การเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า
พัดลมไฟฟ้า
ไฟฟ้าในปัจจุบันมีหลายชนิดคือ ชนิดตั้งโต๊ะ,ตั้งพื้น, ติดผนัง,แขวนเพดานและส่ายรอบตัว
พัดลมไฟฟ้ามาตรฐาน
สิ่งที่จะช่วยท่านได้ คือการสังเกตเครื่องหมายมาตรฐานที่แสดงบนผลิตภัณฑ์ เพราะเป็นพัดลมไฟฟ้าที่ผ่านการรับรอง
คุณภาพจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งมีข้อดีหลายประการ คือ
- มีระบบการป้องกันไฟฟ้าช็อกที่ไว้ใจได้
- มีการป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับส่วนที่มีกระแสไฟฟ้าอย่างไว้ใจได้
- พัดลมไม่ไหม้เสียหายจากอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น เพราะจะไม่สูงเกินค่าที่กำหนดไว้
- กระแสไฟฟ้ารั่วได้ไม่เกิน 0.5 มิลลิแอมแปร์ ทำให้ไม่มีอันตรายแก่ผู้ใช้
- ข้อแนะนำในการเลือกซื้อ
- ลองเครื่อง เพื่อดูว่าใช้งานได้ดีหรือไม่
- ดูกลไกการส่าย, หมุน, ปรับส่ายเร็วที่สุด , ต่ำที่สุด
- สวิตช์ปิดและเปิด เปลี่ยนอัตราความเร็วใช้งานได้ดี ควรเลือกที่มีเครื่องหมายเฉพาะด้านความปลอดภัย
- ควรเลือกขนาดและชนิดที่เหมาะกับการใช้งาน และมีราคาที่พอเหมาะกับวัสดุที่ใช้ในการผลิตด้วย
- เตารีดไฟฟ้า
- เตารีดไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทุกครัวเรือน ช่วยให้งานรีดเสื้อผ้าของแม่บ้านเป็นไปโดย
สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่บางครั้งผู้ใช้อาจประสบปัญหาการใช้เมื่อเกิดการลัดวงจร หรือใช้งานไม่ดี เนื่องจาก
คุณภาพที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีเตารีดไฟฟ้าแบบใหม่ๆ อีกมาก เช่นเตารีดไฟฟ้าแบบมีไอน้ำ เตารีด
ไฟฟ้าแบบมีน้ำพ่น ซึ่งน้ำหรือไอน้ำอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ได้เตารีดไฟฟ้ามาตรฐาน
- 1. เตารีดที่มีสายต่อลงดิน เพื่อให้ความปลอดภัยแก่ผู้ใช้
- 2. เตารีดที่ไม่มีสายต่อลงดินแต่มีฉนวน 2 ชั้น หรือฉนวนพิเศษเพื่อป้องกันไฟฟ้าช็อก
- นอกจากนี้ เตารีดไฟฟ้าตามมาตรฐานทั้ง 2 ประเภท ยังมีความปลอดภัยจากกระแสไฟฟ้ารั่วและความทนทานต่อแรงดันไฟฟ้าของเตารีด
- ข้อแนะนำในการซื้อและการใช้
- เลือกซื้อแต่เฉพาะเตารีดไฟฟ้าที่แสดงเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ
- ในการใช้ เมื่อเลิกใช้อย่าเสียบปลั๊กทิ้งไว้
- เมื่อสายเตารีดชำรุด ควรเปลี่ยนใหม่ อย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะอาจเกิดไฟฟ้าช็อกได้
- เพื่อเป็นการประหยัดกระแสไฟฟ้า เสียบปลั๊กครั้งเดียวและรีดให้เสร็จไม่ควรเสียบ และถอดปลั๊กบ่อยๆ
หม้อหุงข้าวไฟฟ้า
- หม้อหุงข้าวไฟฟ้าเป็นวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีของมนุษย์ที่ใช้ความร้อนจากไฟฟ้า หุงข้าวให้สุกอย่าง
อัตโนมัติ และรักษาอุณหภูมิของข้าวได้ หม้อหุงข้าวได้พัฒนารูปแบบออกไปมากมาย เช่น มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ
มีระบบไอน้ำ และมีระบบที่สามารถประกอบอาหารได้หลายๆ อย่างเช่น นึ่ง ตุ๋น ต้ม เป็นต้น ส่วนประกอบที่สำคัญ
