• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:b685191f03d92ab11e3276bbfb6ccb26' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>ตราประจำองค์พระมหากษัตริย์ หรือที่เรียกว่า พระราชสัญจกรนั้น ใช้สำหรับประทับในเอสารสำคัญอันแสดงถึง พระราชอำนาจในการปกครองแผ่นดิน หรือเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงเป็นพระประมุขของชาติไทย ตราประจำพระองค์ ของรัชกาลต่าง ๆ มีดังนี้คือ รัชกาลที่ 1 “มหาอุณาโลม” เป็นตรางา ลักษณะกลมรูปปทุมอุณาโลม มีอักขระ “อุ” อยู่ตรงกลาง (“อุ” มีลักษณะ เป็นม้วนกลมคล้ายลักษณะความหมายของพระนามเดิมว่า “ด้วง”) ตรามหาอุณาโลมนี้ หมายถึงตาที่สามของ พระอิศวร ซึ่งถือเป็นปฐมฤกษ์ในการตั้งพระบรมราชจักรีวงศ์ รัชกาลที่ 2 “ครุฑจับนาค” เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปครุฑจับนาค เนื่องจากพระนามเดิมคือ “ฉิม” ซึ่งเป็นที่อยู่ ของพญาครุฑ รัชกาลที่ 3 “มหาปราสาท” เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปปราสาท เนื่องจากพระนามเดิมคือ “ทับ” ซึ่งหมายถึงที่อยู่หรือเรือน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสัญจกรเป็นรูปปราสาท รัชกาลที่ 4 “พระมหาพิชัยมงกุฎ” เป็นตรางา ลักษณะกลมรีรูปพระมหามงกุฎ (ตรมพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้ามงกุฎ) อยู่ในเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ มีฉัตรปริวาร 2 ข้าง มีพานทอง 2 ชั้น วางพระแว่นสุริยกานต์ หรือเพชรข้างหนึ่ง (พระแว่นสุริยกานต์ หรือเพชร หมายถึง พระฉายา เมื่อทรงผนวชว่า วชิรญาน) อีกข้างหนึ่ง วางสมุดตำรา (หมายถึง ทรงศึกษาเชี่ยวชาญในทางอักษรศาสตร์ และดาราศาสตร์) ตราประจำองค์รัชกาลต่าง ๆ ของไทย ตราประจำองค์พระมหากษัตริย์ หรือที่เรียกว่า พระราชสัญจกรนั้น ใช้สำหรับประทับในเอสารสำคัญอันแสดงถึง พระราชอำนาจในการปกครองแผ่นดิน หรือเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงเป็นพระประมุขของชาติไทย ตราประจำพระองค์ ของรัชกาลต่าง ๆ มีดังนี้คือ รัชกาลที่ 1 “มหาอุณาโลม” เป็นตรางา ลักษณะกลมรูปปทุมอุณาโลม มีอักขระ “อุ” อยู่ตรงกลาง (“อุ” มีลักษณะ เป็นม้วนกลมคล้ายลักษณะความหมายของพระนามเดิมว่า “ด้วง”) ตรามหาอุณาโลมนี้ หมายถึงตาที่สามของ พระอิศวร ซึ่งถือเป็นปฐมฤกษ์ในการตั้งพระบรมราชจักรีวงศ์ รัชกาลที่ 2 “ครุฑจับนาค” เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปครุฑจับนาค เนื่องจากพระนามเดิมคือ “ฉิม” ซึ่งเป็นที่อยู่ ของพญาครุฑ รัชกาลที่ 3 “มหาปราสาท” เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปปราสาท เนื่องจากพระนามเดิมคือ “ทับ” ซึ่งหมายถึงที่อยู่หรือเรือน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสัญจกรเป็นรูปปราสาท รัชกาลที่ 4 “พระมหาพิชัยมงกุฎ” เป็นตรางา ลักษณะกลมรีรูปพระมหามงกุฎ (ตรมพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้ามงกุฎ) อยู่ในเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ มีฉัตรปริวาร 2 ข้าง มีพานทอง 2 ชั้น วางพระแว่นสุริยกานต์ หรือเพชรข้างหนึ่ง (พระแว่นสุริยกานต์ หรือเพชร หมายถึง พระฉายา เมื่อทรงผนวชว่า วชิรญาน) อีกข้างหนึ่ง วางสมุดตำรา (หมายถึง ทรงศึกษาเชี่ยวชาญในทางอักษรศาสตร์ และดาราศาสตร์)       </p>\n', created = 1729403526, expire = 1729489926, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:b685191f03d92ab11e3276bbfb6ccb26' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ประวัติศาสตรไทย

