• user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('is am are', 'node/17651', '', '18.119.172.243', 0, '79aa5a9a14e0cc5a9e2dab7602a70688', 131, 1716092596) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:0e26406f0e83c2bad30a224ac08e0546' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img src=\"/files/u11811/14617120.jpg\" width=\"200\" height=\"150\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #cc99ff\"><b>ไดโตโตมัสคีย์ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง</b></span>\n</div>\n<p><span style=\"color: #ff6600\">1 ก.  มีขน............................................................................................................ ดูข้อ  2<br />\n1 ข.  สัตว์ตาบอดสี.............................................................................................. ดูข้อ  3</span><br />\n<span style=\"color: #ff99cc\">2 ก.  ขนเป็นเส้น.................................................................................................  กูปรี  ( Bos sauveli )<br />\n2 ข.  ขนเป็นแผงแบบขนนก..............................................................................  ไก่ป่า  ( Gallus gallus )</span><br />\n<span style=\"color: #993366\">3 ก.  เป็นสัตว์เลี้ยง.............................................................................................  ดูข้อ  4<br />\n3 ข.  เป็นสัตว์ 4 เท่า...........................................................................................  ดูข้อ  5</span><br />\n<span style=\"color: #339966\">4 ก.  เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน..........................................................................................  สุนัขพันธุ์ปั๊ก  <br />\n4 ข.  สัตว์ปีกพูดได้............................................................................................ นกแก้วโม่ง ( Psittacula eupatria )</span><br />\n<span style=\"color: #33cccc\">5 ก.  เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง.....................................................................................  ควาย<br />\n5 ข.  เป็นสัตว์ที่ใช้ในการแสดง.........................................................................  กระทิง ( Bubalus bubalis )</span><br />\n<span style=\"color: #ff0000\">6.ก.ขาทั้ง 4 มีถุงเท้าสีขาวเช่นเดียวกับกระทิง……………………………………….   กูปรี  ( Bos sauveli )<br />\n6.ข.ขาทั้ง 4 ไม่มีถุงเท้าสีขาว............................................................................    ดูข้อ 7</span><br />\n<span style=\"color: #999999\">7.ก.เป็นสัตว์พวกกระทิงและวัวป่า....................................................................  กูปรี  ( Bos sauveli )<br />\n7.ข.ไม่เป็นสัตว์บก..............................................................................................  ดูข้อ 8</span><br />\n<span style=\"color: #008000\">8.ก.เป็นสัตว์บกคอสั้นและมีพืม..........................................................................  กระทิง ( Bubalus bubalis )<br />\n8.ข.ไม่เป็นสัตว์บก คอยาว...................................................................................  ดูข้อ 9</span><br />\n<span style=\"color: #ffcc00\">9.ก.มีชื่อเรียกว่า เมย.............................................................................................  กระทิง ( Bubalus bubalis )<br />\n9.ข.ไม่มีชื่อเรียก...................................................................................................  ดูข้อ 10</span><br />\n<span style=\"color: #3366ff\">10.ก.เป็นสัตว์ปีกตระกูลนกแก้ว...........................................................................  นกแก้วโม่ง ( Psittacula eupatria )<br />\n10.ข.เป็นสัตว์ปีกบกตระกูลไก่บ้าน.......................................................................  ไก่ป่า  ( Gallus gallus )</span>\n</p></div>\n<div>\n</div>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div align=\"center\">\nกูปรี\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img src=\"/files/u11811/images_0.jpg\" width=\"116\" height=\"100\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\nที่มาของรูปภาพ  <a href=\"http://1.3qdc.com/old/raiwan/2006/09/images.jpg\" title=\"http://1.3qdc.com/old/raiwan/2006/09/images.jpg\">http://1.3qdc.com/old/raiwan/2006/09/images.jpg</a> \n</div>\n<div align=\"center\">\nวิทยาศาสตร์ว่า Bos sauveli\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div>\nกูปรี หรือ โคไพร (เป็นภาษาเขมรแปลว่า วัวป่า) (Kouprey หรือ Kouproh) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bos sauveli (Urbain, 1937) เป็นสัตว์จำพวกกระทิงและวัวป่า เป็นสัตว์กีบคู่ ตัวโต โคนขาใหญ่ ปลายหางเป็นพู่ขนตัวผู้ มีขนสีดำ ขนาดความสูง 1.71 - 1.90 เมตร ขนาดลำตัว 2.10 - 2.22 เมตร น้ำหนักตัวประมาณ 700 - 900 กิโลกรัม เขาตัวผู้จะโค้งเป็นวงกว้าง แล้วตีวงโค้งไปข้างหน้า ปลายเขาแตกออกเป็นพู่คล้ายเส้นไม้กวาดแข็ง ขาทั้ง 4 มีถุงเท้าสีขาวเช่นเดียวกับกระทิง (B. gaurus) ในตัวผู้ที่มีอายุมาก จะมีเหนียงใต้คอยาวห้อยลงมาจนเกือบจะถึงดิน เชื่อว่าใช้ในการระบายความร้อนตัวเมีย มีขนสีเทา มีเขาตีวงแคบแล้วม้วนขึ้นด้านบน ไม่มีพู่ที่ปลายเขา มีเขากลวงแบบ Horns ขนาด เท่ากัน โคนเขาใหญ่ ปลายเขาแหลม ไม่มีการแตกกิ่ง ยาวประมาณ 1 เมตรปัจจุบันไม่มีการรายงานการพบมานานแล้ว จนครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปจากโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ ณ ปัจจุบันเชื่อว่าอาจจะยังพอมีหลงเหลืออยู่ในชายแดนไทยกับกัมพูชาแถบจังหวัดศรีสะเกษ เพราะมักจะมีข่าวว่าพบสัตว์ลักษณะคล้ายกูปรีบ่อย ๆ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่น่าเชื่อถือพอ นอกจากคำเล่าลือเท่านั้น\n</div>\n<div>\n<br />\nที่มาของข้อมูล  <a href=\"http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B5\" title=\"http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B5\">http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B5</a>\n</div>\n<div>\n</div>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div align=\"center\">\nไก่ป่า\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img src=\"/files/u11811/030.jpg\" width=\"200\" height=\"135\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\nที่มาของรูปภาพ  <a href=\"http://www.siamphotography.com/_album/2009/02/1235456825-218-382.jpg\" title=\"http://www.siamphotography.com/_album/2009/02/1235456825-218-382.jpg\">http://www.siamphotography.com/_album/2009/02/1235456825-218-382.jpg</a>\n</div>\n<div align=\"center\">\nวิทยาศาสตร์ว่า Gallus gallus \n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div>\nไก่ป่า เป็นไก่สายพันธุ์ดั้งเดิมและเป็นต้นตระกูลของไก่บ้านที่เลี้ยงกันเป็นสัตว์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gallus gallus อยู่ในวงศ์ Phasianidae จัดเป็นนกมีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ขนาดลำตัว 46 -73 เซนติเมตร พบการกระจายอยู่ในเขตศูนย์สูตรโดยมีการกระจายตั้งแต่ประเทศอินเดียจนถึงเวียดนาม และประเทศจีนตอนใต้ จนไปถึงเกาะต่าง ๆ ในประเทศอินโดนีเซีย สามารถแบ่งออกได้แบ่งสายพันธุ์ย่อยได้ 6 สายพันธุ์อาศัยตามป่าไผ่ ป่าดิบแล้ง และป่ารอยต่อระหว่างป่าดิบแล้งและป่าเต็งรัง หากินเป็นกลุ่มเล็ก ๆ อยู่ตามพื้นป่า ตัวผู้ไม่ชอบร้องเหมือนตัวเมีย ในฝูงหนึ่งจะมีตัวผู้คุมตัวเมียหลายตัว ตัวผู้มักขันเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะในช่วงตอนเช้าและพลบค่ำ หากินเวลากลางวัน ตามพื้นดิน บินได้ไม่ไกลและไม่สูงมากไก่ป่าผสมพันธุ์ในฤดูร้อน