ศาสนา 05
ศาสดาและประวัติของศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์เหมือนกับศาสนาใหญ่อื่น ๆ คือ มีศาสนาหรือผู้กอตั้ง (Founder) ผู้เป็นศาสดา ของศาสนาคริสต์ก็คือ พระจีซัสไครสต์ (Jesus Christ) หรือที่เรียกกันว่า พระเยซูคริสต์
สกุลกำเนิด..:
..........ก่อนที่พระเยซูอุบัติ ประวัติศาสตร์ของชนชาติยิวที่เป็นมายังกระจัดกระจาย ไม่สามารถ รวมกัน เป็นปึกแผ่นได้ จวบจนถึงสมัยตกอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน มีหัวหน้าซึ่งเป็น นักพรตของศาสนายิว ประจำอยู่ที่กรุงเยรูซาเลม เมื่อ พ.ศ. 543 หรือ ปีที่ 1 แห่งคริสต์ศักราช (บางตำรากล่าวว่าก่อน คริสต์ศักราช 4 ปี ) พระเยซูไครสต์ได้สมภพขึ้น ในโลกที่ตำบล เบธเลเอ็ม (ฺBethlehem) แคว้นยูดา ในประเทศปาเลสไตน์วันที่ ทรงสมภพไม่มีบันทึกไว้ แน่นอน พระศาสนาจักรได้กำหนดเอาวันที่ 25 ธันวาคม และวันดังกล่าวนี้ชาวคริสต์ถือเป็น วันคริสต์มาส บริเวณที่ทรงสมภพเป็นคอกเลี้ยงสัตว์ โดยเป็นบุตรของโยเซฟ และนางมาเรีย ตระกูลช่างไม้ นางมาเรียนั้นเป็นผู้สืบสกุลมาจาก พระเจ้าเดวิล โดยเป็นธิดาของโยคิมและนาง แอนนา ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าเมื่อโยคิม กับแอนนาสมรสอยู่กิน กันมาเป็นเวลานาน แต่ก็ หามีบุตรไม่ โยคิมจึงได้บวงสรวงงอ้อนวอน พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ประทานบุตร ที่ดีให้สักคน หนึ่ง เมื่อได้บวสรวงเช่นนี้บ่อย ๆ เข้า ในที่สุดโยคิมก็ได้บุตรีสมความมุ่งหมาย ได้ตั้งชื่อว่า มาเรีย นางแอนนาได้นำมาเรียไปถวาย ไว้ที่วัดตั้งแต่ยังเยาว์ เพื่อให้ได้เรียนวิชาศาสนาและ การเย็บปักถักร้อย ต่อมาไม่นาน
........บิดามารดาของมาเรียได้ถึงแก่กรรม เมื่อมาเรียโตขึ้นเป็นสาวแล้ว พวกพระที่วัดเห็นว่านางสมควรจะมีสามีได้ แต่นางไม่สมัครใจจะมีสามี แต่ก็สุดวิสัยที่จะหลีกเลี่ยงได้ เพราะกฎหมายบ้านเมืองมีอยู่ว่า หญิงสาวจะไม่มีผู้ปกครองไม่ได้ พวกพระเห็นว่าโยเชพซึ่งเป็นคนจน มีอาชีพในทางเป็นช่างไม้ เป็นผู้สมควร จึงแนะนำให้โยเชพไปสู่ขอ นางมาเรียจึงรับหมั่น เมื่อสู่ขอรับหมั้นได้แล้วยังไม่ได้แต่งงานอยู่กินด้วยกัน แต่ปรากฏว่านางมาเรียมีครรภ์แล้ว (อาจจะเป็นด้วยเดชพระวิญญานบริสุทธิ์ก็ได้) ส่วนโยเซพคู่หมั่นของนางก็เป็นคนดีมีความสัตย์ซื่อ ไม่ต้องการที่จะให้ข่าวนี้แพร่หลาย จึงคิดที่จะให้นางมาเรียหลบหนีไปเสียอย่างลับ ๆ แต่เมื่อโยเซฟยังตริตรองด้วยเรื่องนี้ ในค่ำคืนวันนั้นก็ได้มีทูตของพระเจ้ามาสำแดงในฝันว่า
..รับศีลจุ่มและออกประกาศศาสนา..:
..........เมื่อพระเยซูมีพระชนมายุ 30 พรรษา ได้พบกับโยฮันหรือจอห์น ผู้ให้ศีลจุ่ม (John the Baptist) การรับศึกษาศีลจุ่มหรือแบบติสมาเป็นการใช้น้ำ เป็นเครื่องหมายภายนอกเทลงศีรษะ 3 ครั้ง หมายถึง การชำระล้างบาปมลทินโทษต่าง ๆ อันเป็นเครื่องหมายแสดงว่าผู้เข้าพิธีเป็นผู้เข้าถึงพระเจ้า ทำนองเดียวกับการรับ ไตรสรณคนม์ในพุทธศาสนา พระเยซูได้ขอรับแบบติสมาหรือศีลจุ่มตามลัทธิของโยฮัน ณ บริเวณแม่น้ำจอร์แดน การขอรับแบบติสมานี้ครั้งแรกโยฮันทูลห้ามพระเยซูว่า ..........“ข้าพเจ้าต้องการขอรับปบบติสมาจากพระองค์มากกว่า ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพเจ้า?” แต่พระเยซูตรัสตอบโต้โยฮันว่า “บัดนี้จงยอมเถิด เพราะว่าควรเราจะกระทำให้ความชอบสำเร็จทั้งสิ้น”