้อมไปด้วยพละกำลัง และขีดความสามารถที่น่าอัศจรรย์ ต่างจากคอมพิวเตอร์ในยุคก่อน ๆ ที่มีราคาแพงมาก และประสิทธิภาพก็ต่ำจนเทียบไม่ได้กับคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบันแม้แต่น้อย...
....หลายคนที่ประสบปัญหากับการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีเสถียรภาพ แถมยังมีข้อจำกัดมากมาย เครื่องเสียบ่อย ข้อมูลหาย ฯลฯ ซึ่งทุกคนโทษว่า เพราะคอมพิวเตอร์เครื่องที่ซื้อมาไม่ดีบ้าง ยี่ห้อนี้ทันสมัยสู้ยี่ห้อโน้นไม่ได้บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่เคยพิจารณาเลย ก็คือการเลือกและตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่แรก...
....คนจำนวนมากเกิดความกระดาก หากจะบอกว่าต้องการคอมพิวเตอร์เพื่อนำไปเล่นเกมสักเครื่อง หลายคนปฏิเสธที่จะเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เมื่อช่างเทคนิคถามว่า "คุณต้องการเล่นเกมด้วยไหม?" แน่นอนเกือบทุกคนจะพูดว่าไม่ต้องการเล่นเกม แต่ต้องการคอมเพื่อใช้งานพิมพ์เอกสารนิดหน่อยเท่านั้น...
....แต่ในความเป็นจริง เมื่อซื้อคอมพิวเตอร์และนำกลับไปใช้ที่บ้าน ทุกคนที่ปฏิเสธเรื่องเกมก็กลับนำเกมมาติดตั้งและเล่นกับมัน ผลก็คือ คอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ถูกออกแบบระบบมาเพื่อสนองตอบการเล่นเกม ก็จะเกิดปัญหาทางด้านเสถียรภาพของระบบ หรือบางทีก็ไม่สามารถติดตั้ง หรือเล่นเกมบางเกมได้...
....ดังนั้น การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ จึงควรวางแผนก่อนว่าต้องการคอมพิวเตอร์มาใช้งานด้านใดบ้าง พิมพ์เอกสาร กราฟิก ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม อินเตอร์เน็ต ฯลฯ ต้องการกี่อย่าง หรือทุกอย่างก็บอกกับช่างหรือคนขายไปตามตรงอย่าเหนียมอาย เพราะไม่มีใครแก่เกินคอมพิวเตอร์ และเกมคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่เด็กเล็กก็ไม่สามารถเล่นได้เพราะมันยากเกินไป เกมคอมพิวเตอร์จึงเหมาะสำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่มากกว่า...
มียี่ห้อ กับ เครื่องประกอบชิ้นส่วน ใครดีกว่ากัน?
....คอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะมียี่ห้อ ที่เรียกว่าแบรนด์เนม กับ คอมพิวเตอร์ที่สั่งประกอบ ที่จริงแล้วคุณภาพก็ไม่ต่างกัน เพราะชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่อยู่ภายในเคสนั้นมันก็คือของอย่างเดียวกัน และยี่ห้อเดียวกันทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ยกตัวอย่างว่า เครื่องยี่ห้อ ก.ใช้ซีพียู. Pentium D. ขนาด 3.06 GHz. กับเครื่องประกอบ ที่ใช้ซีพียู.Pentium D. ขนาด 3.06 GHz.นั้นต่างกันอย่างไร คำตอบก็คือไม่ต่าง เพราะซีพียู.จะต้องใช้ Pentium D. ของ Intel ด้วยกันทั้งคู่ ไม่ใช่ของแบรนด์เนมจะใช้ซีพียู.ยี่ห้อ ก.ตามตัวถังไปด้วยก็เปล่า...
แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างเครื่องแบรนด์เนมและเครื่องประกอบชิ้นส่วนก็คือ
1.ราคา เครื่องแบรนด์เนมถึงแม้ว่าจะใช้ของอย่างเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ขนาดเท่ากันกับเครื่องประกอบก็ตาม แต่จะมีราคาที่แพงกว่าเครื่องประกอบอย่างต่ำก็ 30 % ขึ้นไปเลยทีเดียว...
