ประวัติศาสตรไทย
กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของไทยอยู่ (417 ปี)
การเก็บภาษีเริ่มเก็บในสมัย (สมเด็จพระเอกาทศรถ)
สิ่งของที่ราษฎรในสมัยกรุงศรีอยุธยา ส่งให้แก่ทางราชการเพื่อทดแทนที่ไม่เข้าเวรประจำการคือ (ส่วย)
ภาษีที่เก็บในสมัยพระนารายณ์มหาราช ทั้งทางบกและทางน้ำเรียกว่า (จังกอบ)
ผู้ได้รับสมญานามว่าราชาแห่งกาพย์โคลงเห่เรือ (เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง))
ศรีปราชญ์มีความเชี่ยวชาญทางด้าน (โคลง)
พระพุทธบาทพบในสมัย (พระเจ้าทรงธรรม)
พระสุริโยทัยสวรรคตเนื่องจาก (พระนางไสช้างเข้าช่วยพระมหาจักรพรรดิ์ ถูกพระเจ้าแปรฟันขาดคอช้าง)
ภาษีที่เก็บจากการประกอบอาชีพในสมัยอยุธยาเรียกว่า (อากร)
เจดีย์ศรีสุริโยทัยตั้งอยู่ที่ (วัดสวนหลวงสบสวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา)
ขุนหลวงหาวัดคือ (สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร)
ขุนหลวงขี้เรื้อนคือ (สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ หรือพระที่นั่งสุริยามรินทร์)
พระเจ้าช้างเผือกคือ (พระมหาจักรพรรดิ์)
นายทองด้วงเป็นชื่อเดิมของ (สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก)
ผู้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาจากเวียงจันทร์คือ (พระเจ้าตากสิน)
พระราชบัญญัติประถมศึกษาเริ่มใช้ในสมัย (พระมงกุฎเกล้เจ้าอยู่หัว)
ธนาคารแห่งแรกของประเทศไทยชื่อว่า (แบงก์สยามกัมมาจล ปัจจุบันคือธนาคารไทยพาณิชย์)
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงตั้งอะไรเพื่อการทดลองการปฏิบัติราชการแบบราชการ (ดุสิตธานี)
นามปากกาของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมี (อัศวพาหุ ,รามจิตต,พันแหลม,น้อยลา,สุครีพ
นายแก้ว – นายขวัญ, พระขรรค์เเพชร,ศรีอยุธยา และไก่เขียว)