ของหม้อหุงข้าวไฟฟ้า คือ ปลั๊ก สายไฟฟ้าสวิตช์ แผ่นความร้อนและฉนวน ซึ่งอุปกรณ์ทุกชิ้นเหล่านี้มีความสำคัญ
ต่อคุณภาพของหม้อหุงข้าว มีผลต่ออายุการใช้งานและมีผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้- หม้อหุงข้าวไฟฟ้าตามมาตรฐาน
- มีความปลอดภัยต่อกระแสไฟฟ้าช็อก โดยมีที่จับสำหรับเปิดปิดได้สะดวก ทำด้วยวัสดุที่มีคุณภาพดี มั่นคงแข็งแรง
- มีความสามารถในการรักษาอุณหภูมิได้เหมาะสม
- ฝาหม้อไม่ได้ทำด้วย Celluloid หรือ Nitrocellueose ซึ่งเป็นสารที่ติดไฟง่ายและมีไอระเหยที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- ข้อแนะนำในการซื้อและการใช้
- อย่ากดสวิตช์เปิด-ปิด ขณะที่ไม่มีหม้อชั้นใน
- อย่าใช้วัตถุมีคม ถูหรือขัดหม้อชั้นใน เพราะจะทำให้สารที่เคลือบหม้อหลุดไปได้
- อย่าเสียบปลั๊กหรือสวิตช์ หรือจับหม้อชั้นนอกขณะที่มือเปียก เพราะอาจเกิดอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว
- ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังจากการใช้งาน
- ก่อนการใช้งานเช็ดหม้อชั้นในและแผ่นความร้อนให้แห้งสะอาดเสียก่อน
- เมื่อกดสวิตช์หุง ถ้ากดไม่ติดห้ามใช้วัสดุใดค้ำหรือกดคาไว้
- การใช้หม้อหุงข้าวครั้งต่อไป ควรรอประมาณ 10 นาที เพื่อให้หม้อหุงข้าวมีอุณหภูมิกลับสู่ปกติก่อน
- ตู้เย็นสำหรับใช้ในบ้าน
- เมื่อเวลาที่เราทำงานหนักจนเหงื่อออกหรือเมื่อถูกสาดน้ำ หากได้นั่งพักสักครู่จะรู้สึกเย็นขึ้น ทั้งนี้เพราะน้ำที่ระเหย
จากเสื้อจะพาความร้อนส่วนหนึ่งออกจากร่างกายไปด้วย หลักการพาความร้อน เช่นนี้ เรานำมาใช้เป็นหลักการทำความเย็น
ของเครื่องทำความเย็นทั้งหลายรวมทั้งตู้เย็นด้วยตู้เย็นสำหรับใช้ในบ้านตามมาตรฐาน
- ตู้เย็นมีส่วนประกอบที่สำคัญ 4 ส่วนคือ อีแวพอเรเตอร์ (evaporator) เครื่องควบแน่น (condenser) ตัวลด
ความดัน (pressure reducer) และเครื่องอัดสารทำความเย็น (compressor) ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะเป็น
ส่วนที่ช่วยชี้ว่าตู้เย็นเครื่องใดมีคุณภาพดีกว่ากัน- ตู้เย็นตามมาตรฐานขณะที่ตู้เย็นทำงาน ต้องไม่เกิดเสียงหรือสั่นสะเทือนมากเกินไป มีความปลอดภัยทางไฟฟ้า มี
ความสามารถทำน้ำแข็งตามเกณฑ์กำหนด เป็นต้นข้อแนะนำในการเลือกซื้อ
- การเลือกซื้อตู้เย็น ควรสังเกตว่าต้องมีตัวเลขอักษรหรือเครื่องหมายระบุรายละเอียด ที่มองเห็นได้ง่าย ชัดเจนและไม่ลบเลือนหรือหลุดได้ง่าย เช่น
- 1. ชื่อผู้ผลิต หรือเครื่องหมายการค้า
- 2. ประเภทของตู้เย็น
- 3. ปริมาตรภายในที่กำหนด
- 4. รหัสรุ่น
- 5. วงจรไฟฟ้า
- นอกจากนี้ ตู้เย็นทุกตู้ต้องมีคู่มือแนะนำวิธีใช้และการบำรุงรักษา ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อแนะนำ เกี่ยวกับวิธีติดตั้ง วิธีใช้
วิธีใช้อุปกรณ์ควบคุมต่างๆ และการบำรุงรักษา รวมทั้งการทำความสะอาดตู้เย็น- การเลือกซื้อตู้เย็นนอกจากจะดูรายละเอียดต่างๆ ข้างต้นแล้วควรสังเกตเพิ่มเติมในเรื่องของฉลากประหยัดไฟฟ้าด้วย เพราะปัจจุบันนี้ได้มีการติด