สร้างรังอยู่ตามพื้นดินตามกอหญ้า กอไผ่ วางไข่ 6 - 12 ฟอง ระยะฟักไข่ 21 วัน ลูกไก่แรกเกิดมีขนอุยสีเหลืองสลับลายดำทั่วลำตัว เมื่อขนแห้งก็เดินตามแม่ไปหากินได้ทันที โดยทั่วไปไก่ป่าเพศผู้จะเริ่มสืบพันธุ์ได้เมื่ออายุ 2 ปี แต่ในเพศเมียจะสืบพันธุ์ได้ตั้งแต่อายุ 1 ปี โดยมีช่วงการผสมพันธุ์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนพฤษภาคม ในช่วงนี้ไก่ป่าเพศผู้จะมีสีสันสวยงามมาก\n</div>\n<div>\n<br />\nที่มาของข้อมูล  <a href=\"http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2\" title=\"http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2\">http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B9%...</a> \n</div>\n<div>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div align=\"center\">\nสุนัขพันธุ์ปั๊ก\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img src=\"/files/u11811/spd_20080707120501_b.jpg\" width=\"200\" height=\"220\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\nที่มาของรูปภาพ  <a href=\"http://bordinchai_dog_farm.tarad.com/shop/b/bordinchai_dog_farm/img-lib/spd_20080707120501_b.jpg\" title=\"http://bordinchai_dog_farm.tarad.com/shop/b/bordinchai_dog_farm/img-lib/spd_20080707120501_b.jpg\">http://bordinchai_dog_farm.tarad.com/shop/b/bordinchai_dog_farm/img-lib/...</a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div>\nสุนัขพันธุ์ปั๊ก (PUG) มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนเป็นสุนัขที่เก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่ง มีกำเนิดตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาลในสมัยโบราณนิยมเลี้ยงไว้ในวัดจีน ต่อมาสุนัขพันธุ์ PUG กระจายไปอยู่ส่วนต่างๆของยุโรป ในประเทศฮอลแลนด์ให้เกียรติสุนัขนี้มาก เนื่องจากมันได้ช่วยชีวิตของเจ้าชายวิลเลียม โดยการเตรียมให้รู้ว่าพวกสเปนได้ยกทัพเข้ามาใกล้แล้ว ส่วนฝรั่งเศส มเหสี นโป-เลียนได้ซ่อนจดหมายไว้ที่ปลอกคอของ PUG ไปให้นโปเลียนเพื่อบอกว่า พระนางถูกจับขังไว้ที่ LESCARMES เหตุการณ์นี้เกิดในปี 1970<br />\nมาตราฐานสายพันธุ์ <br />\nอุปนิสัย : สามารถอยู่ในที่เล็กๆได้หรือสามารถอยู่ร่วมกันหลายตัวได้<br />\nโครงสร้าง : ลำตัวเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและดูกระชับได้สัดส่วน สุนัขมีลำตัวซูบผอม ขาสั้นหรือยาวเกินไป<br />\nศีรษะ : มีขนาดใหญ่ ลักษณะกลม หนังหัวบริเวณหน้ามีรอยย่นมาก<br />\nหู : มีขนาดเล็ก ใบหูค่อนข้างบาง หูพับไปด้านหน้าหรือด้านหลัง แต่หูพับไปด้านหน้าจะได้รับความนิยมมากกว่า<br />\nตา : สีเข้ม ลักษณะกลมโต<br />\nปาก : มีขนาดสั้น รูปร่างคล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส<br />\nจมูก : ควรสั้นแลดูหน้าทู่เหมือนสุนัขพันธุ์ปักกิ่งเวลามองตรงเข้าไปจากกหน้า จมูก<br />\nปาก : ควรมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จมูกควรมีสีดำ ฟันห้ามแลบออกมานอกปาก<br />\nลำตัว : มีขนาดเล็ก ลำตัวล่ำสัน ลำตัวมีกล้ามเนื้อมาก<br />\nอก : กว้าง<br />\nขาหน้า : แข็งแรงมาก ตั้งตรง ขาหน้ามีความยาวปานกลาง เท้าไม่กลมเหมือนเท้าแมว หรือนิ้วยาวมากเกินไป เล็บสีดำ<br />\nขาหลัง : มีลักษณะเหมือนขาหน้า<br />\nหาง : มีลักษณะม้วนอยู่เหนือสะโพก หางม้วนสองรอบถือว่าดี<br />\nขน-สี : ขนสั้นนุ่ม ตัวสีน้ำตาล บริเวณหน้า หู แก้ม ควรมีเส้นตัวสีดำหรือสีดำทั้งตัว<br />\nน้ำหนัก : ประมาณ 14-18 ปอนด์\n</div>\n<div>\n<br />\nที่มาของข้อมูล  <a href=\"http://www.pukpuiclub.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%81-pug/\" title=\"http://www.pukpuiclub.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%81-pug/\">http://www.pukpuiclub.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%90%...