รูปภาพของ uns31555

ตราประจำองค์พระมหากษัตริย์ หรือที่เรียกว่า พระราชสัญจกรนั้น ใช้สำหรับประทับในเอสารสำคัญอันแสดงถึง พระราชอำนาจในการปกครองแผ่นดิน หรือเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงเป็นพระประมุขของชาติไทย ตราประจำพระองค์ ของรัชกาลต่าง ๆ มีดังนี้คือ รัชกาลที่ 1 “มหาอุณาโลม” เป็นตรางา ลักษณะกลมรูปปทุมอุณาโลม มีอักขระ “อุ” อยู่ตรงกลาง (“อุ” มีลักษณะ เป็นม้วนกลมคล้ายลักษณะความหมายของพระนามเดิมว่า “ด้วง”) ตรามหาอุณาโลมนี้ หมายถึงตาที่สามของ พระอิศวร ซึ่งถือเป็นปฐมฤกษ์ในการตั้งพระบรมราชจักรีวงศ์ รัชกาลที่ 2 “ครุฑจับนาค” เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปครุฑจับนาค เนื่องจากพระนามเดิมคือ “ฉิม” ซึ่งเป็นที่อยู่ ของพญาครุฑ รัชกาลที่ 3 “มหาปราสาท” เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปปราสาท เนื่องจากพระนามเดิมคือ “ทับ” ซึ่งหมายถึงที่อยู่หรือเรือน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสัญจกรเป็นรูปปราสาท รัชกาลที่ 4 “พระมหาพิชัยมงกุฎ” เป็นตรางา ลักษณะกลมรีรูปพระมหามงกุฎ (ตรมพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้ามงกุฎ) อยู่ในเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ มีฉัตรปริวาร 2 ข้าง มีพานทอง 2 ชั้น วางพระแว่นสุริยกานต์ หรือเพชรข้างหนึ่ง (พระแว่นสุริยกานต์ หรือเพชร หมายถึง พระฉายา เมื่อทรงผนวชว่า วชิรญาน) อีกข้างหนึ่ง วางสมุดตำรา (หมายถึง ทรงศึกษาเชี่ยวชาญในทางอักษรศาสตร์ และดาราศาสตร์) ตราประจำองค์รัชกาลต่าง ๆ ของไทย ตราประจำองค์พระมหากษัตริย์ หรือที่เรียกว่า พระราชสัญจกรนั้น ใช้สำหรับประทับในเอสารสำคัญอันแสดงถึง พระราชอำนาจในการปกครองแผ่นดิน หรือเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงเป็นพระประมุขของชาติไทย ตราประจำพระองค์ ของรัชกาลต่าง ๆ มีดังนี้คือ รัชกาลที่ 1 “มหาอุณาโลม” เป็นตรางา ลักษณะกลมรูปปทุมอุณาโลม มีอักขระ “อุ” อยู่ตรงกลาง (“อุ” มีลักษณะ เป็นม้วนกลมคล้ายลักษณะความหมายของพระนามเดิมว่า “ด้วง”) ตรามหาอุณาโลมนี้ หมายถึงตาที่สามของ พระอิศวร ซึ่งถือเป็นปฐมฤกษ์ในการตั้งพระบรมราชจักรีวงศ์ รัชกาลที่ 2 “ครุฑจับนาค” เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปครุฑจับนาค เนื่องจากพระนามเดิมคือ “ฉิม” ซึ่งเป็นที่อยู่ ของพญาครุฑ รัชกาลที่ 3 “มหาปราสาท” เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปปราสาท เนื่องจากพระนามเดิมคือ “ทับ” ซึ่งหมายถึงที่อยู่หรือเรือน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสัญจกรเป็นรูปปราสาท รัชกาลที่ 4 “พระมหาพิชัยมงกุฎ” เป็นตรางา ลักษณะกลมรีรูปพระมหามงกุฎ (ตรมพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้ามงกุฎ) อยู่ในเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ มีฉัตรปริวาร 2 ข้าง มีพานทอง 2 ชั้น วางพระแว่นสุริยกานต์ หรือเพชรข้างหนึ่ง (พระแว่นสุริยกานต์ หรือเพชร หมายถึง พระฉายา เมื่อทรงผนวชว่า วชิรญาน) อีกข้างหนึ่ง วางสมุดตำรา (หมายถึง ทรงศึกษาเชี่ยวชาญในทางอักษรศาสตร์ และดาราศาสตร์)       

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 447 คน กำลังออนไลน์