อาณาจักรล้านนา
อาณาจักรโบราณสำคัญบริเวณดินแดนประเทศไทย
ขอบคุณภาพจาก : http://www.chiangmai-thailand.net/lanna_history_adeet-putjubun/DSC-
พญาแสนพู (พ.ศ.1868 – 1877) พระองค์แต่งตั้งให้ท้าวคำฟู ซึ่งเป็นพระราชโอรสไปครองเมืองเชียงใหม่ ส่วนพระองค์ยังคงประทับอยู่ที่เชียงราย ในปี พ.ศ.1870 ได้สร้างเมืองเชียงแสนในบริเวณเมืองเงินยาง มีเป้าหมายเพื่อป้องกันศึกด้านเหนือ เพราะเชียงแสนตั้งริมแม่น้ำโขงและใช้แม่น้ำโขงเป็นคูเมืองธรรมชาติ หลังจากสร้างเชียงแสนแล้ว พญาแสนพูประทับที่เมืองเชียงรายตลอดรัชสมัย
พญาคำฟู (พ.ศ. 1877 – 1879) พญาคำฟูประทับที่เมืองเชียงแสน ส่วนเมืองเชียงใหม่ทรงแต่งตั้งให้ท้าวผายู ปกครองแทน อาณาจักรล้านนาในสมัยนี้มีความเข้มแข็งเห็นได้จากนโยบายขยายอาณาเขตไปทางตะวันออก โดยเริ่มทำสงครามกับพะเยา สามารถยึดเมืองพะเยาได้ เมืองพะเยาจึงถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรล้านนานับแต่นั้นมา หลังจากยึดพะเยาได้แล้ว พญาคำฟูขยายอำนาจไปยังเมืองแพร่แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
พญาผายู (พ.ศ.1879 – 1898) เสนาอำมาตย์ทั้งหลายอภิเษกท้าวยายูเป็นกษัตริย์ล้านนา พญาผายูไม่เสด็จไปประทับที่เมืองเชียงแสน ทรงประทั้บที่เชียงใหม่ เหตุที่ย้ายที่ประทับลงมาเชียงใหม่ อาจเป็นเพราะเขตทางตอนบนมีความมั่นคง โดยสามารถสร้างเมืองเชียงแสนเป็นปราการป้องกันศึกฮ่อได้อย่างเข้มแข็ง และสามารถผนกพะเยาได้ ขณะเดียวกั้นพญาผายูทรงสร้างความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับเชียงของในเขตลุ่มน้ำกก โดยการอภิเษกกับพระนางจิตราเทวี ราชธิดาของเจ้าเมืองเชียงของ พญาผายูทรงสร้างวัดลีเชียงพระ (วัดพระสิงห์) ให้เป็นวัดสำคัญของเชียงใหม่
พระเจ้ากือนา (พ.ศ.1898 – 1928) พระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและทรงปรีชาสามารถในวิชาศิลปะศาสตร์ทุกแขนง บ้านเมืองมีความอุดมสมบูรณ์ทั่วไป เหตุการณ์สำคัญในสมัยพญากือนา คือ การรับเอาพระพุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์จากสุโขทัย โดยก่อนหน้านั้นพระพุทธศาสนาสืบทอดจากหริภุญไชย และยังดั้บอิทธิพลจากหงสาวดีและอังวะ ผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิม
พญากือนารับพระพุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์จากสุโขทัย โดยมีพระประสงค์จะให้พระภิกษุอรัญญวาสีมาอยู่ที่เชียงใหม่ และสามารถทำสังฆกรรมได้ทั้งหมด พญากือนาทรงอาราธนาพระสุมนเถระจากสุโขทัย ใน พ.ศ. 1912 พระสุมนเถระเดินทางถึงเมืองหริภุญไชยพร้อมทั้งอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาด้วย พระสุมนเถระ จำพรรษาที่วัดพระยืนในเมืองหริภุญไชย พญากือนาทรงเลือมใสศรัทธาในพระสุมนเถระมาก เนื่องจากมีความเชื่อว่าพระภิกษุอรัญญวาสีเป็นพระภิกษุที่มีความรู้ลึกซึ้งในพระพุทธศาสนาและถือกันว่าพุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์เป็นพระพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ เพราะทการสังฆกรรมถูกต้องมาแต่โบราณ ดังนั้นพญากือนาจึงอาราธนาพระนิกายเดิม อันสืบเนื่องมาจากสมัยพระนางจามเทวีให้บวชใหม่ถึง 8,400 รูป