ฉลากที่ตู้เย็น เพื่อแสดงว่าตู้เย็นใช้พลังงานไฟฟ้าเท่าใด ค่าไฟฟ้าต่อปีเท่าใด และประสิทธิภาพอยู่ในระดับใด ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้
กับผู้บริโภคพิจารณาเลือกซื้อตู้เย็นที่มีคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น สำหรับระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าของตู้เย็น จะแบ่งเป็นตัวเลข 5 ระดับ คือ- ระดับที่ 1 เป็นระดับที่มีประสิทธิภาพ ต่ำ
- ระดับที่ 2 เป็นระดับที่มีประสิทธิภาพ พอใช้
- ระดับที่ 3 เป็นระดับที่มีประสิทธิภาพ ปานกลาง
- ระดับที่ 4 เป็นระดับที่มีประสิทธิภาพ ดี
- ระดับที่ 5 เป็นระดับที่มีประสิทธิภาพ ดีมาก
- ซึ่งบนฉลากจะแสดงระดับประสิทธิภาพเป็นตัวเลขและบอกความหมาย โดยมีตัวเลขแสดงการใช้พลังงานไฟฟ้า
เป็นหน่วยต่อปี และค่าไฟฟ้าเป็นบาทต่อปีพร้อมระบุยี่ห้อ และรุ่นของตู้เย็นประกอบด้วยอย่างชัดเจน ดังนั้น เมื่อ
เลือกซื้อตู้เย็นควรดูฉลากแสดงประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าด้วย ยิ่งตัวเลขสูงแสดงว่ายิ่งประหยัดไฟ- ข้อแนะนำการใช้และการบำรุงรักษาที่สำคัญ
- เลือกซื้อตู้เย็นที่มีขนาดความจุเหมาะสมกับความจำเป็นในการใช้งาน และควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมกับชนิดและจำนวนของอาหาร เพื่อประหยัด
ค่าไฟฟ้า - ควรตั้งตู้เย็นให้มีอากาศถ่ายเทได้ดีพอสมควร โดยอยู่ห่างจากผนังไม่น้อยกว่า 10 เซนติเมตร และห่างจากเพดานอย่างน้อย 30 เซนติเมตร
- ไม่ควรเปิดปิดประตูบ่อยๆ เพราะความร้อนและความชื้นจากอากาศภายนอก จะทำให้ตู้เย็นทำงานมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เปลืองไฟ
- ไม่ควรนำอาหารเข้าเก็บขณะที่ยังร้อนหรืออุ่นอยู่ ควรจะรอให้ความร้อนในอาหารลดลงจนเท่ากับระดับอุณหภูมิภายในห้องก่อนจึงนำเข้าเก็บได้
- ไม่ควรตั้งภาชนะที่เก็บอาหารไว้ชิดกัน หรือติดกับผนังตู้เพราะอากาศจะไม่สามารถผ่านรอบๆ ภาชนะได้
- หากเป็นตู้เย็นที่ไม่มีกลไกขจัดน้ำแข็งอัตโนมัติ ควรขจัดน้ำแข็งที่เกาะภายในตู้เย็นบ่อยๆ ถ้าเป็นฤดูร้อน ประมาณ 2 ครั้งต่อหนึ่งสัปดาห์
- ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ประกอบภายในตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ ก่อนทำความสะอาดตู้เย็นให้ถอดปลั๊กออกก่อนทุกครั้ง ห้ามใช้เบนซิน ทินเนอร์
หรือแอลกอฮอล์ ทำความสะอาดตู้เย็น - ภายนอก ภายในตู้เย็น ควรใช้ผ้านุ่มชุบน้ำสบู่เช็ดและเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำที่สะอาดแล้วตามด้วยผ้าแห้ง ควรทำความสะอาดตู้เย็นอย่างน้อยเดือนละครั้ง
- ยางขอบประตู ซึ่งมีความชื้น และฝุ่นละอองจับเกาะ ทำให้เกิดจุดด่างดำ ควรทำความสะอาดบ่อยๆ โดยใช้แปรงอ่อนๆ จุ่มน้ำสบู่ถูเบาๆ ล้างด้วยน้ำ
สะอาดและเช็ดให้แห้ง
- เตารีดไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทุกครัวเรือน ช่วยให้งานรีดเสื้อผ้าของแม่บ้านเป็นไปโดย
แหล่งอ้างอิง:
คัดจากคู่มือการซื้อและการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน