ข่าวไอที
![รูปภาพของ skk5854 รูปภาพของ skk5854](http://old.thaigoodview.com/files/profilepic/picture-21552.jpg)
ไอดีซีชี้สัญญาณฟื้นตลาดไอซีทีปีนี้
ทั้งนี้ กลุ่มที่มีแนวโน้มกลับมาใช้จ่ายเงินด้านไอทีสูงที่สุดในปีนี้คือ สถาบันการเงิน โทรคมนาคม และภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบ 3จี และการใช้จ่ายเงินจากโครงการไทยเข้มแข็งของภาครัฐ ซึ่งจะเริ่มเห็นผลชัดเจนปีนี้
อย่างไรก็ตาม ไอดีซี ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลอีกครั้ง เพื่อประเมินผลกระทบต่อการลงทุนไอซีทีที่จะมีต่อการเติบโตของจีดีพี ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดเมื่อปี 2550 พบว่า การลงทุนไอซีทีมีผลต่อการเติบโตของจีพีดีประเทศราว 2% ซึ่งจากสภาพเศรษฐกิจในปีนี้ก็อาจคาดการณ์ได้ว่าจะยังส่งผลต่อการเติบโตของจีดีพีต่ำกว่า 2% โดยเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่การลงทุนไอซีทีจะมีผลต่อการเติบโตของจีดีพีไม่ต่ำกว่า 3.5%
ขณะที่ การลงทุนไอซีทีของไทยปีนี้ คาดว่าจะเป็นการใช้จ่ายเงินเฉพาะกลุ่มไอทีเพิ่มขึ้น 6.82% จากปีที่ผ่านมาเติบโตเพียง 1% โดยส่วนใหญ่เป็นการใช้เงินลงทุนด้าน "ไอที เซอร์วิส" ที่มีแนวโน้มเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก รองลงมาเป็นกลุ่ม "ซอฟต์แวร์" ขณะที่การลงทุน "ฮาร์ดแวร์" จะขยายตัวต่ำสุด เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ในองค์กร และอ่อนไหวต่อปัจจัยกระทบทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เมื่อจำแนกเป็นการลงทุนในกลุ่มโทรคมนาคม คาดว่าจะยังเติบโตติดลบต่อเนื่องราว -0.6% หรือมูลค่า 5.6 พันล้านดอลลาร์ จากปีที่ผ่านมาโต -2% หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 12.7% ปีต่อปี
นายวรเจตน์ เจริญนิช นักวิเคราะห์ตลาด กลุ่มงานวิจัยโทรคมนาคม ไอดีซี (ประเทศไทย) ให้เหตุผลว่า เป็นผลจากแนวโน้มรายได้จากการใช้บริการด้านเสียงลดลง (วอยซ์) อย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งล่าสุด -5% สวนทางกับการเติบโตของการใช้บริการนอนวอยซ์ที่เติบโตเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง
"ปีที่ผ่านมาไตรมาส 1 และ 2 ทุกคนแทบจะหยุดลงทุนทั้งหมด เพิ่งจะเริ่มเห็นการขยับตัวในช่วงไตรมาส 3 ทำให้เราเชื่อว่าในปีนี้ทุกคนจะเริ่มกลับมาลงทุนอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ก็ยังเป็นการเติบโตแบบติดลบ เพราะปัจจัยหลักคือ รายได้ของผู้ให้บริการระบบลดลง โดยเฉพาะด้านเสียง ซึ่งมูลค่าการลงทุนคาดว่าจะแตะ 5.6 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ เกินครึ่งยังเป็นการลงทุนด้านเสียง เนื่องจากยังไม่มีไลเซ่นใหม่ แต่ทั้งนี้ก็คาดว่าปีหน้า (2554) จะเริ่มเติบโตเป็นบวกครั้งแรกถ้าหากมีเทคโนโลยีใหม่ เช่น 3จี" นายวรเจตน์กล่าว
ผลสำรวจดังกล่าว ยังชี้สัญญาณว่า ปีนี้จะเริ่มเห็นแนวโน้มใหม่ๆ ที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายเงินลงทุนในตลาดไอซีทีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับ "ความปลอดภัย" ขององค์กร ซึ่งไอดีซีคาดการณ์ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะผลักดันให้องค์กรขนาดใหญ่หันมาลงทุนกับระบบความปลอดภัยสูงที่สุด และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเป็นบริการใหม่ในชื่อ "ซีเคียวริตี้ แอส อะ เซอร์วิส" หรือบริการบริหารจัดการระบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการความปลอดภัยของระบบในองค์กรขนาดใหญ่