ใน พ.ศ. 1914 พญากือนาทรงสร้างวัดบุปผาราม หรือวัดสวนดอกในอุทธยานป่าไม้พะยอม เพื่อเป็นที่จำพรรษาของพระสุมนเถระ และได้สร้างเวียงสวนดอกให้เป็นเวียงพระธาตุ เมื่อประมาณ พ.ศ. 1916 พญากือนาโปรดให้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งพระสุมนเถระอัญเชิญมาจากสุโขทัย โดยประดิษฐานไว้ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ และวัดบุปผาราม พระสุมนเถรจำพรรษาอยู่ทีวัดบุปผารามตลอดจนมรณภาพใน พ.ศ.1932 นับว่าพระสุมนเถระมีบทบาทสำคัญต่อการวางรากฐานพุทธศาสนาลังกาวงศ์ในเชียงใหม่
วัดบุปผารามเป็นศูนย์กลางของพุทธศษสนานิกายลังกาวงศ์ หรือเรียกว่า นิกายวัดสวนดอก หรือนิกายรามัญ เนื่องจากพระสุมนเถระได้บวชเรียนจากสำนักพระมหาสวามีอุทุมพรที่เมืองเมาะตะมะในรามัญประเทศ พญากือนาทรงสนับสนุนให้พระภิกษุจากเมืองต่างๆ เช่น เชียงแสน เชียงตุง เดินทางมาศึกษาพระพุทธศาสนา ที่วัดบุปผาราม เชียงใหม่จึงเป็นศูนย์กลางของศาสนาแทนหริภุญไชย
พญาแสนเมืองมา (พ.ศ. 1928 – 1944) เป็นโอรสของพญากือนา เมื่อขึ้นครองราช ท้าวมหาพรหม พระอนุชาของพระเจ้ากือนาซึ่งครองอยู่ที่เมืองเชียงราย ได้ยกทัพมาแย่งชิงเมืองเชียงใหม่ แต่ประสบความล้มเหลว ท้าวมหาพรหมจึงขอความช่วยเหลือไปที่กรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นสมัยของขุนหลวงพะงั่ว พ.ศ. 1929 กองทัพกรุงศรีอยุธยาจึงยกเข้ามาตีล้านนา โดยเข้าปล้นเมืองลำปาง ซึ่งไม่สำเร็จ กองทัพอยุธยาเป็นฝ่ายล่าถอยกลับไปครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่อยุธยาขึ้นมาทำสงครามกับล้านนา ส่วนท้าวมหาพรหมภายหลังขัดแย้งกับพญาใต้ จึงกลับมาล้านนา พญาแสนเมืองมาส่งให้ไปครองเมืองเชียงรายเช่นเดิม หลังจากทีอยุธยาตีล้านนาไม่สำเร็จ พญาแสนเมืองมาได้ขยายอำนาจลงสู่ทางใต้เมื่อได้โอกาส เพราะสุโขทัยขอกำลังกองทัพล้านนาลงมาช่วยต่อสู้กับอยุธยา แต่สถานการณ์เปลี่ยนแปลง เพราะขุนหลวงพะงั่วเสด็จสวรรคตก่อน ฝ่ายสุโขทัยจึงหันมาโจมตีล้านนา กองทัพล้านนาพ่ายแพ้เสียหายมาก ในสมัยพญาแสนเมืองมาได้ทรงเริ่มสร้าง “เจดีย์หลวง” เมื่อ พ.ศ. 1934 ซึ่งไม่แล้วเสร็จในสมัยของพระองค์