</a> \n</div>\n<div>\n\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div align=\"center\">\nนกแก้วโม่ง \n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img src=\"/files/u11811/birdcenter.jpg\" width=\"200\" height=\"206\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\nที่มาของรูปภาพ  <a href=\"http://bbznet.pukpik.com/images/members_images/members_images/members2/birdcenter/birdcenter.may\" title=\"http://bbznet.pukpik.com/images/members_images/members_images/members2/birdcenter/birdcenter.may\">http://bbznet.pukpik.com/images/members_images/members_images/members2/b...</a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div>\nแก้วโม่ง (Psittacula eupatria) เป็นนกตระกูลนกแก้วขนาดเล็ก - กลาง ชื่อสามัญคือ Alexandrine Parakeet โดยชื่อนี้ เป็นการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแด่ กษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช เมื่อครั้งยาตราทัพเข้ามาสู่ในทวีปเอเชีย โดยได้นำนกแก้วสายพันธุ์นี้กลับไปยังทวีปยุโรปแก้วโม่งมีถิ่นกำเนิดแพร่กระจายทั่วไปในแถบทวีปเอเชีย ตั้งแต่ฝั่งตะวันตกและตะวันออกของอัฟกานิสถาน, ไล่ลงไปยังอินเดีย, อินโดจีน เช่น พม่า หรือ ประเทศไทยฝั่งตะวันตก รวมทั้งยังพบได้ตามหมู่เกาะในทะเลอันดามันแก้วโม่งมีความยาววัดจากหัวถึงปลายหางได้ราว 57-58 เซนติเมตร ลำตัวมีสีเขียว จงอยปากมีลักษณะงุ้มใหญ่สีแดงสด บริเวณหัวไหล่จะมีแถบสีแดงแต้มอยู่ทั้งสองข้าง นกเพศผู้และเมียสามารถแยกแยะได้เมื่อนกโตเต็มที่ กล่าวคือในเพศผู้จะปรากฏมีแถบขนสีดำและสีชมพูรอบคอที่เรียกกันว่า &quot;Ring Neck&quot; ซึ่งในนกเพศเมียไม่มีเส้นที่ปรากฏดังกล่าวแก้วโม่ง มีสายพันธุ์ย่อยลงไปอีก 4 สายพันธุ์ คือ P.e. nipalensis พบมากใน Ceylon และทางใต้ของอินเดีย P.e. magnirostris พบในบริเวณหมู่เกาะอันดามัน P.e. avensis พบในเขตรัฐอัสสัม,พม่า P.e. siamensis พบได้ในภาคตะวันตกของประเทศไทย, ลาว, กัมพูชา และเวียตนามความแตกต่างของแต่ละสายพันธุ์ย่อยนั้น อาจมีต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของ ขนาด, ความยาว และสีสันที่ปรากบนลำตัวอาหารของแก้วโม่ง ในธรรมชาติ ประกอบด้วย เมล็ดพืชต่าง ๆ ผลไม้หลากชนิด ใบไม้อ่อน ฯลฯแก้วโม่งจัดเป็นนกแก้วที่มีเสียงร้องค่อนข้างดัง และมักเลือกที่จะทำรังตามโพรงไม้ใหญ่ ๆ โดยใช้วิธีแทะหรือขุดโพรงไม้จำพวกไม้เนื้ออ่อน หรืออาจเลือกใช้โพรงไม้ที่เก่าต่าง ๆ โดยในฤดูผสมพันธุ์ซึ่งจะแตกต่างกันตามลักษณะสายพันธุ์ย่อย อันเกี่ยวเนื่องกับอุณหภูมิและสภาพทางภูมิศาสตร์ แต่โดยเฉลี่ยจะเริ่มจากเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงราวปลายเมษายน โดยในระหว่างฤดูผสมนี้เพศเมียจะค่อนข้างแสดงอาการดุ และกร้าวร้าวมากขึ้นแก้วโม่งวางไข่ปีละครั้ง ครั้งละ 2-4 ฟองแก้วโม่งจัดเป็นนกแก้วที่นิยมนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ เพราะพบว่าเป็นนกแก้วที่มีความสามารถในการเลียนเสียงต่าง ๆ โดยเฉพาะเสียงมนุษย์ได้ดี ปัจจุบันนกแก้วโม่งจัดเป็นนกที่อยู่ในบัญชีคุ้มครอง 2 ของอนุสัญญาไซเตส รวมทั้งเป็นนกที่กฎหมายให้ความคุ้มครองในแต่ละประเทศด้วยเช่นกันแก้วโม่งเป็นนกที่ได้รับการนำมาเพาะพันธุ์โดยมนุษย์ประสบผลสำเร็จ ทำให้แนวทางในลดปัญหาจากลักลอบจับหรือล่านกแก้วโม่งป่า เพื่อการค้า มีแนวโน้มที่ดีขึ้นสำหรับการเลี้ยงนกแก้วโม่งในครอบครองนั้น ผู้เลี้ยงควรต้องศึกษาในเรื่องของพฤติกรรมความเป็นอยู่, ลักษณะนิสัย รวมทั้งการจัดการด้านอาหารและสถานที่เลี้ยงให้ถูกต้อง เพราะการเลี้ยงนกที่ผิดไปจากธรรมชาติถิ่นที่อยู่เดิมนั้น ปัญหาประการหนึ่งก็คือ &quot;ความเครียด&quot; ของนก ดังนั้น การจัดหาความพร้อมทั้งสถานที่,อุปกรณ์ อาหารการกินที่เหมาะสม อาจช่วยให้นกได้รู้สึกมีความสุขและลดความเครียดลง รวมทั้งยังพร้อมที่จะตอบสนองต่อการเป็นนกในฐานะสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ได้อย่างมีความสุข และมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป\n</div>\n<div>\n<br />\nที่มาของข้อมูล  <a href=\"http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%87\" title=\"http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%87\">http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%...