ธาตุต่างๆ ที่เป็นอันตรายพบได้ในขยะอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับธาตุต่างๆ ที่เป็นอันตรายพบได้ในขยะอิเล็กทรอนิกส์ มีดังต่อไปนี้
- ตะกั่ว : เป็นส่วนประกอบของการบัดกรีร่วมกับดีบุกในแผงวงจร พบได้ในลวดบัดกรี จอมอนิเตอร์ CRT (ตะกั่วในแก้ว) แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด
- ดีบุก : ลวดบัดกรี
- แคดเมียม: เป็นส่วนประกอบของแบตเตอรี่บางประเภท
- สารทนไฟซึ่งทำจากโบรมีน : ซึ่งใช้ในกล่องสายไฟ แผงวงจรและตัวเชื่อมตัว อาจเป็นพิษและสะสมในสิ่งมีชีวิต ถ้ามีทองแดงร่วมด้วย จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดไดอ๊อกซินและฟิวแรนระหว่างการเผา
- เบริลเลียม : ใช้ในสปริงและตัวเชื่อม แผ่นหน้าของหลอดรังสีแคโทด
- สารหนู (arsenic) : ใช้ในแผงวงจรไฟฟ้าของโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์
- ทองแดง : สายทองแดง ลายทองแดงบนแผ่นวงจรพิมพ์
- อะลูมิเนียม : สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งหมดจะใช้กำลังไฟฟ้ามากกว่าสองสามวัตต์ จึงต้องใช้แผ่นครีบระบายความร้อน (heatsink)
- เหล็ก : โครงเหล็กกล้า, ตัวถัง ชิ้นส่วนภายนอก
- ซิลิกอน : แก้ว ทรานซิสเตอร์ ไอซี แผ่นวงจรพิมพ์
- นิกเกิล แคดเมียม : แบตเตอรี่นิกเกิล-แคดเมียมแบบชาร์จได้ ฝุ่นนิกเกิลถูกจัดว่าเป็นสารก่อมะเร็งในสัตว์ทดลอง
- ลิเทียม : องค์ประกอบของแบตเตอรี่ แบตเตอรีลิเทียม-ไอออน
- สังกะสี : ชุบส่วนเหล็กกล้า
- ทองคำ : ชุบขั้วต่อ, เดิมใช้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
- อเมริเซียม : เตือนควัน (แหล่งกัมมันตรังสี)
- เยอรมาเนียม : ในทศวรรษ 1950 – 1960 มีการใช้สารกึ่งตัวนำเป็นวัสดุในการทำทรานซิสเตอร์
- ปรอท : หลอดฟลูออเรสเซนต์ สวิตช์เอียง เกมพินบอลล์ ที่กดกริ่งประตูแบบเชิงกล
- กำมะถัน : แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด
- คาร์บอน : เหล็กกล้า พลาสติก รีซิสเตอร์ ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทบทุกชิ้น
แม้ขยะเหล่านี้จะเป็นอันตราย แต่ต้องไม่ลืมว่าอีกด้านหนึ่งหากมีกระบวนการจัดการที่เหมาะสม จะสามารถสกัดแยกโลหะมีค่าออกจากซากขยะเหล่านี้ได้ อย่างกรณี ประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถสกัดแยกทองคำ 1 กิโลกรัมได้จากโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 แสนเครื่อง รวมทั้งการสกัดแยกทองคำ พาลาเดียม และทองแดง จากชิ้นส่วนตัวต้านทานในวงจรคอมพิวเตอร์
แต่ในปัจจุบัน ความสามารถในการสกัดแยกโลหะด้วยวิธีที่มีคุณภาพไม่ส่งกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพยังอยู่ในวงจำกัดเท่านั้น