กาพย์เห่เรือ ที่มา ประเพณีการเห่เรือของไทยมี ๒ ประเภท คือ ๑. เห่เรือหลวง เป็นการเห่ในพระราชพิธี ในสมัยโบราณสันนิษฐานว่าใช้ภาษาสันสกฤตของอินเดีย ซึ่งเป็นมนต์ในตำราไสยศาสตร์ ต่อมาได้นำบทพระราชนิพน์ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์มาใช้เห่เรือหลวง ๒. เห่เรือเล่น เห่ในเวลาแล่นเรือเที่ยวแตร่ เพื่อความรื่นเริงและให้ฝีพายพายพร้อมๆ กัน การเห่เรือเล่นใช้ภาษาไทย การพายใช้สองจังหวะคือ จังหวะจ้ำกับจังหวะปกติ การเห่เรือหลวงมี ๔ อย่างคือ เห่โคลงนำกาพย์ หรือเกริ่นโครง เมื่อพระเจ้าแผ่นดินลงประทับในเรือพระที่นั่ง ขณะเรือพระที่นั่งแล่นระหว่างทางใช้ทำนอง ช้าละวะเห่ ซึ่งเป็นทำนองเห่ช้าพลพายนกบินจังหวะช้า พอจวนถึงที่ประทับใช้ทำนอง สวะเห่ ระหว่างทางในการเดินทางกลับเป็นทำนอง มูลเห่ เมื่อจบบทพายจ้ำสามทีส่งทุกบท ๑. อธิบายเนื้อเรื่องกาพย์เห่เรือได้ ๒. พิจารณาคุณค่าวรรณศิลป์จากเรื่องกาพย์เห่เรือได้ ผู้แต่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) เนื้อเรื่องย่อ กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์มี ๒ ตอน ตอนที่ ๑ ชมพยุหยาตราทางชลมารคตั้งแต "พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย" ต่อจากชมกระบวนเรือ ว่าด้วยชมปลา ชมไม้ ชทนก เป็นลักษณะนิราศ กาพย์เห่เรือเรื่องนี้เห็นได้ในสำนวนว่าเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ทรงนิพนธ์สำหรับเห่เรือของท่านเอง เวลาตามเสด็จขึ้นพระพุทธบาทออกจากจังหวัดพระนครศรีอยุทธยาแต่เช้า พอตกเย็นก็ถึงท่าเจ้าสนุก