พญาสามประหญาฝั่งแกน (พ.ศ. 1945 – 1985) เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ ท้าวยี่กุมกาม เจ้าเมืองเชียงรายซึ่งเป็นพระเชษฐาไม่พอใจที่ไม่ได้ครองราชย์ จึงขอกองทัพจากสุโขทัยมาช่วยรบแย่งเมืองเชียงใหม่ ผลท้าวยี่กุมกามพ่ายแพ้หนีไปพึ่งเจ้าเมืองสุโขทัย หลังจากนั้นพญาสามประหญาฝั่งแกนต้องทำสงครามกับฮ่อ สาเหตุเพราะฮ่อไม่พอใจที่ล้านนาไม่ส่งส่วยให้ พญาสามประหญาฝั่งแกนเกณฑ์ทัพจากเชียงใหม่ เชียงแสน ฝาง เชียงราย เชียงของ และพะเยา เข้าทำศึกกับฮ่อ นับเป็นสงครามใหญ่ กองทัพฮ่อพ่ายแพ้ ถูกกองทัพล้านนาติดตามขับไล่จนสุดดินแดนสิบสองปันนา และยังได้ตั้งเมืองยองเป็นเมืองขึ้นตรงต่อเชียงใหม่ ให้เป็นเมืองหน้าด่านตอนบนเพื่อต่อต้านฮ่อ
ในสมัยพระยาติโลกราช (พ.ศ.1948 – 2030) เป็นโอรสอันดับที่ 6 ของพญาประหญาสามฝั่งแกน เดิมชื่อ ท้าวลก ครองเมืองพร้าว เมื่อขึ้นครองราชย์แล้วทรงสร้างความมั่นคงภายในอาณาจักรล้านนา โดยใช้เวลาประมาณ 10 ปีสร้างอาณาจักรล้านนาให้เข็มแข็ง ดังจะเห็นได้จากการขยายอำนาจลงทางใต้ ทรงทำสงครามกับอยุธยาในสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงแก้ไขการขยายอำนาจของพระเจ้าติโลกราช โดยเสด็จขึ้นครองเมืองพิษณุโลก ในพ.ศ. 2006 ในการทำสงครามกับล้านนา พระบรมไตรโลกนาถนอกจากจะทรงใช้กำลังทหารโดยตรงแล้ว ยังใช้พุทธศาสนาและไสยศาสตร์เป็นเครื่องมือ แต่ไม่สำเร็จ ซึ่งเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้คนในสมัยนั้นมีความเชื่อในเรื่องของไสยศาสตร์มาก จนถึงปี พ.ศ. 2018 อยุธยากับล้านนาก็เป็นไมตรีกัน
พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองมาก พระองค์ทรงเลื่อมใสและทำนุบำรุงพุทธศษสนานิกายสีหล โดยพระองค์อาราธนาพระมหาเมธังกร พระภิกษุนิกายสีหลจากเมืองลำพูนมาจำพรรษาที่วัดราชมณเฑียร และทรงสถาปนาให้พระมหาเมธังกรเป็นพระมหาสวามี และพระองค์ทรงผนวชชั่วคราว ณ วัดป่าแดงมหาวิหารอีกด้วย การสนับสนุนคณะสงฆ์นิกายสีหลทำให้พุทธศาสนาลังกาวงศ์ใหม่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากเป็นที่เลื่อมใสของผู้คน และมีพระภิกษุบวชใหม่ในนิกายสีหลเพิ่มขึ้น นิกายสีหลเน้นการศึกษาภาษาบาลี และการปฏิบัติพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง ทำให้การศึกษาเล่าเรียนด้านปริยัติธรรมเจริญสูง พระเจ้าติโลกราชทรงยกย่องภิกษุที่มีความรู้แตกฉานในพระไตรปิฏก พระภิกษุในสมัยนี้ที่มีชื่อเสียงเช่น พระธรรมทิน พระญาณกิตติเถระ พระสิริมังคลาจารย์ เป็นต้น
ในปีพ.ศ. 2020 ทรงได้โปรดเกล้าให้มีการทำ สังคายนาพระไตรปิฎกขึ้นในปี พ.ศ.2020 ที่วัดโพธาราม (วัดเจ็ดยอด) ใช้เวลา 1 ปีจึงสำเร็จ ถือเป็นหลักปฏิบัติหลักปฏิบัติของพระสงฆ์นิกายต่างๆ ในล้านนาสืบมา
พระเจ้าติโลกราชทรงสร้างวัดหลายวัด เช่น วัดมหาโพธาราม วัดราชมณเฑียร วัดป่าตาล วัดป่าแดงมหาวิหาร เป็นต้น ทรงต่อเดิม เจดีย์หลวงและทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตจากวัดพระธาตุลำปางหลวงมาประดิษฐานไว้ที่เจดีย์หลวง