</a>\n</div>\n<div>\n\n</div>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div align=\"center\">\nกระทิง (Gaur)\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img src=\"/files/u11811/425_001.jpg\" width=\"200\" height=\"133\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\nที่มาของรูปภาพ  <a href=\"http://www.moohin.com/animals/images/425_001.jpg\" title=\"http://www.moohin.com/animals/images/425_001.jpg\">http://www.moohin.com/animals/images/425_001.jpg</a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div>\nกระทิง (Gaur) เป็นวัวป่าชนิด Bos gaurus ในวงศ์ Bovidae ขนยาว ตัวสีดำหรือดำแกมน้ำตาล เว้นแต่ที่ตรงหน้าผากและครึ่งล่างของขาทั้ง 4 เป็นสีขาวเทา ๆ หรือเหลืองอย่างสีทอง เรีบกว่า &quot;หน้าโพ&quot; ขาทั้ง 4 ข้างตั้งแต่เหนือเข่าลงไปถึงกีบเท้ามีสีขาวเทาหรือเหลืองทอง ทำให้มองดูเหมือนสวมถุงเท้า สีขนของกระทิงบริเวณหน้าผากและถุงเท้าเกิดจากคราบน้ำมันในเหงื่อซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสัตว์ชนิดนี้ คอสั้น และมีพืม (เหนียงคอ) ห้อยยาวลงมาจากใต้คอ เขามีสีเขียวเข้ม ปลายเขามีสีดบริเวณโคนเขามีรอยย่นซึ่งรอยนี้จะมีมากขึ้นเมื่อสูงวัยขึ้นกระทิงตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย ลูกที่เกิดขึ้นจะมีสีน้ำตาลแกมแดงเหมือนสีขนของเก้ง มีเส้นสีดำพาดกลางหลัง ลูกกระทิงขนาดเล็กจะยังไม่มีถุงเท้าเหมือนกระทิงตัวโต มีความยาวลำตัวและหัว 250 - 300 ซ.ม. หาง 70 - 105 ซ.ม. ความสูงจากพื้นถึงหัวไหล่ 170 - 185 ซ.ม. น้ำหนัก 650 - 900 ก.ก. โดยตัวผู้มีน้ำหนักมากกว่าตัวเมีย มีการกระจายพันธุ์ในภาคใต้ของจีน อินเดีย ภูฐาน เนปาล พม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย โดยแบ่งออกได้เป็นพันธุ์ย่อย 5 สายพันธุ์ คือ B. g. laosiensis พบในพม่าถึงจีน B. g. gaurus พบในอินเดียและเนปาล B. g. readei, B. g. hubbacki พบในไทยและมาเลเซีย และ B. g. frontalis หรือกระทิงเขาทุย มีเขาที่สั้น เชื่อว่าเป็นลูกผสมระหว่างกระทิงกับวัวบ้าน พบในอินเดียมีพฤติกรรมอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง โดยฝูงหนึ่งมีสมาชิกตั้งแต่ 2 - 60 ตัว สมาชิกในฝูงประกอบด้วยตัวเมียและลูก บางครั้งอาจเข้าไปหากินรวมฝูงกับวัวแดง (B. javanicus) หรือสัตว์กินพืชชนิดอื่น ตัวผู้มักอาศัยอยู่ตามลำพังแต่จะเข้าไปอยู่รวมฝูงเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ ฝูงกระทิงจะเดินหากินสลับไปกับการนอนหลับพักผ่อนตลอดทั้งวัน โดยบางตัวจะนอนหลับท่ายืนหรือนอนราบกับพื้น สามารถอาศัยอยู่ได้ในหลากหลายสภาพป่า ทั้งป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา หรือบางครั้งก็อาจเข้าไปหากินอยู่ตามไร่ร้างหรือป่าที่อยู่ในสภาพฟื้นฟูจากการทำลาย มักหากินอยู่ไม่ไกลจากแหล่งน้ำมากนักเนื่องจากอดน้ำไม่เก่ง ช่วงฤดูหลังไฟไหม้ป่า จะออกหากินยอดไม้อ่อนและหญ้าระบัดที่มีอยู่มากตามทุ่งหญ้า และป่าเต็งรัง สถานะในประเทศไทยเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2 พบเพียงที่เดียว คือ เขาแผงม้า ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และสถานะในสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) จัดให้อยู่ในระดับ CR (Critically Endangered) หมายถึงมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในพื้นที่ธรรมชาติขณะนี้กระทิง มีชื่อเรียกอื่นว่า &quot;เมย&quot; เป็นต้น\n</div>\n<div>\n<br />\nที่มาของข้อมูล  <a href=\"http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87\" title=\"http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87\">http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%...</a> \n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div>\n</div>\n</div>\n<div>\n</div>\n', created = 1716092605, expire = 1716179005, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:0e26406f0e83c2bad30a224ac08e0546' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ไดโคโตมัสคีย์ (dichotomous)

