• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:58642eeb299fc6d05d2ccff2e6227ea8' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<a href=\"/node/51430/edit\">แหล่งก่อเกิดของสรรพสิ่ง (THE ORIGIN OF EVERYTHING) </a>\n</p>\n<p>\n             นับตั้งแต่เริ่มมีวิวัฒนาการของมนุษยชาติเป็นต้นมา  ในตอนแรก ผู้คนต่างก็กระหายใคร่รู้เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ล้อมรอบตัวก่อน  ต่อมาเมื่อมีความรู้เพิ่มขึ้นก็อยากรู้ไปถึงสิ่งที่อยู่บนฟากฟ้าด้วย และเพื่อที่จะให้ผู้อื่นเข้าใจในสิ่งที่ตนคิดก็ตั้งทฤษฎีต่าง ๆ ขึ้น  ซึ่งมีทั้งทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และทฤษฎีทางศาสนา แต่แล้วเมื่อมีคำอธิบายใหม่ออกมาก็มีคำถามตามมาด้วยเช่นกัน ในปัจจุบันเรากำลังมีแนวคิดเรื่องก่อเกิดของเอกภพ (Universe)   ที่ค่อนข้างจะตรงกับความเป็นจริงมากกว่าในอดีต\n</p>\n<p align=\"center\">\nการระเบิดครั้งใหญ่ (THE GREAT EXPLOSION)<br />\n           ทฤษฎีว่าด้วยการระเบิดครั้งแรกที่ก่อให้เกิดเอกภพ   เรียกว่า  &quot;บิ๊กแบง&quot; (Big Bang)\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" src=\"/files/u18979/45.jpg\" height=\"150\" width=\"165\" />\n</p>\n<p>\n1.  แต่เติมเคยเป็นมวลที่มีความหนาแน่นสูง กอปรขึ้นด้วยสารเนื้อแน่น   ที่หนักกว่าหินต่าง ๆ บนโลกของเราเป็นพัน ๆ เท่า และแล้ววันหนึ่งเมื่อประมาณ 15,000 ล้านปีมาแล้ว  สสารดังกล่าวก็ได้ระเบิดขึ้น\n</p>\n<p>\n2.  ทำให้แตกออกเป็นชิ้นส่วนย่อย ๆ  มากมายกระจายออกไปโดยรอบทุกทิศทาง\n</p>\n<p>\n3.  การแล็กซี่จำนวนมาก  ดาวฤกษ์ต่าง ๆ  และเทห์ฟากฟ้าอื่น ๆ  อีกนับไม่ถ้วนก็ได้ก่อเกิดมาจากชิ้นส่วนเหล่านั้น  และต่างก็เคลื่อนที่ห่างออกจากกันและกัน ที่อยู่ใกล้กันก็ดึงดูดเหนี่ยวรั้งกันและกันไว้เป็นกลุ่ม ๆ  เกิดเป็นระบบขึ้น  อย่างเช่น การแล็กซี่ต่าง ๆ  ซึ่งประกอบขึ้นด้วยดาวฤกษ์นับเป็นพัน ๆ \n</p>\n<p>\n4.  การแล็กซี่เเหล่านั้นต่างก็เคลื่อนที่ไปในอวกาศห่างออกจากกันและกันทุกขณะ\n</p>\n<p>\n ปัญหาหนึ่งที่มีมาเนิ่นเนิ่นนานนับแต่เริ่มมีอารยธรรม (A PROBLEM  AS OLD AS CIVILIZATION)<br />\n       เมื่อคนโบราณมองดูท้องฟ้าอันระยิบระยับด้วยดวงดาวที่กำลังคล้อยเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ  ในยามค่ำคืนนั้น พวกเขาสงสัยว่าแสงที่เห็นนั้นมีที่อยู่ตรงไหน  และเคลื่อนที่ไปเพราะเหตุใด พวกเขาคิดว่าโลกของเรานี้แบนเหมือนกับจานใบหนึ่งที่ห้อมล้อมไปด้วยสิ่งที่มีรูปร่างเป็นทรงกลมจำนวนมาก  มีดาวฤกษ์ต่าง ๆ  แต่ละดวงประกบติดอยู่กับแต่ละทรงกลม  ดาวฤกษ์ดวงหนึ่งก็อยู่ที่ทรงกลมหนึ่ง  ดวงเคราะห์แต่ละดวงก็อยู่ที่แต่ละทรงกลม  ดวงอาทิตย์ก็อยู่อีกทรงกลมหนึ่ง  ดวงจันทร์ก็อยู่อีกทรงกลมหนึ่ง  ซึ่งในสมัยเมื่อ  5,000 ปีที่แล้วมานั้นความคิดเช่นนี้เป็นที่ยอมรับกันว่าถูกต้อง  แม้จะเป็นสิ่งที่น่าขันสำหรับพวกเราในปัจจุบันที่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็ตามที\n</p>\n<p>\n การสำรวจอวกาศและเอกภพ (SPACE EXPLORATION AND THE UNIVERSE)<br />\n        ด้วยคุณค่าของดาวเทียมต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น  และสถานีอวกาศใหม่ ๆ  ทำให้สามารถสังเกตการณ์เอกภพได้โดยไม่มีบรรยากาศของโลกมาบัง  กล้องโทรทรรศน์สำหรับใช้ในอวกาศที่มีใช้กันอยู่หลายตัวในเวลานี้ก็เป็นสิ่งอำนวยให้ได้ข้อมูลอันมีค่ายิ่งต่อการยืนยันทฤษฎีต่าง  ที่เพิ่งจะมีการตั้งกันขึ้นล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้  นับแต่การระเบิดใหญ่ในตอนแรก  สสารดังเดิมทั้งมวลก็ขยายตัวแผ่กว้างออกไปพร้อมกับเคลื่อนที่ห่างออกจากกันมาโดยตลอด  ซึ่งบางทีอาจจะมีเวลาหนึ่งที่สสารเหล่านั้นจะกลับมารวมตัวกัน และควบแน่นเข้าจนกระทั่งมีมวลแน่นถึงขึดสุดแล้วะเบิดขึ้นอีกครั้ง  ทำให้ดาวฤกษ์ต่าง ๆ และกาแล็กซึ่ใหม่ ๆ ก่อตัวขึ้นอีกรอบ  อาการแบบนี้รู้จักกันว่าเป็น &quot;จังหวะขยายและหดตัวของเอกภพ (Pulsating Universe)\n</p>\n<p>\nแหล่งอ้างอิง : <a href=\"/library/teachershow/phayao/oraphin_s/darasat/section1_p01.html\">http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/phayao/oraphin_s/darasat/section1_p01.html</a>\n</p>\n', created = 1729461356, expire = 1729547756, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:58642eeb299fc6d05d2ccff2e6227ea8' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