2.คุณภาพ เครื่องประกอบ ผู้ซื้อสามารถที่จะคัดเลือกชิ้นส่วนได้เองทุกชิ้น ต่างจากแบรนด์เนมที่คุณสามารถเลือกได้เพียงรุ่น ไม่สามารถกำหนดคุณภาพของชิ้นส่วนภายในได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว หากต้องการอัพเกรด บริษัทของเครื่องแบรนด์เนมมักปฏิเสธการอัพเกรด โดยข้ออ้างเรื่องลิขสิทธิ์ ส่วนเครื่องประกอบจะสามารถอัพเกรดได้ทันทีทุกชิ้นส่วน
3.การบริการ เครื่องแบรนด์เนมบางยี่ห้อบางรุ่น กำหนดการรับประกันทุกชิ้นส่วนไว้สูงถึง 3 ปีก็จริง แต่หากเลยระยะเวลารับประกันไปนาน ๆ หลาย ๆ ปี อะไหล่ของรุ่นนั้นก็จะไม่มีให้อีกต่อไป และทางบริษัทฯ หรือศูนย์บริการก็มักปฏิเสธการรับซ่อม และแนะนำให้ลูกค้าซื้อรุ่นใหม่แทน และอะไหล่ที่มีอยู่ในท้องตลาดทั่วไปนั้น บางอย่างไม่สามารถใช้กับระบบของแบรนด์เนมได้ ในขณะที่เครื่องประกอบยังคงสามารถหาอะไหล่ซับพอร์ตได้ตลอด แม้เครื่องจะผ่านการใช้งานมานานกี่ปีก็ตาม
การเลือกซื้อโน๊ตบุ๊ก หรือ PDA.
หากต้องการซื้อคอมพิวเตอร์พกพาทั้งแบบกระเป๋าหิ้ว (Note Boock) หรือแบบมือถือ (PDA) แน่นอนที่สุด คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ไม่มีชนิดประกอบเอง แต่ต้องซื้อของแบรนด์เนมเพียงอย่างเดียว ดังนั้น จึงต้องพิจารณาดูเงื่อนไขต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1.คอมพิวเตอร์แบบพกพา ส่วนใหญ่ชิ้นส่วนภายในจะสามารถถอดเปลี่ยนได้เพียงสองสามชิ้นเท่านั้น ส่วนที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ตลอดอายุ คือส่วนแสดงผลที่เป็นภาพและเสียง คือ VGA และ Sound ดังนั้น จึงต้องพิจารณาในสองจุดนี้ ที่จะต้องให้มีคุณภาพ และกำลังที่สูงไว้ก่อน
2.พิจารณาจากชนิดของอุปกรณ์หลักคือเมนบอร์ด ว่าจะสามารถรองรับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้สูงสุดถึงเท่าไร สามารถอัพเกรดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงขึ้นเพียงใด
3.ยี่ห้อก็เป็นเรื่องสำคัญ คอมพิวเตอร์พกพาที่ผลิตโดยประเทศเกาหลี หรือไต้หวันมักมีปัญหาในเรื่องระบบ และการบริการหลังการขาย รวมทั้งเรื่องอะไหล่และซ่อมบำรุง แต่มักมีราคาถูก และราคาจะตกเมื่อขายต่อเป็นเครื่องมือสอง ดังนั้นการเลือกซื้อคอมพิวเตอรพกพา จึงควรพิจารณายี่ห้อที่เป็นของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือญี่ปุ่นไว้ก่อน เนื่องจากคอมพิวเตอร์จากทั้งสองประเทศนี้ ระบบค่อนข้างดี และการบริการหลังการขายพอเชื่อถือได้ ขายต่อเป็นเครื่องมือสองมักได้ราคาดี ข้อเสียคือมีราคาแพง
การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์มือสอง
หากมีเงินไม่พอที่จะซื้อคอมพิวเตอร์แกะกล่อง คอมพิวเตอร์มือสองดูเป็นทางเลือกที่อาจเหมาะสมกว่า เพราะมีราคาถูก และอายุการใช้งานของคอมพิวเตอร์นั้นไม่ค่อยมีข้อจำกัด ถึงจะใช้งานมามากกว่าสิบปี คอมพิวเตอร์ก็ยังคงสามารถใช้งานต่อไปได้
การพิจารณาเลือกซื้อคอมพิวเตอร์มือสอง ก็เช่นเดียวกับการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์มือหนึ่ง คือ
1.พิจารณาจากระบบ ต้องมีความทันสมัยเพียงพอกับการรองรับซอฟต์แวร์รุ่นปัจจุบันได้เป็นอย่างน้อย
2.ต้องมีการทดสอบก่อนตัดสินใจจ่ายเงินว่า ระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดี ไม่มีข้อบกพร่อง หรือความเสียหาย หรือเสื่อมสภาพของอุปกรณ์บางชิ้น หรือทุกชิ้น
3.ราคาเหมาะสม
4.ควรพิจารณาเครื่องประกอบเป็นหลัก เพราะจะไม่มีปัญหาในเรื่องอะไหล่