รวมทั้งยังได้แรงขับเคลื่อนจากกระแสการบังคับใช้กฎระเบียบ ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น มาตรฐานไอเอสโอ 27000 (ซีเคียวริตี้ แมเนจเมนท์) ในธุรกิจขนาดใหญ่ และกฎระเบียบบาเซล ทู ของกลุ่มธนาคาร
นอกจากนี้จะเริ่มเห็นการแตกไลน์การลงทุนของผู้ให้บริการระบบ โดยเฉพาะการขยายบริการสู่ตลาดไอที เช่น บริการแมเนจ เซอร์วิส, เอาท์ซอร์สบริการระบบไอที และบริการโฮสติ้ง ในลักษณะเป็นคู่แข่งกับกลุ่มซิสเต็มส์ อินทริเกเตอร์ (เอสไอ)
ขณะเดียวกัน กระแสของโซเชียล มีเดีย จะเริ่มถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดขององค์กรธุรกิจต่างๆ สูงขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังจัดอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดที่มีแนวโน้มสร้างสีสันได้มากในปีนี้คือ การเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งนักวิเคราะห์ไอดีซีระบุว่า ยอดขายมือถือกลุ่มมือถือที่เป็นคิวเวอร์ตี้ คีย์บอร์ด และจอสัมผัสจะเติบโต 50.7% หรือ 9.9 แสนเครื่องจากยอดขายมือถือในตลาดรวมเกือบ 10 ล้านเครื่อง
"มือถือกลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มโตขึ้นสูง เพราะทั้งอินเตอร์แบรนด์ และโลคัลแบรนด์ใหญ่ๆ เข้ามาสร้างสีสันในตลาดมากขึ้น" นักวิเคราะห์ไอดีซีกล่าว
พร้อมเผยอีกว่า นอกจากคาดการณ์แนวโน้มในกลุ่มฮาร์ดแวร์ สำหรับในด้านซอฟต์แวร์ไอดีซี เชื่อว่าปีนี้จะเริ่มเห็นแนวโน้มการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่เข้าถึงความต้องการในระดับท้องถิ่นมากขึ้น เช่น บริการกูเกิล แมพ และทรู แอพ สโตร์ ที่เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับผู้ใช้ในไทย
นอกจากนี้ องค์กรส่วนใหญ่ยังจะเริ่มมองการลงทุนที่เน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินการภายใน (OPEX) สูงกว่าการลงทุนในเทคโนโลยีต่างๆ (CAPEX)
นายอรรถพล กล่าวเสริมว่า วิกฤติเมื่อปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อกลุ่มไอทีขององค์กรค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นแผนกแรกๆ ที่ถูกตัดงบ ทำให้ไอทีจำเป็นต้องหันมาลงทุนกับการพัฒนาระบบภายใน เช่น การเทรนนิ่ง หรือบำรุงรักษาระบบเดิมที่มีอยู่ในดีที่สุดมากกว่าจะเน้นโครงการลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆ
ขณะเดียวกัน เชื่อว่าแนวคิดการใช้งาน "คลาวด์ คอมพิวติ้ง" จะเริ่มมีการตอบรับใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะการต่อยอดระบบความร่วมมือในการทำงาน (Collaboration) เช่น ระบบอีเมล์ และเอ็นเตอร์ไพร์ซ แอพพลิเคชั่น เซอร์วิส
นอกจากนี้ การพัฒนาความเร็วอินเทอร์เน็ตไร้สายจะยิ่งกระตุ้นให้การใช้บริการ "ดาต้า เซอร์วิส" เติบโตขึ้น โดยคาดว่าจะขยายตัวได้อย่างน้อย 20.1% ในปีนี้
"ปีที่แล้วทุกคนเห็นองค์กรขนาดใหญ่หยุดและชะลอการลงทุนกันหมด แต่ปีนี้จะเป็นปีที่ตลาดฟื้นตัวแน่นอน ซึ่งแม้ไทยจะยังไม่มี 3จีใช้ แต่ภาพรวมของตลาดก็มีแนวโน้มเติบโตได้ โดยเฉพาะกระแสเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งสำหรับประเทศไทยก็ถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับการลงทุนไอซีทีในระดับอาเซียน แต่ทั้งนี้แม้จะมี 3จีแล้วก็ต้องรออย่างน้อย 1 ปีถึงจะเริ่มเห็นผลต่อตลาด" นักวิเคราะห์กล่าว