แหล่งก่อเกิดของสรรพสิ่ง

แหล่งก่อเกิดของสรรพสิ่ง (THE ORIGIN OF EVERYTHING)

             นับตั้งแต่เริ่มมีวิวัฒนาการของมนุษยชาติเป็นต้นมา  ในตอนแรก ผู้คนต่างก็กระหายใคร่รู้เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ล้อมรอบตัวก่อน  ต่อมาเมื่อมีความรู้เพิ่มขึ้นก็อยากรู้ไปถึงสิ่งที่อยู่บนฟากฟ้าด้วย และเพื่อที่จะให้ผู้อื่นเข้าใจในสิ่งที่ตนคิดก็ตั้งทฤษฎีต่าง ๆ ขึ้น  ซึ่งมีทั้งทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และทฤษฎีทางศาสนา แต่แล้วเมื่อมีคำอธิบายใหม่ออกมาก็มีคำถามตามมาด้วยเช่นกัน ในปัจจุบันเรากำลังมีแนวคิดเรื่องก่อเกิดของเอกภพ (Universe)   ที่ค่อนข้างจะตรงกับความเป็นจริงมากกว่าในอดีต

การระเบิดครั้งใหญ่ (THE GREAT EXPLOSION)
           ทฤษฎีว่าด้วยการระเบิดครั้งแรกที่ก่อให้เกิดเอกภพ   เรียกว่า  "บิ๊กแบง" (Big Bang)

1.  แต่เติมเคยเป็นมวลที่มีความหนาแน่นสูง กอปรขึ้นด้วยสารเนื้อแน่น   ที่หนักกว่าหินต่าง ๆ บนโลกของเราเป็นพัน ๆ เท่า และแล้ววันหนึ่งเมื่อประมาณ 15,000 ล้านปีมาแล้ว  สสารดังกล่าวก็ได้ระเบิดขึ้น

