แหล่งก่อเกิดของสรรพสิ่ง
แหล่งก่อเกิดของสรรพสิ่ง (THE ORIGIN OF EVERYTHING)
นับตั้งแต่เริ่มมีวิวัฒนาการของมนุษยชาติเป็นต้นมา ในตอนแรก ผู้คนต่างก็กระหายใคร่รู้เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ล้อมรอบตัวก่อน ต่อมาเมื่อมีความรู้เพิ่มขึ้นก็อยากรู้ไปถึงสิ่งที่อยู่บนฟากฟ้าด้วย และเพื่อที่จะให้ผู้อื่นเข้าใจในสิ่งที่ตนคิดก็ตั้งทฤษฎีต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งมีทั้งทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และทฤษฎีทางศาสนา แต่แล้วเมื่อมีคำอธิบายใหม่ออกมาก็มีคำถามตามมาด้วยเช่นกัน ในปัจจุบันเรากำลังมีแนวคิดเรื่องก่อเกิดของเอกภพ (Universe) ที่ค่อนข้างจะตรงกับความเป็นจริงมากกว่าในอดีต
การระเบิดครั้งใหญ่ (THE GREAT EXPLOSION)
ทฤษฎีว่าด้วยการระเบิดครั้งแรกที่ก่อให้เกิดเอกภพ เรียกว่า "บิ๊กแบง" (Big Bang)
1. แต่เติมเคยเป็นมวลที่มีความหนาแน่นสูง กอปรขึ้นด้วยสารเนื้อแน่น ที่หนักกว่าหินต่าง ๆ บนโลกของเราเป็นพัน ๆ เท่า และแล้ววันหนึ่งเมื่อประมาณ 15,000 ล้านปีมาแล้ว สสารดังกล่าวก็ได้ระเบิดขึ้น
2. ทำให้แตกออกเป็นชิ้นส่วนย่อย ๆ มากมายกระจายออกไปโดยรอบทุกทิศทาง
3. การแล็กซี่จำนวนมาก ดาวฤกษ์ต่าง ๆ และเทห์ฟากฟ้าอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนก็ได้ก่อเกิดมาจากชิ้นส่วนเหล่านั้น และต่างก็เคลื่อนที่ห่างออกจากกันและกัน ที่อยู่ใกล้กันก็ดึงดูดเหนี่ยวรั้งกันและกันไว้เป็นกลุ่ม ๆ เกิดเป็นระบบขึ้น อย่างเช่น การแล็กซี่ต่าง ๆ ซึ่งประกอบขึ้นด้วยดาวฤกษ์นับเป็นพัน ๆ
4. การแล็กซี่เเหล่านั้นต่างก็เคลื่อนที่ไปในอวกาศห่างออกจากกันและกันทุกขณะ
ปัญหาหนึ่งที่มีมาเนิ่นเนิ่นนานนับแต่เริ่มมีอารยธรรม (A PROBLEM AS OLD AS CIVILIZATION)
เมื่อคนโบราณมองดูท้องฟ้าอันระยิบระยับด้วยดวงดาวที่กำลังคล้อยเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ในยามค่ำคืนนั้น พวกเขาสงสัยว่าแสงที่เห็นนั้นมีที่อยู่ตรงไหน และเคลื่อนที่ไปเพราะเหตุใด พวกเขาคิดว่าโลกของเรานี้แบนเหมือนกับจานใบหนึ่งที่ห้อมล้อมไปด้วยสิ่งที่มีรูปร่างเป็นทรงกลมจำนวนมาก มีดาวฤกษ์ต่าง ๆ แต่ละดวงประกบติดอยู่กับแต่ละทรงกลม ดาวฤกษ์ดวงหนึ่งก็อยู่ที่ทรงกลมหนึ่ง ดวงเคราะห์แต่ละดวงก็อยู่ที่แต่ละทรงกลม ดวงอาทิตย์ก็อยู่อีกทรงกลมหนึ่ง ดวงจันทร์ก็อยู่อีกทรงกลมหนึ่ง ซึ่งในสมัยเมื่อ 5,000 ปีที่แล้วมานั้นความคิดเช่นนี้เป็นที่ยอมรับกันว่าถูกต้อง แม้จะเป็นสิ่งที่น่าขันสำหรับพวกเราในปัจจุบันที่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็ตามที
การสำรวจอวกาศและเอกภพ (SPACE EXPLORATION AND THE UNIVERSE)
ด้วยคุณค่าของดาวเทียมต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น และสถานีอวกาศใหม่ ๆ ทำให้สามารถสังเกตการณ์เอกภพได้โดยไม่มีบรรยากาศของโลกมาบัง กล้องโทรทรรศน์สำหรับใช้ในอวกาศที่มีใช้กันอยู่หลายตัวในเวลานี้ก็เป็นสิ่งอำนวยให้ได้ข้อมูลอันมีค่ายิ่งต่อการยืนยันทฤษฎีต่าง ที่เพิ่งจะมีการตั้งกันขึ้นล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ นับแต่การระเบิดใหญ่ในตอนแรก สสารดังเดิมทั้งมวลก็ขยายตัวแผ่กว้างออกไปพร้อมกับเคลื่อนที่ห่างออกจากกันมาโดยตลอด ซึ่งบางทีอาจจะมีเวลาหนึ่งที่สสารเหล่านั้นจะกลับมารวมตัวกัน และควบแน่นเข้าจนกระทั่งมีมวลแน่นถึงขึดสุดแล้วะเบิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้ดาวฤกษ์ต่าง ๆ และกาแล็กซึ่ใหม่ ๆ ก่อตัวขึ้นอีกรอบ อาการแบบนี้รู้จักกันว่าเป็น "จังหวะขยายและหดตัวของเอกภพ (Pulsating Universe)
แหล่งอ้างอิง : http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/phayao/oraphin_s/darasat/section1_p01.html