ปรัชญานี้เกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๑๗ เป็นเวลา ๓๒ ปีมาแล้ว
แต่ ในครั้งนั้น ผู้ได้รับฟังเห็นดีเห็นงาม มีศรัทธาแต่ยังไม่ได้มีการนำมาปฏิบัติอย่างลึกซึ้ง จนกระทั่งปี ๒๕๔๐
(เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ)เมื่อเกิดเหตุการณ์ ์จึงทำให้มีผู้สนใจในปรัชญานี้มากขึ้นหลังจากนั้นมีความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่ง สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เชิญปรัชญานี้มาเป็นปรัชญานำทางในการเสนอแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ

      “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัส ชี้แนะแนวทาง
การดำเนินชีวิต ให้แก่พสกนิกรชาวไทยมาเป็นเวลานานกว่า 25 ปี โดยมีแนวคิดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ คือ ให้ทำอะไรด้วยความพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป และต้องไม่เบียด
เบียนตนเองและผู้อื่น ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีเหตุผลในการกระทำ และมีการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว คือ มีการเตรียมตัว
ให้พร้อม ที่จะรับผลกระทบจากความเปลี่ยนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยอาศัยความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต ความอดทน ความเพียรมาประกอบในการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทำทุกอย่าง

ฉันนำเอาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน  ดังนี้

1.เดินไปโรงเรียนแทนการขึ้นรถ

2.ในหนึ่งวันอย่างน้อยฉันต้องเหลือเงินมาหยอดกระปุกวันละ 5-10 บาท

3.เมื่อเก็บเงินได้ทุกๆ 2 เดือนจะต้องนำเงินไปฝากธนาคาร

4.ไม่จำเป็นทีจะต้องใช้ของใหม่ตลอดเวลา  อะไรที่ยังคงใช้ได้อยู่ก็ใช้ไปก่อน  จะช่วยประหยัดทั้งตนเองและครอบครัว

5.ไม่ตามใจปากมากจนเกินไป(แต่ก็อาจจะมีบ้างในบางครั้ง)