2.  ทำให้แตกออกเป็นชิ้นส่วนย่อย ๆ  มากมายกระจายออกไปโดยรอบทุกทิศทาง

3.  การแล็กซี่จำนวนมาก  ดาวฤกษ์ต่าง ๆ  และเทห์ฟากฟ้าอื่น ๆ  อีกนับไม่ถ้วนก็ได้ก่อเกิดมาจากชิ้นส่วนเหล่านั้น  และต่างก็เคลื่อนที่ห่างออกจากกันและกัน ที่อยู่ใกล้กันก็ดึงดูดเหนี่ยวรั้งกันและกันไว้เป็นกลุ่ม ๆ  เกิดเป็นระบบขึ้น  อย่างเช่น การแล็กซี่ต่าง ๆ  ซึ่งประกอบขึ้นด้วยดาวฤกษ์นับเป็นพัน ๆ 

4.  การแล็กซี่เเหล่านั้นต่างก็เคลื่อนที่ไปในอวกาศห่างออกจากกันและกันทุกขณะ

 ปัญหาหนึ่งที่มีมาเนิ่นเนิ่นนานนับแต่เริ่มมีอารยธรรม (A PROBLEM  AS OLD AS CIVILIZATION)
       เมื่อคนโบราณมองดูท้องฟ้าอันระยิบระยับด้วยดวงดาวที่กำลังคล้อยเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ  ในยามค่ำคืนนั้น พวกเขาสงสัยว่าแสงที่เห็นนั้นมีที่อยู่ตรงไหน  และเคลื่อนที่ไปเพราะเหตุใด พวกเขาคิดว่าโลกของเรานี้แบนเหมือนกับจานใบหนึ่งที่ห้อมล้อมไปด้วยสิ่งที่มีรูปร่างเป็นทรงกลมจำนวนมาก  มีดาวฤกษ์ต่าง ๆ  แต่ละดวงประกบติดอยู่กับแต่ละทรงกลม  ดาวฤกษ์ดวงหนึ่งก็อยู่ที่ทรงกลมหนึ่ง  ดวงเคราะห์แต่ละดวงก็อยู่ที่แต่ละทรงกลม  ดวงอาทิตย์ก็อยู่อีกทรงกลมหนึ่ง  ดวงจันทร์ก็อยู่อีกทรงกลมหนึ่ง  ซึ่งในสมัยเมื่อ  5,000 ปีที่แล้วมานั้นความคิดเช่นนี้เป็นที่ยอมรับกันว่าถูกต้อง  แม้จะเป็นสิ่งที่น่าขันสำหรับพวกเราในปัจจุบันที่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็ตามที

 การสำรวจอวกาศและเอกภพ (SPACE EXPLORATION AND THE UNIVERSE)
        ด้วยคุณค่าของดาวเทียมต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น  และสถานีอวกาศใหม่ ๆ  ทำให้สามารถสังเกตการณ์เอกภพได้โดยไม่มีบรรยากาศของโลกมาบัง  กล้องโทรทรรศน์สำหรับใช้ในอวกาศที่มีใช้กันอยู่หลายตัวในเวลานี้ก็เป็นสิ่งอำนวยให้ได้ข้อมูลอันมีค่ายิ่งต่อการยืนยันทฤษฎีต่าง  ที่เพิ่งจะมีการตั้งกันขึ้นล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้  นับแต่การระเบิดใหญ่ในตอนแรก  สสารดังเดิมทั้งมวลก็ขยายตัวแผ่กว้างออกไปพร้อมกับเคลื่อนที่ห่างออกจากกันมาโดยตลอด  ซึ่งบางทีอาจจะมีเวลาหนึ่งที่สสารเหล่านั้นจะกลับมารวมตัวกัน และควบแน่นเข้าจนกระทั่งมีมวลแน่นถึงขึดสุดแล้วะเบิดขึ้นอีกครั้ง  ทำให้ดาวฤกษ์ต่าง ๆ และกาแล็กซึ่ใหม่ ๆ ก่อตัวขึ้นอีกรอบ  อาการแบบนี้รู้จักกันว่าเป็น "จังหวะขยายและหดตัวของเอกภพ (Pulsating Universe)

แหล่งอ้างอิง : http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/phayao/oraphin_s/darasat/section1_p01.html

สร้างโดย: 
panotporn

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 345 คน กำลังออนไลน์