พญายอดเชียงราย (พ.ศ. 2030 – 2038) ทรงเป็นโอรสของท้าวบุญเรือง โอรสองค์เดียวของพระเจ้าติโลกราช พญายอดเชียงรายปกครองบ้านเมือง 8 ปี แต่ไม่มีชื่อเสียงเป็นทีรู้จัก ชินกาลมาลีปกรณ์เป็นหลักฐานที่กล่าวถึงพระองค์มากกว่าหลักฐานชิ้นอื่น ก็ระบุว่าพระราชกรณียกิจแต่เพียงว่าทรงถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าติโลกราช ณ วัดมหาโพธาราม ครั้นถวายพระเพลิงเสร็จแล้ว ทรงสร้างสถูปใหญ่บรรจุพระอัฐิไว้ที่วัดมหาโพธาราม (วัดเจ็ดยอด)
พญาแก้ว (พ.ศ. 2038 – 2068) ทรงเป็นโอรสของพญายอดเชียงราย โดยทำสงครามกับอยุธยา ณ บริเวณหัวเมืองชายแดน พ.ศ.2050 พญาแก้ว่สงกองทัพตีเมืองสุโขทัยแต่ไม่สำเร็จ จากนั้นสงครามกับอยุธยาก็เกิดขึ้นหลายครั้ง จนหลัง พ.ศ.2058 พญาแก้วก็ไม่ได้ส่งทัพไปตีอยุธยาอีก และทางอยุธยาก็ไม่ได้ส่งทัพมาตีล้านนาเช่นกัน
ภายหลังสิ้นสมัยของพญาแก้ว (พ.ศ.2038 – 2068) อาณาจักรล้านนาเริ่มแตกแยก เกิดการแย่งชิงสมบัติกันบ่อยครั้ง อำนาจการปกครองได้ตกไปอยู่กับบรรดาขุนนาง เสนา อำมาตย์ ซึ่งสามารถที่จะแต่งตั้งหรือถอดถอนกษัตริย์ได้ ความขัดแย้งแตกแยกนี้ทำให้พม่าโดยพระเจ้าบุเรงนองได้ยกทัพมาล้อมเมืองเชียงใหม่ ใช้เวลาเพียง 3 วันก็สามารถยึดเมืองเชียงใหม่ได้อย่างง่ายดาย และได้ใช้เชียงใหม่เป็นฐานทัพในการเข้าโจมตีกรุงศรีอยุธยา ต่อไป จนสามารถยึดกรุงศรีอยุธยาได้ ในสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ เมื่อปี พ.ศ.2112
เมื่อถึงสมัยธนบุรี ผู้นำล้านนา ได้แก่พระเจ้ากาวิละ และพญาจ่าบ้าน (บุญมา) ต้องการเป็นอิสระจากการยึดครองพม่า ซึ่งได้ยึดครองสมัยพม่ายกทัพเข้าตึกรุงศรีอยุธยา จึงได้สวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระเจ้าตากสิน ขอกำลังสนับสนุนไปตีเชียงใหม่ สามารถยึดเมืองเชียงใหม่กลับคืนมาได้ เมื่อ พ.ศ. 2317 สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ จึงโปรดเกล้าให้เจ้ากาวิละเป็นเจ้าเมืองลำปาง พญาจ่าบ้านเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่
ตอนปลายสมัยธนบุรี เมืองเชียงใหม่ถูกทิ้งร้างจนถึงสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ฯ ได้โปรดเกล้าให้พระเจ้ากาวิละไปเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ แทนพญาจ่าบ้านที่เสียชีวิตลง จนถีง พ.ศ. 2347 กองทัพล้านนาได้ร่วมกับกองทัพจากกรุงเทพฯ (รัตนโกสินทร์) ช่วยกันบขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงแสนได้สำเร็จ ทำให้ล้านนาหลุดพ้นจากการยึดครองของพม่าได้สำเร็จ
ล้านนาเป็นประเทศราชของไทย (กรุงรัตนโกสินทร์ฯ ) เรื่อยมา จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ฯ ได้ประกาศรวมอาณาจักรล้านนาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์ฯ โดยสถาปนาเป็น “มณฑลพายัพ” ของกรุงรัตนโกสินทร์ฯ เมื่อ พ.ศ. 2442