รูปภาพของ msw6613
ไดโตโตมัสคีย์ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง

1 ก.  มีขน............................................................................................................ ดูข้อ  2
1 ข.  สัตว์ตาบอดสี.............................................................................................. ดูข้อ  3

2 ก.  ขนเป็นเส้น.................................................................................................  กูปรี  ( Bos sauveli )
2 ข.  ขนเป็นแผงแบบขนนก..............................................................................  ไก่ป่า  ( Gallus gallus )

3 ก.  เป็นสัตว์เลี้ยง.............................................................................................  ดูข้อ  4
3 ข.  เป็นสัตว์ 4 เท่า...........................................................................................  ดูข้อ  5

4 ก.  เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน..........................................................................................  สุนัขพันธุ์ปั๊ก 
4 ข.  สัตว์ปีกพูดได้............................................................................................ นกแก้วโม่ง ( Psittacula eupatria )

5 ก.  เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง.....................................................................................  ควาย
5 ข.  เป็นสัตว์ที่ใช้ในการแสดง.........................................................................  กระทิง ( Bubalus bubalis )

6.ก.ขาทั้ง 4 มีถุงเท้าสีขาวเช่นเดียวกับกระทิง……………………………………….   กูปรี  ( Bos sauveli )
6.ข.ขาทั้ง 4 ไม่มีถุงเท้าสีขาว............................................................................    ดูข้อ 7

7.ก.เป็นสัตว์พวกกระทิงและวัวป่า....................................................................  กูปรี  ( Bos sauveli )
7.ข.ไม่เป็นสัตว์บก..............................................................................................  ดูข้อ 8

8.ก.เป็นสัตว์บกคอสั้นและมีพืม..........................................................................  กระทิง ( Bubalus bubalis )
8.ข.ไม่เป็นสัตว์บก คอยาว...................................................................................  ดูข้อ 9

9.ก.มีชื่อเรียกว่า เมย.............................................................................................  กระทิง ( Bubalus bubalis )
9.ข.ไม่มีชื่อเรียก...................................................................................................  ดูข้อ 10

10.ก.เป็นสัตว์ปีกตระกูลนกแก้ว...........................................................................  นกแก้วโม่ง ( Psittacula eupatria )
10.ข.เป็นสัตว์ปีกบกตระกูลไก่บ้าน.......................................................................  ไก่ป่า  ( Gallus gallus )

รูปภาพของ php34343
มันคือตัวอะไรเหรอ O_O
 
ไม่เคยเห็นอ่ะ
 
 
ว่างๆ แวะมาเยี่ยมกันบ้างน้า~
 
 
 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 262 คน กำลังออนไลน์